ด้วยความรักในงานสายวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ที่ร่ำเรียนมา เขาจึงทำงานอยู่กับ Pantip ยาวนานกว่า 20 ปี ตั้งแต่วันที่ไม่มีเงินเดือน มาจนถึงวันที่ขึ้นเป็นหัวหน้า เพราะหลักในการใช้ชีวิต ที่มีหน่วยวัดเป็นความสุข “ความสุขของมนุษย์มีหลายปัจจัย ตั้งแต่ความต้องการ พื้นฐาน เรื่องอาหาร ที่อยู่อาศัย สุขภาพที่แข็งแรง และการสร้างความมั่นคงในชีวิต ซึ่งก็ต้องใช้เงิน” เขากล่าวเช่นนั้น ดังนั้น เขาจึงเลือก ‘ลงทุน’ ในที่ที่มั่นคงและเชื่อถือได้
ตอนนั้นผมลองเข้าไปใช้ Jitta เวอร์ชันแรก ซึ่งเป็นเว็บไซต์ที่ให้ข้อมูลหุ้นแล้ว มีให้กดโหวตหุ้นที่คุณชอบ จนเวลาผ่านไป Jitta เริ่มมีการปรับปรุงจนมี Jitta Score ที่ช่วยประเมินมูลค่าบริษัทว่าดีหรือไม่ คล้ายกับหลักการ Value Investing ทั้งเรื่องรายได้ กำไร ฯลฯ และ Jitta Line ที่ช่วยประเมินมูลค่าที่แท้จริงว่าบริษัทเหล่านั้นควรมีมูลค่าเท่าไหร่ในตลาด
ในตอนนั้นเราซื้อหุ้นที่อยู่ใน Jitta Ranking 5 อันดับแรก ถือไปสักปีนึง บางตัวบวกมาก บางตัวก็ติดลบ เลยมาทำความเข้าใจใหม่ว่า เราควรจะกระจายความเสี่ยงมากกว่านี้
โดยต้องซื้อหุ้น 20-30 ตัว เราก็มานั่งเคาะซื้อไป ปรากฏว่าเหนื่อยมากเลย
จนมาถึงจุดที่เราคิดว่าน่าจะเอาเวลาไปทำอย่างอื่นดีกว่า หลังจากนั้นผมเลยเริ่มใช้บริการของ Jitta Wealth ซึ่งมันช่วยให้เราไม่ต้องเสียเวลา ถ้าระบบซื้อแล้วทำกำไรได้ เขาก็ขอแบ่งกำไรบางส่วนออกไป แต่ถ้าพอร์ตไม่กำไร เราก็ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมนั้น มันเป็นแนวคิดที่ดีและก็แฟร์มากๆ ผมเลยลองเปิดพอร์ต Jitta Ranking หุ้นไทยในช่วงเวลานั้น
ผมมองว่า เทคโนโลยี เข้ามาช่วยงานมนุษย์ได้จริงๆ และถ้าเราจะลงทุนในตลาดหุ้นที่เราไม่ชำนาญ อย่าง ตลาดหุ้นเวียดนาม หรือ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่เราไม่รู้ข้อมูลเลย เราไม่มีทางประเมินเองได้ ดังนั้นเราจึงไว้ใจให้เทคโนโลยีประเมินให้กับเรา ก็เลยฝากให้ Jitta Wealth จัดการให้ ชีวิตจะได้มีเวลามากขึ้น เพื่อเอาไปทำอย่างอื่น และจะได้ไม่เสียเวลาในการมานั่งลงทุนเอง”