สรุป 4 นโยบาย Jitta Wealth ลงทุนแบบไหนดี
คุณกำลังหาโอกาสลงทุนต่างประเทศอยู่หรือเปล่า และพอเจอทางเลือกการลงทุนแล้ว คุณยังมีความรู้สึกไม่แน่ใจว่า จะเลือกพอร์ตลงทุนแบบไหนที่ตรงใจหรือตรงจริตคุณ
กองทุนส่วนบุคคล Jitta Wealth เป็นทางเลือกในการลงทุน มีพอร์ตลงทุนให้คุณเลือกถึง 4 รูปแบบ แต่ข้อมูลให้คุณอ่านหรือศึกษาเพิ่มเติมมีมากมาย อยากให้สรุปแบบรวบตึง…เพื่อตัดสินใจเริ่มลงทุนได้ง่าย
บทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักพอร์ตลงทุนทั้ง 4 รูปแบบ ไฮไลต์หลักการลงทุน รูปแบบสินทรัพย์ และระดับความเสี่ยง รวมไปถึงสรุปให้ว่า คุณเหมาะกับพอร์ตลงทุนรูปแบบไหน
Jitta Wealth บริหารกองทุนส่วนบุคคลผ่านสินทรัพย์อะไร
สินทรัพย์ทางการเงินที่ Jitta Wealth เลือกจัดพอร์ตกองทุนส่วนบุคคล แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ ETF และ หุ้น
- ETF หรือ Exchange Traded Fund อยู่ในรูปแบบของกองทุน ซื้อขายในตลาดหุ้น เสมือนหุ้นบริษัท ราคาเคลื่อนไหวแบบ Real-time โดย ETF จะกระจายความเสี่ยงลงทุนในสินทรัพย์ทางการเงินที่หลากหลาย ตามนโยบายของบริษัทจัดการลงทุนที่ออก ETF มีระดับความเสี่ยงตั้งแต่ต่ำไปจนถึงสูง เช่น ETF ที่ลงทุนในตราสารหนี้ รวมไปถึงพันธบัตรรัฐบาลจะมีความเสี่ยงต่ำ ขณะที่ ETF ที่ลงทุนในตลาดหุ้น หรือหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรม หรือธีมธุรกิจจะมีความเสี่ยงสูง
- หุ้น หรือหุ้นสามัญ หมายถึง บริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้น การลงทุนใน 1 บริษัท คุณได้ความเป็นเจ้าของบริษัทตามสัดส่วนหุ้นที่ถือครอง แต่เป็นการลงทุนในบริษัทเดียว ไม่มีการกระจายความเสี่ยง หากไม่ได้ลงทุนหุ้นบริษัทอื่นๆ ด้วย จึงมีความเสี่ยงที่สูงกว่า ETF
ทั้ง ETF และหุ้นเป็นสินทรัพย์ทางการเงินที่มีการกำกับดูแลผ่านสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงาน ก.ล.ต.) ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานของไทย หรือต่างประเทศ ดังนั้นสินทรัพย์เหล่านี้จึงมีความน่าเชื่อถือและสามารถลงทุนได้
4 นโยบายลงทุนตามระดับความเสี่ยง
เมื่อคุณเข้าใจแล้วว่า Jitta Wealth บริหารกองทุนส่วนบุคคลผ่านสินทรัพย์ทางการเงินอะไรบ้าง ก่อนจะเริ่มต้นลงทุน คุณควรรู้จักตัวเองก่อน ว่าคุณสนใจลงทุนในสินทรัพย์เหล่านี้หรือไม่ หรือคุณต้องการพอร์ตลงทุนที่มีความเสี่ยงสูงกว่าเงินฝากหรือไม่
ที่สำคัญไม่น้อยไปกว่ากัน สำหรับการลงทุนในกองทุนส่วนบุคคล คือ คุณควรมีเงินก้อนที่ไม่ต้องการรีบใช้หรือเป็นเงินเย็น เพราะการลงทุนมีความเสี่ยงและมีโอกาสขาดทุนได้ตลอดเวลา หากเป็นเงินเก็บก้อนเดียวที่มี แล้วอยู่ในช่วงที่มีความผันผวน คุณอาจจะรู้สึกไม่สบายใจได้
นอกจากนี้ยังมีเรื่องระดับความเสี่ยงของกองทุนส่วนบุคคล Jitta Wealth แบ่งออกเป็น 3 ระดับความเสี่ยง ได้แก่ ต่ำ กลาง และสูง
ระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ของกองทุนส่วนบุคคล
ระดับความเสี่ยง | เหมาะกับ | สัดส่วนลงทุนตราสารหนี้ | สัดส่วนลงทุนหุ้น |
ความเสี่ยงต่ำ (Conservative) | ยอมรับความเสี่ยงได้น้อย มุ่งหวังให้เงินลงทุนปลอดภัย | 80% | 20% |
ความเสี่ยงปานกลาง (Moderate) | ยอมรับความเสี่ยงได้ปานกลาง มุ่งหวังให้เงินลงทุนบางส่วนมีมูลค่าเพิ่มขึ้น | 50% | 50% |
ความเสี่ยงสูง (Aggressive) | ยอมรับความผันผวนได้สูง มุ่งหวังผลตอบแทนสูงมาก และโอกาสที่เงินลงทุนเติบโตสูงในอนาคต | 20% | 80% |
ที่มา: ศูนย์ส่งเสริมการพัฒนาความรู้ตลาดทุน และ Vanguard
พอร์ตลงทุนความเสี่ยงต่ำ
Jitta Money
- เน้นลงทุนใน Money Market ที่เป็นตราสารหนี้พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ระยะสั้นที่ผลตอบแทน (Yield) มีแนวโน้มดี สูงสุดในรอบหลายสิบปี
- กระจายความเสี่ยงแบ่งเงินลงทุนเป็น 2 กองในสัดส่วนที่เท่ากัน รีวิวปรับพอร์ตอัตโนมัติ
- ผลตอบแทนล่าสุด +5.16% ต่อปี (ผลตอบแทนของ Jitta Money คำนวณจาก 30-Day SEC Yield หลังหักค่าธรรมเนียมต่างๆ ข้อมูล ณ วันที่ 8 มีนาคม 2567)
- เหมาะกับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ต่ำ ต้องการบริหารสภาพคล่องของเงินลงทุน ได้ผลตอบแทนมากกว่าดอกเบี้ยเงินฝากธรรมดา หรือต้องการพักเงิน สะสมเงินลงทุนสำหรับลงทุนในสินทรัพย์อื่นในอนาคต
- เงินลงทุนเริ่มต้น 10,000 บาท เพิ่มทุนขั้นต่ำครั้งละ 1,000 บาท
Global ETF แผนพอเพียง
- กระจายความเสี่ยงทั่วโลกผ่าน ETF ตราสารหนี้ 80% และ ETF หุ้น 20%
- จัดพอร์ตตามทฤษฎีรางวัลโนเบลอย่าง Modern Portfolio Theory
- ผลตอบแทนคาดหวังต่อปี +4%
- ผลตอบแทนย้อนหลัง Back Test รวม 10 ปี (ปี 2556-2566) +37.94%
- โอกาสขาดทุนสูงสุด -19.58%
- เหมาะกับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ต่ำ มีประสบการณ์ลงทุนไม่มาก สามารถลงทุนได้มากกว่า 3 ปีขึ้นไป
- เงินลงทุนเริ่มต้น 10,000 บาท เพิ่มทุนขั้นต่ำครั้งละ 1,000 บาท
พอร์ตลงทุนความเสี่ยงปานกลาง
Global ETF แผนสมดุล
- กระจายความเสี่ยงทั่วโลกผ่าน ETF ตราสารหนี้ 50% และ ETF หุ้น 50%
- จัดพอร์ตตามทฤษฎีรางวัลโนเบลอย่าง Modern Portfolio Theory
- ผลตอบแทนคาดหวังต่อปี +6%
- ผลตอบแทนย้อนหลัง Back Test รวม 10 ปี (ปี 2556-2566) +73.17%
- โอกาสขาดทุนสูงสุด -24.63%
- เหมาะกับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ปานกลาง มีประสบการณ์ลงทุนมาบ้าง สามารถลงทุนได้มากกว่า 3 ปีขึ้นไป
- เงินลงทุนเริ่มต้น 10,000 บาท เพิ่มทุนขั้นต่ำครั้งละ 1,000 บาท
พอร์ตลงทุนความเสี่ยงสูง
Global ETF แผนเติบโต
- กระจายความเสี่ยงทั่วโลกผ่าน ETF ตราสารหนี้ 20% และ ETF หุ้น 80%
- จัดพอร์ตตามทฤษฎีรางวัลโนเบลอย่าง Modern Portfolio Theory
- ผลตอบแทนคาดหวังต่อปี +8%
- ผลตอบแทนย้อนหลัง Back Test รวม 10 ปี (ปี 2556-2566) +106.95%
- โอกาสขาดทุนสูงสุด -29.73%
- เหมาะกับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง แต่ต้องการกระจายความเสี่ยงบางส่วนในตราสารหนี้ สามารถลงทุนได้มากกว่า 3 ปีขึ้นไป หรือต้องการลงทุนระยะยาวเป็นพอร์ตลงทุนรับวัยเกษียณ
- เงินลงทุนเริ่มต้น 10,000 บาท เพิ่มทุนขั้นต่ำครั้งละ 1,000 บาท
Thematic Optimize
- ลงทุน ETF หุ้นธีมเมกะเทรนด์ทั่วโลกที่มีศักยภาพเติบโตในระยะยาว
- จัดพอร์ต 4 ธีมหุ้นรายธุรกิจ โดย AI เลือกธีมและปรับพอร์ตทุก 3 เดือน จากยอดเงินลงทุนก้อนแรก
- ผลตอบแทนย้อนหลังเฉลี่ย Back Test ( 31 ธันวาคม 2560 – 31 ธันวาคม 2566) +12.40% ต่อปี
- โอกาสขาดทุนสูงสุด -35.45%
- เหมาะกับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง ต้องการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีการเติบโตระยะยาว หรือสามารถลงทุนได้มากกว่า 5 ปีขึ้นไป
- เงินลงทุนเริ่มต้น 10,000 บาท เพิ่มทุนขั้นต่ำครั้งละ 1,000 บาท
Thematic DIY
- ลงทุน ETF หุ้นธีมเมกะเทรนด์ทั่วโลกที่มีศักยภาพเติบโตในระยะยาว
- จัดพอร์ตสูงสุด 5 ธีมหุ้นรายธุรกิจ โดยเลือกธีมและเปลี่ยนธีมที่ชื่นชอบด้วยตัวเอง
- ผลตอบแทนขึ้นอยู่กับระยะเวลาและธีมในการลงทุน
- โอกาสขาดทุนสูงสุดขึ้นอยู่กับธีมที่คุณเลือกลงทุน
- เหมาะกับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง ต้องการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีการเติบโตระยะยาว หรือสามารถลงทุนได้มากกว่า 5 ปีขึ้นไป
- เงินลงทุนเริ่มต้น 10,000 บาท เพิ่มทุนขั้นต่ำครั้งละ 1,000 บาท
Jitta Ranking
- ลงทุนในหุ้นรายตัวของตลาดหุ้นแต่ละประเทศ ได้แก่ ไทย เวียดนาม จีน ญี่ปุ่น ฮ่องกง และสหรัฐฯ
- ลงทุนในหุ้นรายตัวของกลุ่มอุตสาหกรรม ได้แก่ เทคโนโลยีสหรัฐฯ เทคโนโลยีจีน สุขภาพสหรัฐ
- ประยุกต์หลักการ Warren Buffett คือ ‘ลงทุนในบริษัทที่ดี ในราคาที่เหมาะสม’
- จัดพอร์ต 5-20 หุ้น จัดอันดับหุ้นดีราคาเหมาะสม โดย AI ของ Jitta และปรับพอร์ตทุก 3 เดือนนับจากวันที่เริ่มลงทุนของเงินลงทุนแต่ละก้อน
- เช่นคุณลงทุนครั้งแรก 500,000 บาท ต้นเดือนมกราคม แล้วเพิ่มทุน 50,000 บาท ต้นเดือนกุมภาพันธ์
- รอบการปรับพอร์ตของคุณจะเป็น ต้นเดือนเมษายน ต้นเดือนกรกฎาคม ต้นเดือนตุลาคม…ไปเรื่อยๆ สำหรับปรับพอร์ตเงินลงทุน 500,000 บาท
- และจะปรับพอร์ตต้นเดือนพฤษภาคม ต้นเดือนสิงหาคม ต้นเดือนพฤศจิกายน…ไปเรื่อยๆ สำหรับปรับพอร์ตเงินลงทุน 50,000 บาท
- ผลตอบแทนย้อนหลังเฉลี่ย Back Test (ปี 2557-2566) เฉลี่ย +10.68% ถึง +19.68% ต่อปี (ขึ้นอยู่กับแผนที่เลือกลงทุน)
- โอกาสขาดทุนสูงสุดประมาณ -36 ถึง -62% (แล้วแต่แผนที่เลือกลงทุน)
- เหมาะกับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง ต้องการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีการเติบโตระยะยาว หรือสามารถลงทุนได้มากกว่า 5 ปีขึ้นไป
- เงินลงทุนเริ่มต้น 500,000 บาท เพิ่มทุนขั้นต่ำครั้งละ 50,000 บาท
นี่คือ ไฮไลต์ความน่าสนใจของ ‘พอร์ตลงทุน Jitta Wealth’ ที่เราสรุปและย่อยมาให้คุณเข้าใจง่ายๆ รวมถึงตัวเลขผลตอบแทนต่างๆ ที่มีความสำคัญ เพื่อประกอบการตัดสินใจลงทุน
คุณอาจจะสงสัยว่า ทำไมตัวเลขโอกาสขาดทุนสูงสุด (Maximum Drawdown) ถึงติดลบมากกว่าผลตอบแทนต่อปีที่ได้ เพราะเป็นตัวเลขย้อนหลังที่วัดจากช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งที่เกิดวิกฤติ ตลาดมีความผันผวนขาลง ตัวเลขนี้คือ โอกาสขาดทุนสูงสุดที่คุณจะเผชิญในระหว่างที่ลงทุน ซึ่งไม่ได้เกิดขึ้นทุกปี แต่เป็นตัวเลขที่สะท้อนว่า ตัวคุณยินดีรับความเสี่ยงนี้หรือไม่ (Willingness to take risk) นอกเหนือจากความเสี่ยงที่สามารถรับได้ (Ability to take risk)
นอกจากนี้สินทรัพย์ที่ Jitta Wealth คัดเลือกลงทุน ส่วนใหญ่อยู่ในตลาดหุ้นต่างประเทศ จึงมีความเสี่ยงด้านอัตราการแลกเปลี่ยน เพราะเป็นพอร์ตลงทุนระยะยาว หากคุณลงทุนนานกว่า 5 ปี ผลตอบแทนที่ได้รับจะสูงพอที่จะชดเชยการขาดทุนค่าเงินได้ แต่จังหวะนี้ไม่ได้มีทุกครั้ง เพราะโอกาสที่คุณจะได้กำไรจากค่าเงินก็มีเช่นเดียวกัน
นี่คือ สรุปรวบตึง 4 พอร์ตลงทุน Jitta Wealth ที่คุณสามารถอ่านได้จบในบทความเดียว เพื่อช่วยให้คุณเข้าใจหลักการลงทุน รูปแบบสินทรัพย์ และระดับความเสี่ยงของกองทุนส่วนบุคคล แล้วคุณจะตัดสินใจได้ว่า คุณเหมาะกับพอร์ตลงทุนอะไร