Skip to content - ข้ามไปที่เนื้อหา
Blog

หุ้น FAANG และ MATANA คืออะไร? น่าลงทุนแค่ไหน?


Thematic

เนื้อหาสำคัญ

ไฮไลต์

  • หุ้นกลุ่ม FAANG และ MATANA ถูกจำแนกชื่อเพื่อให้นักลงทุนทั่วไปเข้าใจง่าย ประกอบไปด้วยบริษัทยักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯ ซึ่งนักวิเคราะห์บอกว่าหุ้น FAANG ตกยุคไปแล้ว MATANA คือตัวเลือกลงทุนที่น่าสนใจ
  • ในงานประชุมผู้ถือหุ้นของ Berkshire Hathaway มักจะมีคำถามยอดฮิตเกิดขึ้นอยู่เสมอว่า ‘ควรลงทุนให้หุ้นตัวไหนดี’ และ Warren Buffett ก็มักจะแนะนำให้ลงทุนในกองทุนรวมดัชนี S&P 500 อยู่เสมอ
  • SCHX เป็นตัวเลือกในการลงทุนหุ้นยักษ์ใหญ่ระดับโลกของสหรัฐฯ มีการปรับพอร์ตลงทุนที่ยอดเยี่ยมตามมูลค่ามาร์เก็ตแคปของแต่ละบริษัท คล้ายคลึงกับดัชนี S&P 500 ทำให้สัดส่วนลงทุนถูกกระจายไปอยู่ในหุ้นกลุ่ม FAANG และ MATANA ด้วยเช่นกัน 

คุณเคยมีความคิดอยากเป็นเจ้าของบริษัทยักษ์ใหญ่ระดับโลกบ้างไหม? 

แน่นอนว่านักลงทุนทุกคนย่อมต้องการครอบครองหุ้นบริษัทยักษ์ใหญ่ระดับโลกที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว และมองหาโอกาสลงทุนในหุ้นที่คุณรู้จักดีอยู่เสมอ 

การลงทุนในหุ้นยักษ์ใหญ่ทำให้คุณสบายใจขึ้น เพราะแทบจะการันตีได้ว่าโอกาสที่บริษัทเหล่านี้จะล้มหายตายจากโลกใบนี้ไปคงจะมีน้อยมาก เพราะบริษัทยักษ์ใหญ่เหล่านี้เข้าถึงผู้ใช้งานหลักร้อยล้าน พันล้านคนทั่วโลก และเผลอๆ อาจคืบคลานเข้ามาเป็นส่วนนึงในชีวิตประจำของคุณไปแล้วเรียบร้อย โดยที่คุณไม่รู้ตัว

ด้วยความที่มีบริษัทยักษ์ใหญ่จำนวนมาก เหล่านักวิเคราะห์จึงพยายามหาวิธีเรียกชื่อหุ้นยักษ์ใหญ่ เพื่อให้นักลงทุนจำหุ้นที่อยู่ในกลุ่มนี้ได้ง่ายขึ้น หากคุณติดตามข่าวแวดวงการลงทุนหุ้นสหรัฐฯ คงเคยได้ยินคำว่า FAANG ผ่านตากันมาบ้าง ซึ่งคำนี้ไม่ใช่ชื่อย่อหรือ Stock Symbol ของหุ้น แต่เป็นการนำตัวอักษรตัวแรกของทั้ง 5 บริษัทนี้มาวางเรียงกัน

หุ้นกลุ่ม FAANG เคยเป็นหุ้นยอดนิยมของนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในหุ้นสหรัฐฯ ที่มีผู้ใช้งานอยู่ทั่วโลก และมีผลการดำเนินงานแข็งแกร่งจนกลายเป็นกลุ่มบริษัทที่มีมูลค่ามาร์เก็ตแคปสูงอันดับต้นๆ ของโลก  

ในอดีต การจัดพอร์ตลงทุนโดยถือหุ้น FAANG ถือเป็นไอเดียที่ไม่เลว แต่เมื่อไม่นานมานี้ อดีตผู้จัดการกองทุนเฮดจ์ฟันด์ชื่อดังอย่าง Jim Cramer ผู้ดำเนินรายการ Mad Money ทางช่อง CNBC ของสหรัฐฯ เห็นว่าควรมีการจัดลิสต์หุ้นเหล่านี้ใหม่ โดยเปลี่ยนจาก FAANG เป็น MATANA แทน ซึ่งประกอบไปด้วยหุ้น 6 บริษัทนี้ 

Jim Cramer ให้เหตุผลที่นำหุ้น Facebook หรือในอีกชื่อคือ Meta Platforms ออกจากลิสต์ เพราะผลประกอบการไตรมาสที่ 3 ของปี 2565 ทำได้ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ ส่วนเหตุผลที่หุ้น Netflix ถูกถอดออกเป็นเพราะบริษัทเริ่มมีจำนวนผู้ใช้งานลดลง และมีคู่แข่งในธุรกิจ Streaming มากขึ้นด้วย 

คุณเริ่มเห็นถึงปัญหาในการจัดพอร์ตลงทุนหุ้นบริษัทยักษ์ใหญ่ระดับโลกแล้วหรือยัง? รายชื่อหุ้นในลิสต์มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดจนเกิดเป็นตัวย่อใหม่ๆ ขึ้นมากมาย อาจทำให้คุณจับต้นชนปลายเลือกหุ้นลงทุนเองไม่ถูก แถมยังเป็นเรื่องยากสำหรับนักลงทุนมือใหม่ในการศึกษาหุ้นในลิสต์เพื่อลงทุนด้วยตัวเองด้วย เพราะถึงแม้จะเป็นหุ้นเทคโนโลยีเหมือนกัน แต่ลักษณะธุรกิจของแต่ละบริษัทในรายละเอียดยังแตกต่างกันอยู่พอสมควร

Jitta Wealth เห็นถึงปัญหานี้ จึงสร้างทางเลือกในการลงทุนหุ้นเหล่านี้ที่ง่ายขึ้น สะดวกขึ้น และคุณไม่ต้องปรับพอร์ตลงทุนด้วยตัวเองให้ยุ่งยากตามลิสต์หุ้นใหม่ๆ ที่เกิดขึ้น แถมยังช่วยให้คุณเข้าถึงการลงทุนในหุ้นยักษ์ใหญ่ระดับโลกได้อย่างครอบคลุมด้วยการลงทุนใน Exchange-traded fund (ETF) ที่รวบรวมหุ้นเหล่านี้เอาไว้ทั้งหมด

SCHX วิธีลงทุนตามคำแนะนำของ Warren Buffett 

ในงานประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัท Berkshire Hathaway ที่จัดขึ้นทุกปี Warren Buffett มักจะมีคำถามยอดฮิตที่โดนถามแทบทุกครั้ง และคำถามนั้นคือ ‘ควรลงทุนหุ้นตัวไหนดี’ ซึ่งเป็นสิ่งที่ทุกคนอยากรู้เพื่อจับสังเกตุว่าแนวทางการลงทุนของ Buffett เปลี่ยนแปลงไปหรือไม่

ซึ่งคำตอบที่ Buffett มักตอบอยู่เสมอคือ ให้ลงทุนในกองทุนรวมอิงดัชนี S&P 500 เพราะการเลือกหุ้นลงทุนเพื่อทำผลตอบแทนให้ชนะดัชนี S&P 500 ในระยะยาวอย่างสม่ำเสมอเป็นเรื่องที่ทำได้ยากมาก Buffett จึงแนะนำให้คุณอยู่ฝั่งที่มีโอกาสชนะสูง

ดัชนี S&P 500 เกิดจากหุ้นของบริษัทขนาดใหญ่ที่สุด 500 แห่งที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ซึ่งสถิติในอดีตก็บ่งชี้ว่าดัชนี S&P 500 ทำผลตอบแทนเฉลี่ยได้ราว 8-12% ต่อปีในการลงทุนระยะยาว 10 ปีขึ้นไป และเป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับการลงทุนเชิงรับ (Passive Investment) 

การลงทุนในกองทุนรวมอิงดัชนี S&P 500 จะช่วยลดภาระการติดตามหุ้นสหรัฐฯ ที่คุณลงทุนอยู่ เพราะดัชนี S&P 500 เป็นดัชนีแบบถ่วงน้ำหนักด้วยมูลค่าตลาด (Market Capitalization-weighted Index) ซึ่งจะให้น้ำหนักการคำนวณดัชนีกับแต่ละบริษัทตามมูลค่ามาร์เก็ตแคป ยิ่งบริษัทมีผลประกอบการที่ดี มูลค่ามาร์เก็ตแคปของบริษัทสูงขึ้น ก็ยิ่งจะมีผลต่อการคำนวณดัชนี S&P 500 สูงขึ้นด้วย

แน่นอนว่า Jitta Wealth มีตัวเลือกที่เปรียบเสมือนกองทุนรวมอิงดัชนี S&P 500 ซึ่งอยู่ในนโยบาย Thematic ธีมตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่จะทำให้คุณได้ลงทุนใน Schwab U.S. Large-Cap ETF (SCHX) กองทุนที่จะลงทุนในหุ้นที่มีมูลค่ามาร์เก็ตแคปสูงที่สุดประมาณ 750 บริษัทในสหรัฐฯ 

ในช่วงแรกของบทความ…เราได้พูดถึงหุ้น FAANG และ MATANA ให้คุณได้รู้จัก และทำให้คุณเห็นถึงความยุ่งยากในการปรับพอร์ตลงทุนตามการจำแนกคำของนักวิเคราะห์ แต่การลงทุนใน SCHX จะทำให้คุณได้ลงทุนหุ้น FAANG และ MATANA อย่างครบถ้วน โดยคุณสามารถดูจากสัดส่วนลงทุนได้ดังนี้ 

สัดส่วนลงทุนหุ้น FAANG ของ SCHX

  • Facebook 0.71%
  • Apple 6.18%
  • Amazon 2.39%
  • Netflix 0.34%
  • Google  1.57% 
  • รวมทั้งสิ้น 11.19%

ที่มา: Charles Schwab Investment Management, Inc. ณ 14 พฤศจิกายน 2565 

สัดส่วนลงทุนหุ้น MATANA ของ SCHX

  • Microsoft 5.05%
  • Apple 6.18%
  • Tesla 1.42%
  • Alphabet (Google) 1.57%
  • Nvidia 1.10%
  • Amazon 2.39%
  • รวมทั้งสิ้น 17.71%

ที่มา: Charles Schwab Investment Management, Inc. ณ 14 พฤศจิกายน 2565 

FAANG MATANA

คุณจะเห็นว่าการปรับสัดส่วนลงทุนของ SCHX สามารถทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยที่คุณไม่จำเป็นต้องมานั่งปรับสัดส่วนลงทุนด้วยตัวเอง และยังตรงตามสิ่งที่ Buffett แนะนำไว้

ในช่วงนี้ หากคุณตามสถานการณ์การเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นสหรัฐฯ จะพบว่า ตลาดหุ้นสหรัฐฯ มีแนวโน้มกำลังฟื้นตัว ตั้งแต่ตุลาคมจนถึงกลางเดือนพฤศจิกายน 2565 ดัชนี S&P 500 ฟื้นตัวขึ้นมาแล้วกว่า 10% จากอัตราเงินเฟ้อที่เริ่มลดลง ถือเป็นโอกาสดีที่จะเข้าลงทุน 

แน่นอนว่าการลงทุนธีมตลาดหุ้นสหรัฐฯ เพียงอย่างเดียว อาจไม่ใช่การกระจายความเสี่ยงที่ดี และ Jitta Wealth เข้าใจว่าคุณอาจมีธีมในดวงใจที่ต้องการลงทุนเพิ่มเติมด้วย ทีมงานจึงคัดสรรธีมเมกะเทรนด์น่าลงทุนมาเป็นทางเลือกให้คุณกว่า 23 ธีม ไว้ให้คุณจัดพอร์ตด้วย Thematic DIY ที่คุณเลือกธีมเข้าพอร์ตได้สูงสุด 5 ธีม 

และข่าวดีคือหากคุณลงทุนนโยบาย Global ETF หรือ Thematic ที่เริ่มต้นเพียง 50,000 บาท ฟรี! ค่าธรรมเนียมผู้รับฝากทรัพย์สินหรือ Custodian Fee ถึงสิ้นปี 2565 นี้เท่านั้น

ทีมงาน Jitta Wealth ไม่อยากให้คุณพลาดแคมเปญดีๆ แบบนี้ไป

หากคุณสนใจเปิดพอร์ตลงทุนนโยบาย Thematic เปิดบัญชีได้ที่นี่ หรือหากต้องการศึกษาธีมทั้งหมดที่ Jitta Wealth มี ก็สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่นี่ จะได้ไม่พลาดโอกาสลงทุนในช่วงที่ตลาดหุ้นกำลังฟื้นตัว 

ธีม SCHX เป็นทางเลือกที่ง่ายและสะดวกสำหรับการลงทุน เพราะตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังมีโอกาสเสมอสำหรับการลงทุนระยะยาว


กองทุนส่วนบุคคล Jitta Wealth บริหารจัดการโดย บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน จิตตะ เวลธ์ จำกัด ผู้บุกเบิกสตาร์ตอัป WealthTech สัญชาติไทยรายแรก ที่ได้รับใบอนุญาตจากกระทรวงการคลัง กำกับโดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ใบอนุญาตเลขที่ ลค-0105-01

ผลตอบแทนในอดีต ไม่สามารถการันตีผลตอบแทนในอนาคต การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจนโยบายการลงทุน เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน การลงทุนต่างประเทศอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน


อ้างอิง 

  1. Billionaire Warren Buffett swears by this inexpensive investing strategy that anyone can try https://www.cnbc.com/2022/10/03/billionaire-warren-buffett-swears-by-this-inexpensive-investing-strategy-that-anyone-can-try.html
  2. MATANA is the new FAANG, analyst says https://finance.yahoo.com/news/tech-stocks-matana-is-the-new-faang-analyst-says-145511543.html
  3. Schwab U.S. Large-Cap ETF https://www.schwabassetmanagement.com/products/schx
  4. Warren Buffett: Why Most People Should Invest In S&P 500 Index https://youtu.be/SzKlsWsWRRY
  5. Capitalization-Weighted Index: Definition, Calculation, Example https://www.investopedia.com/terms/c/capitalizationweightedindex.asp

อ่านเพิ่มเติม

โค้งสุดท้าย! ลงทุนแบบ ‘ฉลาดเลือก’ ฟรี Custodian Fee ถึงสิ้นปี

6 แผน ‘ลงทุนหุ้นจีน’ จาก Jitta Wealth มีอะไรบ้าง?