Jitta Wealth Journal – China Evergrande กระทบพอร์ตหรือไม่?
![](https://jitta.todsorb.dev/wp-content/uploads/2024/10/JW_Journal_21Sep_cover.png)
จีนเตรียมเพ่งเล็งธุรกิจเสริมความงาม
Jitta Wealth Journal ฉบับที่ 43 ประจำวันที่ 21 กันยายน 2564 ทีมงานได้รวบรวมความเคลื่อนไหวการลงทุนจากทุกมุมโลก ดังนี้
- หนี้ China Evergrande สะเทือนเศรษฐกิจจีนหรือไม่
- ‘ตลาดหุ้นอินเดีย’ โตไม่สน Covid-19
- เงินเฟ้อสหรัฐฯ เดือนสิงหาคม ปรับตัวสูงขึ้น 5.3%
- Google โดนรัฐบาลเกาหลีใต้ปรับกว่า 5,800 ล้านบาท
- Viu ก้าวขึ้นแซง Netflix เป็นอันดับ 2 ในอาเซียน
- รัฐบาลจีนเข้าจัดระเบียบธุรกิจเสริมความงาม
- Tencent หลุดอันดับ Global Top 10 เป็นครั้งแรกในรอบ 4 ปี
- บริษัทเทคโนโลยีเตรียมรับมือราคาแร่หายากพุ่งสูงขึ้น
- การใช้จ่ายตลาดเกมสูงถึง 37,900 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ใน 8 เดือนแรก
ไปติดตามกันได้เลย
![](https://jitta.todsorb.dev/wp-content/uploads/2024/10/thematicop2_cover.png)
ใหม่! Thematic Optimize
อยากลงทุนแบบ Thematic แต่ธีมเมกะเทรนด์มีให้เลือกมากมาย…ไม่รู้จะเลือกอะไรดี
#เลือกให้ถูก Thematic Optimize เลือกให้
ครั้งแรกในประเทศไทย AI ช่วยจัดพอร์ตธีมเมกะเทรนด์ให้คุณ
พิสูจน์จากทดสอบผลตอบแทนย้อนหลังสูงถึง 20%* ต่อปี
*ผลตอบแทนทบต้นจากการทดสอบผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ปี 2561-2563
![](https://jitta.todsorb.dev/wp-content/uploads/2024/10/QASEP_cover.png)
Exclusive Q&A with CEO ประจำเดือนกันยายน
หากใครที่พลาดไม่ได้เข้าร่วม Webinar ถามตอบกับคุณตราวุทธิ์ ลองเข้าดู Live ย้อนหลัง หรืออ่านสรุปที่ทีมงาน Jitta Wealth ได้ทำมาให้ หากใครมีข้อสงสัยเกี่ยวกับบริการใหม่ Thematic Optimize ติดตามจากลิงก์ข้างล่างนี้ได้เลย
หนี้ China Evergrande สะเทือนเศรษฐกิจจีนหรือไม่
China Evergrande บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่เบอร์ 2 ของจีน จดทะเบียนในตลาดหุ้นฮ่องกง กำลังเผชิญหนี้สินมากกว่า 300,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทั้งหนี้ของสถาบันการเงินและหนี้หุ้นกู้ของนักลงทุน
ภาพชัดๆ คือ China Evergrande กำลังจะผิดนัดชำระหนี้ และเกิด NPL (Non-performing Loans) ในภาคการเงิน ด้วยมูลหนี้ที่สูงมาก คิดเป็น 2% ของ GDP จีน แน่นอนว่า กำลังสั่นสะเทือนวงการอสังหาริมทรัพย์ของจีน
จริงๆ แล้วผลกระทบจากการขาดสภาพคล่องยาวเป็นลูกโซ่เลย ไม่ว่าจะเป็นสินเชื่อพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย การระดมทุนผ่านหุ้นกู้ รวมไปถึงโครงการที่อยู่ในแผน ผู้รับเหมาก่อสร้าง วัสดุก่อสร้าง และแรงงานที่อยู่ในภาคอสังหาริมทรัพย์
รวมไปถึงลูกค้ากว่า 1.5 ล้านรายที่วางเงินดาวน์เพื่อจองที่อยู่อาศัยเอาไว้แล้วด้วย เรียกได้ว่า ใครๆ ต่างก็อกสั่นขวัญแขวน ไม่รู้ว่าบริษัทจะหาทางออกอย่างไร
ว่ากันว่า…วิกฤตครั้งนี้ อาจจะเหมือนการล้มละลายของ Lehman Brothers ก่อนวิกฤต Subprime ของสหรัฐฯ เมื่อปี 2551
ในช่วงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ราคาหุ้น China Evergrande ปรับตัวลงไปกว่า 25% ภายในเวลา 3 วัน หลังศาลตัดสินอายัดบัญชีเงินฝากมูลค่า 20 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ในรอบ 1 ปีที่ผ่านมาราคาหุ้น China Evergrande ร่วงไปถึง 60% หลังรัฐบาลจีนเริ่มออกมาตรการควบคุมอสังหาริมทรัพย์ที่เข้มงวดมากขึ้น และเพิ่มข้อจำกัดมากมายในการปล่อยสินเชื่อแก่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์
นอกจากราคาหุ้นของบริษัทตกไปเกือบเท่าตัวแล้ว Evergrande เองยังประสบภาวะขาดทุนอย่างหนักและขาดสภาพคล่องมาดำเนินธุรกิจ
หากบริษัทไม่สามารถแก้ไขปัญหานี้ได้ ความเสียหายครั้งนี้ จะกระทบต่อสถาบันการเงิน ตลาดตราสารหนี้ ภาคก่อสร้าง ภาคอสังหาริมทรัพย์ และผู้บริโภคที่ซื้อที่อยู่อาศัยกับ China Evergrande
นักลงทุนตั้งคำถามว่า วิกฤตนี้จะเป็นชนวนนำไปสู่ ‘วิกฤต Subprime ในเอเชีย’ หรือไม่ เพราะปัญหาหนี้สินมากมายของ ทำให้ S&P ลดอันดับความน่าเชื่อถือของ China Evergrande เหลือเพียง CCC คือ มีความเสี่ยงสูงที่จะผิดนัดชำระหนี้
Fitch Rating ระบุว่า บริษัทจำนวนมากอาจมีความเสี่ยงด้านสินเชื่อเพิ่มมากขึ้น หาก China Evergrande ผิดนัดชำระหนี้จริง ทำให้สินเชื่อในกลุ่มผู้สร้างบ้านมีช่องว่างมากขึ้น และอาจส่งผลให้เกิดปัญหากับธนาคารขนาดเล็กด้วย
จึงทำให้ วิกฤตหนี้ China Evergrande มีความสำคัญ เพราะภาคอสังหาริมทรัพย์เป็น 1 ในกลไกสำคัญของเศรษฐกิจจีน มีสัดส่วนคิดเป็น 29% ของมูลค่า GDP ยิ่งเป็นเบอร์ 2 หากล้มละลายจริง จะเป็นบททดสอบข้อใหญ่ให้ทางการจีนเลยทีเดียว
แต่นักวิเคราะห์หลายคนให้ความเห็นว่า มีโอกาสน้อยมากที่ทางการจีนจะปล่อยให้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ระดับนี้ล้มละลาย เชื่อว่า หน่วยงานกำกับดูแลจะเข้ามามีส่วนช่วยเหลือหรือบังคับปรับโครงสร้างได้
ล่าสุดธนาคารกลางจีน (PBOC) ได้อัดฉีดสภาพคล่อง 90,000 ล้านหยวนเข้าสู่ระบบการเงิน ผ่านสัญญากู้ยืมระยะสั้น (Repo) อายุ 7 และ 14 วัน นับเป็นการอัดฉีดสภาพคล่องภายใน 1 วันที่มีมูลค่าสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ บรรเทาวิกฤตในตลาดการเงินเบื้องต้น
นอกจากนี้ ทางการจีนได้สั่งให้เจ้าหน้าที่ทำแผนจัดการปัญหาหนี้ของ China Evergrande รวมถึงการประสานงานกับผู้ซื้อทรัพย์สินที่มีศักยภาพ ภายในเดือนนี้ จะมีการลงนามข้อเสนอเพื่อให้บริษัทสามารถเจรจากำหนดเวลาการชำระเงินกับธนาคารและเจ้าหนี้รายอื่นได้อีกครั้ง ปูทางสำหรับการบรรเทาโทษชั่วคราว
วิธีรับมือกับข่าวนี้ในมุมมองของ Jitta Wealth คือ ยังคาดการณ์ไม่ได้ การล้มละลายยังไม่เกิด ระหว่างนี้หน่วยงานกำกับดูแลของจีนคงจะมีมาตรการออกมา เพื่อบรรเทาความเสียหายต่อระบบการเงิน อสังหาริมทรัพย์ และเศรษฐกิจโดยรวม
China Evergrande บนแพลตฟอร์มของ Jitta มีวิเคราะห์มาแล้วว่า บริษัทมีงบการเงินอ่อนแอหลายๆ ด้าน เช่น กำไรลดลง มูลหนี้สูง กระแสเงินสดใช้เวลาหมุนเวียนมากกว่า 1 ปี ขาดการเติบโต และปันผลให้ผู้ถือหุ้นน้อย
แม้ว่า ราคาหุ้นปัจจุบันจะอยู่ต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง ก็ไม่ได้แปลว่า งบการเงินจะดีเสมอไป ทำให้อัลกอริทึมของ Jitta ไม่จัดให้บริษัทอสังหาริมทรัพย์เบอร์ 2 ของจีน อยู่ในอันดับสูงๆ ของ Jitta Ranking ฮ่องกง
ถึงจะเป็นบริษัทจีน แต่ซื้อขายในตลาดหุ้นฮ่องกง ไม่มีผลกระทบต่อ Jitta Ranking จีน และจะมีผลเพียงเล็กน้อยต่อ Thematic ธีมตลาดหุ้นจีน เพราะ iShares MSCI China ETF มีสัดส่วนการลงทุนอยู่ประมาณ 0.02% ถืออยู่ท้ายตารางของ ETF เลย
เพราะฉะนั้น ยังลงทุน Jitta Ranking จีนและ Thematic ธีมตลาดหุ้นจีนกันได้อย่างสบายใจ
![](https://jitta.todsorb.dev/wp-content/uploads/2024/10/Jitta-Wealth-x-Money-and-Banking-หุ้นเทคจีน-scaled.jpeg)
จัดพอร์ตเติบโตไปกับ ‘หุ้นเทคโนโลยีจีน’ เมื่อฟ้าเปิด
คุณตราวุทธิ์ได้เขียนบทความวิธีรับมือลงทุนหุ้นจีนอย่างไร กับความเสี่ยงมาตรการกำกับดูแลของทางการจีน (Regulatory Risk) ในกลุ่มเทคโนโลยี อสังหาริมทรัพย์ การศึกษา และอาจจะมีกลุ่มธุรกิจอื่นๆ ตามมาในอนาคต
‘ตลาดหุ้นอินเดีย’ โตไม่สน Covid-19
‘ตลาดหุ้นอินเดีย’ กลายเป็นตลาดหุ้นที่มีมาร์เก็ตแคปใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 6 ของโลก เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา การเพิ่มขึ้นในครั้งนี้เกิดขึ้นจากการเติบโตของดัชนี SENSEX กว่า 23%ในช่วงปี 2564
ทำให้ตลาดหุ้นอินเดียแซงตลาดหุ้นฝรั่งเศสมาเป็นอันดับ 6 และมีมาร์เก็ตแคปสูงถึง 3.41 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ
ท่ามกลางวิกฤต Covid-19 ที่ทำให้รัฐบาลอินเดียต้องเร่งยับยั้งการแพร่ระบาดโดยเร็ว แต่ตลาดหุ้นอินเดียกลับเติบโตสวนทางกัน และทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ เมื่อเทียบกับช่วงที่ดัชนีตลาดหุ้นดิ่งลง เมื่อเดือนมีนาคม 2563
ผ่านมาได้ 1 ปีครึ่งตลาดหุ้นอินเดียสามารถฟื้นฟูมาร์เก็ตแคปได้อีก 2.08 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐเลยทีเดียว
เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาดัชนี SENSEX และ NIFTY50 ได้ปรับตัวลงเล็กน้อย ซึ่ง SENSEX ลดลงประมาณ 0.21% เหลือ 59,016 จุด ในขณะที่ NIFTY50 ลดลง 0.25% ปิดที่ 17,585 จุด
แต่ดัชนี 2 ตัวยังอยู่ในช่วงขาขึ้น และมีแนวโน้มทำนิวไฮอย่างต่อเนื่อง จะเห็นได้ว่า ตลาดหุ้นอินเดียมีศักยภาพเติบโตอย่างมีนัยยะสำคัญ เมื่อมาร์เก็ตแคปโต สะท้อนว่า ราคาหุ้นในตลาดเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน
นอกจากนี้ศักยภาพของตลาดหุ้นอินเดียที่น่าสนใจ อินเดียเป็นประเทศขนาดใหญ่ มีประชากรเกือบ 1,400 ล้านคนที่ขับเคลื่อนและการฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศในภาพใหญ่
Jitta Wealth มองว่า อินเดียเป็นตลาดหุ้นที่เติบโตในอีก 5-10 ปีข้างหน้า มีความน่าสนใจทั้งขนาดและประชากรเหมือนๆ จีน เพียงแต่จีนพัฒนาตัวเองไปได้เร็วกว่า สามารถต่อกรกับยักษ์ใหญ่อย่างสหรัฐฯ ได้
สำหรับตลาดหุ้นอินเดียอยู่ในช่วงกำลังเติบโต มีรายได้มาจากความต้องในประเทศ และศักยภาพในการทำธุรกิจในต่างประเทศด้วย สะท้อนว่า บริษัทสัญชาติอินเดียมีความสามารถในการแข่งขันสูงบนเวทีโลกด้วย
หากคุณสนใจ ‘ตลาดหุ้นอินเดีย’ กองทุนส่วนบุคคล Thematic DIY มีธีมนี้ให้คุณเลือกจัดพอร์ตเอง ผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี ณ 17 กันยายน อยู่ที่ 56.86% ตามการเติบโตของดัชนีตลาดหุ้น
![Jitta Wealth](https://jitta.todsorb.dev/wp-content/uploads/2024/10/india_info3_Cover.png)
โอกาสลงทุนใน ‘ตลาดหุ้นอินเดีย’ อยู่ที่ไหนบ้าง
เราจะพาคุณไปทำความรู้จัก ETF และกองทุนรวมที่ลงทุนใน ‘ตลาดหุ้นอินเดีย’ พร้อมผ่าไส้ในว่า ลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมไหนบ้าง มีผลตอบแทนย้อนหลังเป็นอย่างไร ทานกระแสวิกฤต Covid-19 ได้ดีแค่ไหน
![](https://jitta.todsorb.dev/wp-content/uploads/2024/10/india_storyth.png)
ขุมพลังเศรษฐกิจ New India แต้มต่อตลาดหุ้นขึ้นแท่น ‘กระทิง’
คุณตราวุทธิ์เขียนบทความถึงความน่าสนใจของ ‘ตลาดหุ้นอินเดีย’ ประเทศเกิดใหม่ ที่ถูกมองว่า มูลค่าเศรษฐกิจจะแซงประเทศพัฒนาแล้วในอีก 5-10 ปีข้างหน้า ถึงเวลาหรือยังที่คุณจะลองจัดพอร์ตลงทุนในตลาดหุ้นที่มีหลายๆ ธุรกิจเติบโตบนเวทีโลก
![](https://jitta.todsorb.dev/wp-content/uploads/2024/10/stockvitamin.png)
Q&A 10 คำถาม มีคำตอบ เรื่อง Global ETF ของ Jitta Wealth
เพจ Stock Vitamins – วิตามินหุ้น รีวิวพอร์ตลงทุน Global ETF และสรุปคอนเซ็ปต์พอร์ตลงทุนสำหรับวางแผนทางการเงินระยะยาว ไม่ว่าจะรับความเสี่ยงได้มาก ปานกลาง หรือน้อย Jitta Wealth ออกแบบสูตรสำเร็จมาให้แล้ว
สรุปสถานการณ์ลงทุนทั่วโลก
กระทรวงแรงงาน สหรัฐฯ เผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ปรับตัวสูงขึ้น 5.3%ในเดือนสิงหาคม เมื่อเทียบรายปี ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์เอาไว้ 5.4% ซึ่งดัชนีนี้เป็นมาตรวัดเงินเฟ้อและราคาสินค้ารายเดือน
โดยในเดือนกรกฎาคม ดัชนี CPI พุ่งขึ้น 5.4% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2551
คณะกรรมาธิการค้ายุติธรรมของเกาหลีใต้ (KFTC) วางแผนปรับ Google กว่า 5,800 ล้านบาท ฐานห้ามผู้ผลิตสมาร์ตโฟนอย่าง Samsung ไม่ให้ใช้ระบบปฏิบัติการอื่น ซึ่งจะเป็นบทลงโทษต่อต้านการผูกขาดที่ใหญ่ที่สุด
เกาหลีใต้เริ่มบังคับใช้กฎหมายโทรคมนาคมฉบับปรับปรุง ห้ามไม่ให้ผู้ให้บริการแอปสโตร์ เช่น Google และ Apple กำหนดให้ผู้ใช้สมาร์ตโฟนชำระเงินด้วยระบบการซื้อในแอป เพราะนักพัฒนาซอฟต์แวร์จะต้องเสียค่าธรรมเนียมให้ทั้ง 2 ค่ายด้วย
โดยทั้งผู้ใช้งานและนักพัฒนาแอปพลิเคชันต้องมีอิสระในการเลือกช่องทางชำระเงิน ซึ่งถือเป็นประเทศแรกที่นำกฎนี้มาใช้
เวียดนามเร่งฉีดวัคซีน Covid-19 หวังคลายล็อกดาวน์ปลายเดือนกันยายนนี้ กระทรวงสาธารณสุขของเวียดนาม ระบุว่า จะสามารถฉีดวัคซีนให้ประชาชนในกรุงฮานอยได้มากกว่า 1 ล้านคนในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
เวียดนามจำเป็นต้องเร่งฉีดวัคซีน เพื่อให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจสามารถดำเนินการได้อีกครั้ง ตอนนี้ประชาชนในกรุงฮานอย 80% ได้รับวัคซีนอย่างน้อย 1 โดส และทางการหวังว่าตัวเลขจะเพิ่มเป็น 100% ภายในสัปดาห์นี้
Viu สตรีมมิงสัญชาติฮ่องกง ก้าวขึ้นแซง Netflix เป็นอันดับ 2 ของตลาดสตรีมมิงเอเชียตะวันออกเชียงใต้ พร้อมเดินหน้าเบียด Disney+ เพื่อเป็นที่ 1 ในภูมิภาค
Netflix ผู้บุกเบิกตลาดร่วงไปอยู่อันดับ 3 และอันดับ 1 เป็นของ Disney+ สำหรับ Viu มีการเติบโตทางรายได้ถึง 47% ในครึ่งปีแรก 2564 จำนวนผู้ชมกว่า 49 ล้านคน ซึ่งเพิ่มขึ้น 37% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่แล้ว
รัฐบาลจีนกำลังเข้าจัดระเบียบธุรกิจเสริมความงาม โดย People’s Daily สื่อกระบอกเสียงของรัฐบาลจีน ตีพิมพ์บทความ เรียกร้องให้มีการควบคุมโฆษณาที่เกี่ยวกับการศัลยกรรมความงาม ที่กล่าวอ้างเกินจริง หรือนำเสนอข้อมูลเท็จ
โดยการวิพากษ์วิจารณ์ธุรกิจศัลยกรรมเสริมความงามครั้งนี้ เกิดขึ้นในระหว่างที่รัฐบาลจีนกำลังเข้ามาจัดระเบียบธุรกิจต่างๆ ตั้งแต่ธุรกิจเทคโนโลยี การศึกษา ไปจนถึงอสังหาริมทรัพย์ เพื่อเสริมสร้างการควบคุมเศรษฐกิจและสังคม หลังจากปล่อยให้ธุรกิจเหล่านี้ทำเงินมหาศาลมาหลายปี
Tencent หลุดอันดับ Global Top 10 เป็นครั้งแรกในรอบ 4 ปี โดยเกิดจากราคาหุ้นลดลง จากการตรวจสอบด้านกฎระเบียบของทางการจีน ที่สร้างความเสียหายอย่างมหาศาลให้กับนักลงทุน
ก่อนหน้านี้ Tencent อยู่ตำแหน่ง 10 บริษัทที่ใหญ่ที่สุดในโลกตามมูลค่าตลาด และเป็นหุ้นจีนที่ติดโผมาโดยตลอด ตอนนี้ Nvidia บริษัทผู้ผลิตชิป ขึ้นมาติด 10 อันดับเป็นที่เรียบร้อย
อุตสาหกรรมเทคโนโลยีต้องเตรียมรับมือกับราคาแร่หายากที่พุ่งสูงขึ้น จากแรงกดดันสงครามการค้าสหรัฐฯ และจีนยังคงมีอยู่ โดยทั้ง 2 ประเทศมีอุตสาหกรรมที่ข้องกับทรัพยากรแร่ธาตุหายากเป็นจำนวนมาก
ราคาแร่หายากที่พุ่งสูงขึ้น จะส่งผลไปกับบริษัทเทคโนโลยีทั่วโลก ด้วยต้นทุนการผลิตสูงขึ้น คาดการณ์ว่า จะทำให้กำไรขั้นต้นของบริษัทเทคโนโลยีต่างๆ ลดลงไปถึง 20% และยังไร้วี่แววว่า ราคาของแร่หายากจะลดลงในเร็ววัน
จีนเป็นประเทศเดียวที่ครอบครองกระบวนการผลิตแร่หายากแบบครบวงจรในขณะนี้ ทำให้จีนมีอำนาจต่อรองกับสหรัฐฯ มากขึ้น และนอกจากราคาแร่ที่เพิ่มขึ้นจะส่งผลต่อบริษัทเทคโนโลยีแล้ว ยังส่งผลต่อบริษัทยานยนต์ขนาดใหญ่ที่มีฐานการผลิตในหลายๆ ประเทศอีกด้วย
อุตสาหกรรมเกมยังคงสร้างความประหลาดใจให้กับนักลงทุน ด้วยยอดขายที่เติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมีผู้บริโภคใช้จ่ายในอุตสาหกรรมเกมเพิ่มมากขึ้นถึง 13% หรือประมาณ 37,900 ล้านดอลลาร์สหรัฐในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมา
สำหรับเดือนสิงหาคม อุตสาหกรรมเกมมีการใช้จ่ายไป 4,370 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เติบโต 7% โดยแบ่งเป็น ค่าใช้จ่ายฮาร์ดแวร์เกมเพิ่มขึ้น 45% อยู่ที่ 329 ล้านดอลลาร์สหรัฐ นำโดยเจ้าใหญ่ Microsoft และ Sony ที่ออกเครื่องเล่นเกมคอนโซล
ทำให้ช่วง 8 เดือนแรก การใช้จ่ายกลุ่มเกมคอนโซลเติบโต 49% มาอยู่ที่ 3,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จาก Nintendo Switch และ PlayStation 5
นี่คือ สรุปข่าวจากทั่วโลกที่มีผลต่อการลงทุนในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา มีทั้งปัจจัยบวก ปัจจัยลบ กระทบมาก และกระทบน้อย อยู่ที่ว่า ตัวเราเองจะมีมุมมองต่อข่าวที่เกิดขึ้นอย่างไร
หากคุณรู้จักสินทรัพย์ที่ลงทุนอยู่ดีพอ คุณไม่ได้ตัดสินใจลงทุนผิดเลย เพียงแค่ข่าวหรือปัจจัยลบๆ ที่เข้ามา อาจจะทำให้คุณไขว้เขว และตั้งคำถามกับตัวเองว่า ทำไมพอร์ตถึงลดลง
ทั้งๆ ที่คุณเลือกธีมที่เติบโตระยะยาว ลงทุนหุ้นที่มีการเติบโต ในโลกของการลงทุนระยะยาว ผลลัพธ์ไม่ใช่คำตอบเสมอไป ให้พิจารณาที่เหตุผล เป้าหมายการลงทุน และความเสี่ยงที่คุณยอมรับได้
แล้วพบกันสัปดาห์หน้า