Skip to content - ข้ามไปที่เนื้อหา
Blog

Exclusive Q&A with CEO อัปเดตการลงทุน Jitta Wealth เดือนกันยายน


เนื้อหาสำคัญ

Exclusive Q&A with CEO เป็น Webinar ที่ทีมงาน Jitta Wealth จัดขึ้นเป็นประจำทุกเดือน เพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับบริการกองทุนส่วนบุคคล Jitta Wealth และตอบข้อสงสัยของนักลงทุนที่สนใจ 

คุณสามารถรับชม Webinar ย้อนหลังได้ทาง Facebook หรือ Youtube หรืออ่านสรุปคำถาม-ตอบ จากนักลงทุนทางบ้านได้ในบทความนี้

ดู Webinar ย้อนหลัง

สรุป Q&A เกี่ยวกับ Thematic Optimize

Q: อยากทราบรายละเอียดทั้งหมดเกี่ยวกับ Thematic Optimize

เป็นกองทุนส่วนบุคคลที่ถูกออกแบบมา เพื่อช่วยนักลงทุนที่ไม่สามารถเลือกธีมการลงทุนได้เอง รวมไปถึงไม่ได้มีธีมอุตสาหกรรมที่สนใจเป็นพิเศษ ทำให้ Jitta Wealth ออก Thematic Optimize ที่ช่วยเลือกธีมและปรับพอร์ตให้โดยอัตโนมัติ ทางทีมงาน Jitta Wealth พัฒนาระบบ และทำการทดสอบอัลกอริทึม เพื่อออกมามีประสิทธิภาพ และดีที่สุดสำหรับนักลงทุน

Thematic Optimize ทาง Jitta Wealth จะเป็นผู้เลือกธีมให้กับนักลงทุน 4 ธีม และจะมีการปรับสัดส่วนพอร์ตในทุก 3 เดือน จากผลทดสอบพบว่าการให้ AI เลือกธีมการลงทุนใน Thematic Optimize สามารถทำผลตอบแทนได้ดีกว่าการเลือกธีมแบบ Thematic DIY ได้ดีกว่าถึง 90% ด้วยกัน แต่ไม่ได้แปลว่าดีที่สุดเสมอไป เพราะหากเลือกเองธีมการลงทุน 4 ธีมแบบ Thematic DIY ถูก สามารถทำผลตอบแทนได้ดีกว่า Thematic Optimize เช่นเดียวกัน

ซึ่งในจุดนี้อยู่ที่นักลงทุนว่า ต้องการจะเลือกธีมการลงทุนเอง หรือต้องการให้ Jitta Wealth เลือกธีมการลงทุนให้ สำหรับค่าธรรมเนียมไม่มีการเก็บเพิ่มแต่อย่างใด เป็นอีกหนึ่งทางเลือกเพื่อช่วยให้นักลงทุนได้ผลตอบแทนที่ดีที่สุด และช่วยอำนวยความสะดวกให้สำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในเมกะเทรนด์ หรืออุตสาหกรรมที่เติบโตขึ้นในอนาคต

หากต้องการลงทุนใน Thematic Optimize เงินลงทุนขั้นต่ำคือ 100,000 บาท

Q: หากพอร์ตเดิมเป็น Thematic DIY รวมไปถึง Jitta Ranking หรือ Global ETF สามารถเปลี่ยนมาเป็นแบบ Thematic Optimize ได้หรือไม่

สามารถทำได้ ให้ทำการเปิดพอร์ต Thematic Optimize ก่อน จากนั้นแจ้งทางทีมงาน Jitta Wealth ว่าต้องการเปลี่ยนรูปแบบการลงทุนจากเดิมมาเป็นแบบ Thematic Optimize และเมื่อเงินเข้ามาใน Thematic Optimize แล้วเงินก็จะเริ่มทำการซื้อขายตามที่ระบบ AI จัดการให้

สำหรับ Jitta Ranking อาจต้องใช้ระยะเวลาดำเนินการเพิ่มขึ้น เพราะพอร์ตลงทุนเดิมอาจจะไม่ได้ถือสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐในการลงทุน เช่น หากลงทุนใน Jitta Ranking จีน ต้องแลกเปลี่ยนสกุลเงินหยวนมาเป็นดอลลาร์สหรัฐก่อน ถึงจะเริ่มลงทุนในแบบ Thematic Optimize ได้

Q: หากลงทุนแบบ Thematic DIY อยู่ แล้วในพอร์ตมีกำไรหรือขาดทุนอยู่ ควรจะเปลี่ยนมาลงทุนแบบ Thematic Optimize หรือไม่

การเลือกจะเปลี่ยนรูปแบบการลงทุน เรื่องกำไรหรือขาดทุนเป็นเรื่องรองลงมา สิ่งที่สำคัญเป็นอันดับแรกคือความต้องการของคุณว่า ต้องการจะเลือกธีมการลงทุนเองอยู่ไหม และมั่นใจได้หรือไม่ว่า หากเราเลือกธีมการลงทุนเอง จะสามารถทำผลตอบแทนได้ตามที่เราต้องการ

เพราะในการเลือกธีมการลงทุน 4 ธีมแบบ Thematic DIY มีรูปแบบประมาณ 10% ที่สามารถทำผลตอบแทนชนะการลงทุนแบบ Thematic Optimize ได้ ซึ่งสิ่งที่นักลงทุนต้องถามตัวเองเป็นอันดับแรก คือ ต้องการเลือกจะลงทุนด้วยตัวเอง หรืออยากให้ทาง Jitta Wealth ใช้อัลกอริทึมช่วยจัดการให้

สำหรับนักลงทุนที่ในตอนนี้ยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเลือกธีมการลงทุนอะไร ต้องการจะปรับพอร์ตการลงทุนไปในทิศทางไหน การเปลี่ยนมาเป็น Thematic Optimize ถือว่าเป็นทางเลือกที่ดี แต่สำหรับนักลงทุนที่ติดตามอุตสาหกรรมมาอย่างต่อเนื่อง และคาดการณ์ได้ว่าธีมการลงทุนไหนที่กำลังเติบโต ก็เหมาะกับการลงทุนแบบ Thematic DIY

ทั้งนี้นักลงทุนสามารถเปิดพอร์ตการลงทุนแบบ Thematic Optimize ควบคู่ไปกับกับ Thematic DIY และดูว่าผลตอบแทนของการลงทุนแบบไหนที่ดีกว่า และค่อยตัดสินใจว่าต้องการจะลงทุนในรูปแบบ Thematic DIY หรือ Thematic Optimize 

Q: Thematic Optimize ได้ใช้ AI เลือกธีมให้ แล้วพอร์ตการลงทุนของแต่ละคนจะมีความแตกต่าง หรือเหมือนกันยังไง

โดยหลักการแล้ว AI สามารถเลือกธีมที่ไม่เหมือนกันได้ในทุกวัน แต่ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยขนาดนั้น เป็นไปได้ว่าหากลงทุนใน Thematic Optimize กันคนละวันธีมการลงทุนที่เลือกให้อาจจะไม่เหมือนกัน 

แต่ถ้าหากลงทุนภายในวันเดียวกัน Thematic Optimize จะเลือกธีมการลงทุนที่เหมือนกัน เพราะจะเลือกธีมการลงทุนที่ดีที่สุดของวันนั้นให้ ขึ้นอยู่กับความผันผวนของธีมอุตสาหกรรมนั้นๆ

ในอนาคต ทีมงาน Jitta Wealth จะอัปเดตธีมการลงทุนที่ AI คัดมาให้ในช่วงเวลานั้นๆ เพื่อให้นักลงทุนทราบด้วย

Q: Global ETF แตกต่างจาก Thematic Optimize อย่างไรในเมื่อใช้ AI ช่วยจัดการเหมือนกัน

กลยุทธ์ของ Global ETF และ Thematic Optimize จะแตกต่างกัน ซึ่ง Global ETF จะใช้การ Asset Allocation และ Diversification ในการจัดการพอร์ต เพราะต้องลงทุนทั้งในหุ้นและพันธบัตร สิ่งที่ Jitta Wealth พยายามทำคือจัดน้ำหนักพอร์ตให้ได้ผลตอบแทนตามที่นักลงทุนคาดหวังไว้ Global ETF จึงเหมาะกับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ไม่มาก เพราะมีโอกาสได้ผลตอบแทนตามที่คาดหวังไว้

สำหรับ Thematic Optimize เป็นการลงทุนในหุ้นทั้งหมดและเน้นไปที่ธีมอุตสาหกรรมใด อุตสาหกรรมหนึ่งที่เป็นเมกะเทรนด์ ซึ่งจะความผันผวนที่สูงกว่า แต่ก็ทำให้มีโอกาสได้ผลตอบแทนดีกว่าการลงทุนแบบ Global ETF เช่นเดียวกัน ขึ้นอยู่กับความเสี่ยงที่นักลงทุนรับได้ว่าต้องการลงทุนในรูปแบบ Thematic หรือ Global ETF

Q: หาก Thematic ปรับพอร์ตอัตโนมัติในทุก 3 เดือน จะถูกเรียกเก็บค่าธรรมเนียมในส่วนนี้เพิ่มขึ้นหรือไม่

สำหรับค่าธรรมเนียมการบริหารจัดการของ Jitta Wealth ยังคงเป็น 0.5% ต่อปีเหมือนเดิม แต่เมื่อปรับพอร์ตจะมีค่าคอมมิชชั่นที่เราต้องจ่ายให้โบรกเกอร์เมื่อเราทำรายการซื้อขาย ETF ซึ่งน่าจะทำให้มีส่วนต่างเพิ่มขึ้น แต่สุดท้ายแล้วเมื่อคิดผลตอบแทนออกมาก็น่าจะคุ้มกว่าอยู่ดี 

Q: หากต้องการย้ายการลงทุนจาก Thematic DIY มา Thematic Optimize จะต้องจ่ายภาษีเพิ่มขึ้นหรือไม่

ถ้าคุณลงทุนในต่างประเทศ และนำเงินเข้ามาในประเทศในปีภาษีเดียวกัน เราจะต้องเสียภาษี Capital Gain ด้วย แต่การย้ายพอร์ตลงทุนของ Jitta Wealth เราสามารถขายพอร์ตเดิมเป็นสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ และย้ายไปพอร์ตใหม่ได้เลยโดยไม่จำเป็นต้องเสียภาษี

Q: อยากให้อธิบายรายละเอียดการคัดเลือก ETF ของ Thematic Optimize ว่าตัว AI มีกลไกหรือวิธีการคัดเลือกยังไงบ้าง

สำหรับกลไกการคัดเลือกในภาพใหญ่ สิ่งที่ Jitta Wealth เน้นอยู่เสมอคือ การคัดเลือกที่พื้นฐานก่อนเป็นอันดับแรก รวมถึงอัปเดตการเติบโตของธีมอุตสาหกรรมของ ETF แต่ละตัวด้วยว่า เติบโตขึ้นมากแค่ไหน 

จากนั้นตัว AI จะไปคำนวณผลตอบแทนของ ETF แต่ละตัวว่า ธีมไหนที่สามารถสร้างผลตอบแทนให้ได้มากที่สุด ก่อนที่จะเริ่มวิเคราะห์ปัจจัยอื่นๆ เช่น ความเสี่ยง ความผันผวน และโอกาสเติบโตในอนาคต จากนั้น AI จะเลือกธีมมา 4 ตัวให้กับนักลงทุน

จากข้อมูลดังกล่าวทำให้นักลงทุนสามารถมั่นใจได้ว่าจะได้ธีม ETF ที่เติบโตดี มีผลตอบแทนสูง และมีความเสี่ยงที่ต่ำที่สุด และจะนำมาวิเคราะห์ใหม่อีกครั้งในทุก 3 เดือน เพราะถ้าหากธีมการลงทุนใดมีพื้นฐาน หรือปัจจัยเปลี่ยนไปทำให้ตกอันดับ เราจะปรับพอร์ตให้อัตโนมัติเพื่อให้นักลงทุนได้ลงทุนอุตสาหกรรมที่เติบโตอย่างสม่ำเสมอ

Q: เราสามารถตั้งเงื่อนไขให้ Thematic Optimize ไม่เลือกลงทุนในเฉพาะบางธีมได้ไหม

ไม่สามารถทำได้ หากระบบอัลกอริทึมวิเคราะห์ธีมอุตสาหกรรมดังกล่าว และเลือกลงทุนในธีมนั้นแล้ว จะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงการพอร์ตการลงทุนได้ 

Q: Jitta Wealth ได้คาดการณ์ ‘โอกาสขาดทุนสูงสุด’ และ ‘ผลตอบแทนปกติ’ เอาไว้ที่เท่าไรสำหรับการลงทุนรูปแบบ Thematic Optimize

Jitta Wealth ได้ทดสอบย้อนหลังระบบ Thematic Optimize ไป 3 ปี โอกาสขาดทุนสูงสุดอยู่ที่ประมาณ 28% ส่วนผลตอบแทนปกติ เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 20% ต่อปี 

Q: หากมีเงินอยู่ 100,000 บาท และไม่สนใจความเสี่ยง แนะนำการลงทุนแบบไหน

Thematic Optimize เหมาะสมที่สุดกับการลงทุนรูปแบบนี้ เพราะการลงทุนใน Thematic เหมาะสำหรับผู้รับความเสี่ยงได้สูง ส่วนในระบบ Thematic Optimize จะปรับพอร์ตการลงทุนให้อัตโนมัติโดยที่นักลงทุนไม่ต้องทำอะไรเลย

Q: Jitta Wealth จะเปิดตัว Thematic Optimize ช่วงไหน

Jitta Wealth จะเปิดตัวการลงทุนแบบ Thematic Optimize ในช่วงปลายเดือนกันยายนนี้ สามารถติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่กลุ่ม Facebook: Jitta Wealth Official ได้เลย

สรุป Q&A เกี่ยวกับ Jitta Wealth อื่นๆ

Q: อยากทราบถึงผลตอบแทนของ Jitta Ranking จีน ในช่วงที่ตลาดหุ้นจีนกำลังอยู่ในช่วงขาลง การลงทุนใน Jitta Ranking สามารถเอาชนะตลาดได้หรือไม่

ถ้านับผลตอบแทน YTD ตอนนี้ Jitta Ranking ยังสามารถทำผลตอบแทนชนะดัชนีตลาดหุ้นจีนได้อยู่ จากการลงทุนตั้งแต่ 5 มิถุนายน 2564 ผลตอบแทนในตอนนี้อยู่ที่ 4.92% ส่วนของ YTD อยู่ที่ประมาณ 5.61% ส่วนดัชนีตลาดหุ้นจีนอยู่ประมาณ 0% 

แต่ด้วยระยะเวลาที่ค่อนข้างสั้น เพียงแค่ 3 เดือนเท่านั้น ทำให้บอกได้ค่อนข้างยากว่า ในตอนนี้ Jitta Ranking สามารถเอาชนะดัชนีได้จริงหรือไม่

Q: นโยบาย Jitta Ranking จีนที่ปรับพอร์ตทุก 3 เดือนจะทันสถานการณ์วิกฤตอสังหาริมทรัพย์ของจีนในตอนนี้หรือไม่

หากเราลงทุนในหุ้นที่มีพื้นฐานดี มีรายได้เติบโต มีกำไร และกระแสเงินสดเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ราคาในช่วงที่เกิดวิกฤตอาจจะตกลงไป แต่เดี๋ยวราคาจะปรับตัวขึ้นมาในจุดที่เหมาะสมเองในอนาคต ซึ่งราคาหุ้นที่ตกลงคาดว่าจะเป็นการปรับตัวลงชั่วคราวเท่านั้น 

ส่วนวิกฤตอสังหาริมทรัพย์ในจีนส่งผลกระทบมาช่วงนึงแล้ว แต่ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อทุกอุตสาหกรรมในตลาดหุ้นจีน การปรับตัวลงของราคาอาจจะเกิดขึ้นบ้าง แต่ถ้าหากเรามั่นใจว่า ลงทุนในหุ้นพื้นฐานดี ราคาของหุ้นจะปรับตัวขึ้นไปในระดับที่เหมาะสมเอง โดยไม่ต้องกังวลกับวิกฤตหรือเหตุการณ์ที่จะส่งผลในระยะสั้น

หากหุ้นที่มีปัญหางบการเงินไม่ได้แข็งแกร่งอยู่แล้ว แพลตฟอร์ม Jitta จะไม่นำมาเป็น ‘หุ้นดีราคาถูก’ ติดอันดับต้นๆ ของ Jitta Ranking

Q: หากมีเงินลงทุนอยู่ประมาณ 2 ล้านบาท ควรเลือกลงทุน Jitta Ranking ตัวไหนดี

การแบ่งเงินลงทุนใน Jitta Ranking หุ้นเทคโนโลยีสหรัฐฯ และ Jitta Ranking จีน ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ เพราะว่าจีนกำลังพัฒนาอุตสาหกรรมแห่งอนาคตอย่าง อุตสาหกรรมพลังงานสะอาด ซึ่งในปัจจุบันต้นทุนการผลิตพลังงานสะอาดของจีนลดลงมากกว่าประเทศอื่นๆ ในโลก มีการใช้พลังงานสะอาดสูง ซึ่งเป็นเทรนด์ที่หนึ่งที่ทำให้หุ้นกลุ่มนี้มีโอกาสเติบโตในอนาคต

สำหรับ Jitta Ranking หุ้นเทคโนโลยีสหรัฐฯ นั้นก็พัฒนาและเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นกัน เพราะไม่ได้มีเพียงแค่ผู้บริโภคเฉพาะในสหรัฐฯ ที่อุดหนุนสินค้าเท่านั้น แต่มีผู้บริโภคทั้งโลกที่ใช้เทคโนโลยีของสหรัฐฯ ส่งผลให้อุตสาหกรรมเติบโตในระยะยาว 

Q: การประกาศลด QE ของสหรัฐฯ ในรอบนี้ จะกระทบต่อราคาหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีสหรัฐฯ ขนาดไหน

คาดว่าผลกระทบจะค่อนข้างน้อย เพราะสหรัฐฯ พยายามให้บริษัทค่อยๆ ปรับตัวก่อนที่จะมีการใช้มาตรการ สำหรับการประกาศลด QE หรือเปลี่ยนแปลงเศรษฐกิจในภาพใหญ่ บริษัทที่อิ่มตัวแล้วอาจจะได้รับผลกระทบมากกว่าบริษัทที่กำลังโต แต่เรามั่นใจได้เพราะทาง Fed พยายามให้ข้อมูลอยู่เสมอว่า หากมีการปรับลด QE และทำให้สถานการณ์แย่ลง ก็จะปรับมาตรการให้ดีที่สุดเสมอเพื่อพยุงเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ให้เติบโตหลัง Covid-19 ได้อย่างแข็งแรง

Q: Jitta Wealth จะธีมคริปโทเคอร์เรนซีไหม

คริปโทเคอร์เรนซี เป็นหนึ่งในเทรนด์ที่เรากำลังศึกษาอยู่ แต่อยู่ยาวได้แค่ไหน ยังคาดการณ์ได้ยาก เพราะยังติดเงื่อนไข กฎระเบียบจากธนาคารกลางและสำนักงาน ก.ล.ต. แต่ละประเทศ คริปโทเคอร์เรนซียังเกี่ยวข้องกับการเงินการลงทุน รวมไปถึงเทรนด์ DeFi (Decentralized Finance) ด้วย ซึ่งหน่วยงานที่กำกับดูแลยังไม่อยากปล่อยให้ซื้อขายอย่างเสรี ยังต้องมีการควบคุมอยู่ เพราะอาจจะเกิดปัญหาได้ในอนาคต

ขณะเดียวกันพื้นฐานของคริปโทเคอร์เรนซี ยังต้องมองปัจจัยในอนาคตมากกว่า ซึ่งภาพยังไม่ชัด Learning Curve น้อย การวิเคราะห์พื้นฐาน มีโอกาสเบี่ยงเบนได้เยอะ ต่อให้มี ETF คริปโทเคอร์เรนซีได้ ก็ยังมีความเสี่ยง ตอนนี้สำนักงาน ก.ล.ต. สหรัฐฯ ยังไม่ได้อนุมัติ ETF คริปโทเคอร์เรนซีออกมาซื้อขายในตลาดหุ้น ดังนั้นถ้าเราเปิดให้ลงทุน นักลงทุนอาจจะต้องรับความเสี่ยงสูงกว่าธีมอื่นๆ

Q: ลงทุนก้อนเดียวหรือ DCA ดีกว่ากัน

ขึ้นอยู่กับจังหวะด้วยส่วนหนึ่ง ถ้าช่วงที่เข้าลงทุน ตลาดหุ้นอยู่ในช่วงเติบโตหลังวิกฤตหนัก การลงทุนก้อนเดียวอาจจะเห็นผลตอบแทนในพอร์ตที่ชัดเจนกว่า แต่หลักการ DCA ยังสามารถใช้กระจายความเสี่ยงได้ทุกๆ สถานการณ์และภาวะตลาดหุ้น เพราะจะช่วยลดความผันผวน ยิ่งทยอยเพิ่มทุนเท่าไร ยิ่งดีต่อพอร์ตลงทุน

Q: Jitta Wealth มีการลงทุน ETF ระยะสั้นผลตอบแทนดีไหม

หลักการคือ ผลตอบแทนสูง ก็มีความเสี่ยงสูง นี่คือธรรมชาติของสินทรัพย์ หากจะลงทุนระยะสั้น ต้องอาศัยโชคและจังหวะการลงทุน เพื่อผลลัพธ์คือผลตอบแทนสูง ซึ่งไม่ใช้สมการของการลงทุนระยะยาว อีกส่วนนักลงทุนเองรับความเสี่ยงสูงได้หรือไม่

Q: ธีมกัญชา (MJ) พอมีอนาคตไหม

ยังมีอนาคตแน่นอน การปลดล็อกกัญชาให้ใช้เชิงการแพทย์และสันทนาการกำลังมีทั่วโลก เพราะกัญชาก็ไม่ร้ายแรง พอๆ บุหรี่ เอามาทำเป็นยาและผสมอาหารได้ ยิ่งตอนนี้ธุรกิจกัญชาอยู่ในช่วงเริ่มต้น เป็น Early Adopter ผู้เล่นยังไม่ถึง 10% ของขนาดตลาด ดังนั้นกว่าจะไปถึงช่วงเติบโต ช่วงที่ใช้กัญชาทั่วโลก เป็นเทรนด์อนาคตอีกนานมากๆ

Q: หลักการลงทุนของ Jitta Wealth ปรับตัวต่อสถานการณ์อย่างไร

สำหรับ Global ETF เป็นสูตรการจัดพอร์ตลงทุนอยู่แล้ว และปรับสัดส่วนตามสถานการณ์ ส่วน Thematic DIY อาจจะต้องติดตามข่าวสารที่ทีมงานอัปเดตให้ หรือดูผลตอบแทนย้อนหลัง จึงเป็นที่มาของ Thematic Optimize ที่เราจะปรับพอร์ตตามสถานการณ์ รายได้ ผลตอบแทนทุกๆ 3 เดือน ทำให้นักลงทุนที่เน้นลงทุนเพื่อสร้างผลตอบแทน อยากได้คำแนะนำว่าธีมไหนดี มาเลือก Thematic Optimize ดีกว่า

หลักการลงทุนของ Jitta Wealth คือ สินทรัพย์ที่ลงทุน หวังผลตอบแทนในระยะ 5-10 ปี สิ่งที่ทำให้นักลงทุนไขว้เขว คือข่าวสารและปัจจัยที่เขามากระทบ ทำให้ดูแย่ดูไม่ดี ทั้งๆที่ จริงๆ แล้ว ถ้าพิจารณาจากการเติบโตของกิจการ มูลค่าธุรกิจระยะยาว สินทรัพย์ที่ลงทุนก็ยังแข็งแกร่งอยู่ บางครั้งนักลงทุนก็ใส่ใจกับผลลัพธ์ มากกว่าเหตุผล ทั้งๆ ที่คุณไม่ได้ตัดสินใจลงทุนผิด   

Q: Jitta Wealth จะมีให้ซื้อขาย Fractional Share (ซื้อหุ้นน้อยกว่า 1 ตัว) หรือไม่ 

มีแผนอยู่ แต่จุดอ่อนคือโครงสร้างพื้นฐานของโบรกเกอร์จากไทยยังทำไม่ได้ อาจจะติดเงื่อนไขจากสำนักงาน ก.ล.ต. อนาคต Jitta Wealth อยากทำให้ได้อยู่แล้ว รวมทั้งการลดเพดานเงินลงทุนเริ่มต้น เป็นเป้าหมายสำคัญของเราด้วย 

Q: ข้อด้อยของการลงทุนกับ Jitta Wealth คืออะไร

หลักการของเราเหมือนกองทุนดัชนี ที่ให้ผลตอบแทนตามภาวะตลาด ค่าธรรมเนียมต่ำกว่า แต่ผลตอบแทนไม่เซ็กซี่และไม่หวือหวา Jitta Wealth มองว่า ใช้หลักการแบบ Passive Investment เราจัดการให้หมด กระจายความเสี่ยง ดูแลพอร์ตไม่ให้เสียหายหรือผันผวนหนัก ให้พอร์ตเติบโตต่อไปเรื่อยๆ ดังนั้นเรา ไม่ได้ดูตรงผลตอบแทนหวือหวา เพราะมันตามมาที่ความผันผวน ความพยายามจับจังหวะลงทุนหรือทำอะไรกับพอร์ตเยอะ ก็ไม่ได้ให้ผลลัพธ์ที่สูงตลอดเวลา เราถึงพยายามพูดถึงหลักการตรงนี้เสมอ ในโลกของการลงทุน ต้องใช้ความเข้าใจในสินทรัพย์ที่จะลงทุนด้วย 

Q: มุมมองการลงหุ้นไทยเป็นอย่างไร หรือควรไปลงทุนต่างประเทศดีไหม

ตลาดหุ้นไทยกับภาพรวมเศรษฐกิจยังมีความเกี่ยวข้องกันบางส่วน อีกส่วนหนึ่งอยู่ที่การเลือกหุ้นด้วย ถ้าหลักการเลือก ‘หุ้นดีราคาถูก’ ของ Jitta Wealth ก็ยังให้ผลตอบแทนที่ดีได้ เพียงแค่พอเศรษฐกิจไม่ดี ต้องเฟ้นหาหุ้นที่มีโอกาสเติบโตมากขึ้น ผลตอบแทนอาจจะเหลือ 10% ต่อปี แต่ต้องเผื่อใจไว้บ้าง ตลาดหุ้นที่ไหนก็ยังลงทุนได้ แต่ถ้ามีทางเลือกมากขึ้น ก็ควรไปลงทุนในประเทศที่มีศักยภาพมากกว่าหรือธีมที่มีศักยภาพมากกว่า

Q: อยากให้พัฒนาแอปพลิเคชันให้ข้อมูลเฉพาะพอร์ต อย่างเช่น ค่า P/E Ratio 

ในอนาคตอาจจะพัฒนาส่วนนั่น แต่หลักการของ Jitta Wealth คือ ลงทุนสบายใจกำไรยั่งยืน มีการปรับพอร์ตทุกๆ 3 เดือน ดังนั้นตัวเลขอื่นๆ จะไม่มีผลกระทบต่อพอร์ตเลย ส่วนตัวเลขของ ETF ที่ Jitta Wealth เลือกไปลงทุน สามารถติดตามได้จาก ETF ต้นทางโดยตรง 


อ่าน Webinar ย้อนหลัง

Exclusive Q&A with CEO อัปเดตการลงทุน Jitta Wealth เดือนสิงหาคม

สรุปไฮไลต์ Investor Exclusive ประจำไตรมาสที่ 3 ปี 2564 จาก Jitta Wealth