Skip to content - ข้ามไปที่เนื้อหา
Blog

สรุป Live: Ask Me Anything ประจำเดือนพฤศจิกายน 2567


Events Live

พบกันทุกวันพุธต้นเดือนกับ Ask Me Anything จาก Jitta Wealth ประจำเดือนพฤศจิกายน 2567 Live สดจากคุณเผ่า ตราวุทธิ์ เหลืองสมบูรณ์ CEO และคุณอ้อ พรทิพย์ กองชุน CGO ของ Jitta Wealth ที่มาพูดคุยถามตอบกันแบบสดๆ จะมีคำถามอะไรบ้าง คำตอบคืออะไร เราสรุปมาให้คุณแล้ว 

หากคุณสนใจอยากรับชม Live ของเราแบบสดๆ ในโอกาสต่อไปติดตามเราได้ที่ Facebook หรือ Youtube ของ Jitta Wealth ได้เลย 

ดูวิดีโอย้อนหลัง

คำแนะนำสำหรับคนที่กำลังจะเริ่มลงทุน

ขั้นแรกคือ ฝึกนิสัยการออมก่อน เก็บเงินทุกครั้งที่ได้เงินมา เมื่อเงินเริ่มเยอะ อยากทำให้เงินเติบโต งอกเงย การลงทุนจะเป็นขั้นต่อมา แต่ก่อนเริ่มลงทุน ต้องมีความรู้ก่อน ซึ่งปัจจุบันง่ายขึ้นมาก เรื่องที่ควรทำความเข้าใจคือ ภาพใหญ่ของการลงทุน เพื่อให้รู้ว่าจะลงทุนในทรัพย์สินอะไรดี สินทรัพย์นั้นมีกี่ประเภท 

ตัวอย่างเช่น เลือกว่าจะลงทุนในหุ้น มีหลายวิธีเช่นลงทุนในหุ้นรายตัว หรือกองทุน ETF ถ้าเลือกได้แล้ว ก็ต้องรักษาวินัยในการบริหารจัดการพอร์ตของตัวเองให้ยั่งยืน

วินัยในการบริหารจัดการพอร์ต

เมื่อลงทุนแล้ว การรักษาวินัย บริหารจัดการพอร์ตอย่างสม่ำเสมอก็สำคัญ เพราะการคอยปรับพอร์ต คอยดูงบการเงินเรื่อยๆ แล้วนำมาปรับเปลี่ยนกลยุทธิ์ หรือสินทรัพย์ที่อยู่ในพอร์ต ก็จะทำให้พอร์ตการลงทุนเติบโตได้ในระยะยาวต่อไป 

สำหรับนักลงทุนท่ีไม่มีเวลา สามารถเลือกลงทุนในกองทุนที่เป็น Passive ETF และความเสี่ยงต่ำ-สูงได้ เช่นนโยบายสำหรับผู้เริ่มต้นอย่าง Global ETF ของ Jitta Wealth บริหารจัดการสินทรัพย์ด้วยการกระจายความเสี่ยงในสินทรัพย์หลากหลายประเภทหรือ Asset Allocation 

เหมาะกับผู้ที่ไม่มีเวลา อยากให้ Jitta Wealth จัดการใช้ และต้องการกระจายความเสี่ยงอย่างเหมาะสม เพราะลงทุน ETF ในหุ้นสหรัฐฯ หุ้นในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว กลุ่มประเทศเกิดใหม่ รวมไปถึงพันธบัตร ตราสารหนี้ แถมมีค่าธรรมเนียมต่ำ บริหารจัดการพอร์ตให้อัตโนมัติเหมาะสำหรับนักลงทุนที่เพิ่งเริ่มต้นลงทุน 

เคล็ดลับความมั่งคั่ง แก้ว 3 ประการ

เมื่อรู้แล้วว่าจะลงทุนแบบไหน อีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กันคือการวางแผนในระยะยาวอย่างมีหลักการ มีสูตรหนึ่งที่เข้าใจง่าย นั้นก็คือ สูตรความมั่งคั่งด้วยแก้ว 3 ประการ

สมการของความมั่งคั่ง ต้องดูตัวแปร 3 อย่างนี้ ได้แก่ 1.เงินลงทุน อาจเป็นเงินทุนก้อนเดียว หรือเงินที่ลงทุนทุกเดือนเช่นการ DCA 2.ผลตอบแทนทบต้น ยิ่งมีวินัยในการลงทุน เพิ่มทุนหรือ DCA อย่างสม่ำเสมอก็ยิ่งสร้างผลตอบแทนทบต้นทบดอกได้มากขึ้น และสุดท้ายคือ ระยะเวลา ยิ่งลงทุนนานยิ่งดี 

อยากมีเงินล้านแรกกับ Jitta Wealth ทำยังไง 

ยกตัวอย่างเช่น

เริ่มด้วยเงิน 10,000 บาท แล้ว DCA เดือนละ 2,000 บาท 

  • หากผลตอบแทนการลงทุนเท่ากับ 8% ต่อปี จะใช้เวลาในการลงทุน 19 ปี ถึงจะได้เงินล้าน
  • หากผลตอบแทนการลงทุนเท่ากับ 6% ต่อปี จะใช้เวลาในการลงทุน 22 ปี ถึงจะได้เงินล้าน
  • หากผลตอบแทนการลงทุนเท่ากับ 4% ต่อปี จะใช้เวลาในการลงทุน 26 ปี ถึงจะได้เงินล้าน

ถ้ายิ่งเพิ่มจำนวนเงิน ระยะเวลาถึง 1 ล้านบาท ก็จะยิ่งสั้นขึ้น 

และหากใครที่กำลังวางแผนการเงิน Jitta ก็มีเครื่องมือช่วยคำนวณให้ สามารถใช้งานได้ที่นี่ 

แนวทางการจัดการกรณีลงทุนไปเรื่อยๆ เพื่อเป็นมรดกให้ลูกหลาน

ในกรณีลงทุนเพื่อลูกที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ อาจลงทุนในนามของพ่อแม่ไปก่อน เมื่อลูกบรรลุนิติภาวะแล้วค่อยโอนให้เป็นชื่อลูก หรือขายและนำเงินให้ลูกไปลงทุนต่อ 

ส่วนในกรณีที่เราจะลงทุนไปเรื่อยๆ เก็บพอร์ตไว้เป็นมรดกให้ลูกหลานในภายภาคหน้านั้น สามารถลงทุนเป็นชื่อคุณและทำพินัยกรรมระบุชื่อผู้รับผลประโยชน์ไว้ เมื่อคุณเสียชีวิตผู้จัดการมรดกสามารถแจ้งเจ้าหน้าที่ให้ดำเนินการตามที่ระบุไว้ได้เลย

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังลงทุนได้อยู่ไหม?

จากสถิติเกือบ 100 ปีของดัชนี S&P 500 ตลาดหุ้นมีผลตอบแทนช่วงปีที่เป็นบวกมากกว่าปีที่เป็นลบ โดยมีปีที่เป็นบวก +10% ถึง +20% อยู่ 21 ปี กลับกัน ปีที่ติดลบ -10% ถึง -20% อยู่ที่ 6 ปี และในช่วงเกือบ 100 ปีตลาดหุ้นเป็นบวกถึง 73% ถ้าคุณลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในระยะยาวก็สามารถคาดหวังผลตอบแทนได้ค่อนข้างดี

ที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งคือ S&P 500 มักบวกติดต่อกันหลายปีหลังเกิดวิกฤติ ยกตัวอย่างเช่นช่วงวิกฤติ Dot-Com ดัชนีปรับลดลงติดต่อกัน 3 ปี หลังจากนั้นก็ปรับบวกติดต่อกันถึง 5 ปี ในปัจจุบันช่วงวิกฤติเงินเฟ้อ S&P 500 ลดลงไป 1 ปี และปัจจุบันก็กลับมาบวกแล้ว ประมาณ 2 ปี ซึ่งเขาบอกกันว่า ถ้าตลาดหุ้นอเมริกาตกลงตอนนี้อีก จะกลายเป็นขาขึ้นที่สั้นมากๆ 

ถ้าถามว่าหุ้นสหรัฐฯ ยังไปต่อได้มั้ย ในภาพระยะยาวไม่ว่างประประธานาธิบดีคนไหนระยะยาวหุ้นสหรัฐฯ ก็ขึ้นมาเรื่อยๆ เลย 

เข้าใจตลาดหุ้นสหรัฐในระยะยาว อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่

หุ้นสหรัฐฯ แพงไปหรือยัง

ในมุมมองการลงทุนระยะยาวยังสามารถลงทุนได้ แต่หากต้องการลงทุนเพื่อทำกำไรระยะสั้นก็จะค่อนข้างเสี่ยง เนื่องจากปัจจุบันเป็นช่วงของการเลือกตั้งที่โดยสถิติแล้วตลาดหุ้นจะปรับบวก จากกระแสการหาเสียงหรือนโยบายต่างๆ ทำให้ในระยะสั้นอาจมีความผันผวนในส่วนของหุ้นบางตัว หรือบางอุตสาหกรรม แต่ในระยะยาวโดยภาพรวมแล้วตลาดหุ้นก็จะเป็นแนวโน้มขาขึ้น

ลงทุนหุ้นสหรัฐฯ ได้อย่างไรบ้าง

สามารถลงทุนใน Global ETF ก็ได้ เพราะมีสัดส่วนลงทุนใน ETF หุ้นสหรัฐฯ และยังกระจายไปยังหุ้นประเทศอื่นๆ ทั่วโลกด้วย หรือจะลงเฉพาะเจาะจงที่หุ้นสหรัฐฯ เลยก็สามารถลงทุนใน Thematic DIY โดยเลือกธีมตลาดหุ้นสหรัฐฯ หรือ Jitta Ranking โดยสามารถเลือกลงทุนหุ้นสหรัฐฯ หุ้นเทคโนโลยีสหรัฐฯ หรือหุ้นสุขภาพสหรัฐฯ ก็ได้

Global ETF vs Thematic Optimize

นโยบาย Global ETF จะผันผวนน้อยกว่าเนื่องจากกระจายลงทุน ส่วน Thematic Optimize จะผันผวนมากกว่าเนื่องจากเป็นการลงทุนในเมกะเทรนด์ แต่ปัจจุบันก็ทำผลตอบแทนได้ค่อนข้างดี เนื่องจากในปี 2565 กลุ่มเมกะเทรนด์ตกลงไปเยอะ และปีนี้เริ่มกลับขึ้นมา ซึ่งหากคุณ DCA สม่ำเสมอก็จะช่วยให้พอร์ตสเถียรมากขึ้น 

เช่นพอร์ตตัวอย่างที่ในช่วงแรกๆ Thematic Optimize ค่อนข้างจะผันผวนและเห็นได้ว่ามีช่วงที่พอร์ตติดลบ แต่เมื่อ DCA สม่ำเสมอ พอตลาดกลับมาพอร์ตก็กลับเป็นขาขึ้นได้เร็วเช่นกัน 

หากคุณเริ่มต้นลงทุนและยังรับความเสี่ยงมากๆ ไม่ได้สามารถเริ่มต้นที่พอร์ต Global ETF ก่อน เพราะพอร์ตกระจายความเสี่ยงให้ทั้ง ETF หุ้นหลายประเทศ และ ETF ตราสารหนี้ ทำให้ในช่วงตลาดผันผวนพอร์ตก็จะไม่ได้สวิงมากนัก

อยากลงทุนระยะยาวตามเทรนด์ ควรเลือก Global ETF หรือ Thematic

ได้ทั้งสองแบบ หากเป็นเมกะเทรนด์ เป็นกลุ่มอุตสาหกรรมเลือก Thematic จะตอบโจทย์มากกว่า แต่ถ้ามองเป็นเทรนด์โลก เป็นภาพการเติบโตของเศรษฐกิจโลก เลือก Global ETF ก็จะตอบโจทย์ตรงนี้ 

หรืออีกมุมหนึ่งที่แนะนำคือ การจัดพอร์ตแบบ Core & Satellite ลงทุนในพอร์ตหลักที่มั่นใจอย่าง Global ETF สัก 80% และอีก 20% ที่เหลือก็ลงทุนใน Thematic Optimize ในระยะยาวจะได้ผลตอบแทนที่ดีบนความเสี่ยงที่คุณจะสบายใจมากกว่าลงแค่พอร์ตใดพอร์ตหนึ่ง

จากภาพจะเห็นว่าลงทุนใน Global ETF เพียงอย่างเดียวจะได้ผลตอบแทนน้อยกว่าลงทุนใน Thematic Optimize แต่ในมุมความเสี่ยง หากลงทุนใน Thematic Optimize คุณก็จะต้องแบกรับความเสี่ยงที่มากขึ้น 

ดังนั้นการลงทุนแบบ Core & Satellite ก็จะทำให้คุณได้รับผลตอบแทนที่มากขึ้นบนความเสี่ยงที่น้อยลง เพราะในการลงทุนเราจะมองเพียงผลตอบแทนอย่างเดียวไม่ได้ จะต้องมองในมุมความเสี่ยงด้วย เพราะหากคุณไม่สามารถรับความเสี่ยงได้เมื่อพอร์ตติดลบถึงจุดที่คุณรับไม่ไหวก็อาจทำให้คุณตัดสินใจยุติการลงทุนกลางคันและพลาดโอกาสดีๆ ในอนาคตไป

Jitta Money คืออะไร

Jitta Money คือ นโยบายที่นำไปลงทุนใน Money Market คือลงทุนใน พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ระยะสั้น ซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ และปัจจุบันให้ผลตอบแทน 4 – 5% ต่อปี เพราะดอกเบี้ยสหรัฐฯ ยังแพงอยู่ ถ้ามองในรูปสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐก็ไม่ค่อยขาดทุน แต่ที่เห็นว่าพอร์ตบางคนยังขาดทุนอยู่ อาจเป็นเพราะค่าเงินที่ปีนี้มีการแข็งค่า อ่อนค่า

สิ่งที่ดีที่สุดในการลงทุนนโยบายนี้ คือ การเก็บเงินไว้เป็นสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ เมื่อไหร่มีโอกาสที่ดี ดัชนีตกเยอะหรือเหมาะที่จะลงทุนก็นำเงินก้อนนี้ไปลงทุน หรือถ้าสนใจลงทุนในนโยบายอื่นๆ ของ Jitta Wealth ก็สามารถแจ้งย้ายเงินลงทุนจาก Jitta Money ไปลงทุนได้

สามารถติดตามแนวคิดการลงทุนดีๆ ได้ผ่านทุกช่องทาง Jitta Wealth และพบกันอีกครั้งในสรุป Live: Ask Me Anything ครั้งถัดไปเร็วๆ นี้ 


ถ้าใครฟังมาทั้งหมดแล้ว สนใจอยากเริ่มลงทุน มือใหม่ที่กำลังตัดสินใจอยู่อาจจะได้คำตอบแล้ว ก็สามารถเริ่มต้นลงทุนได้เลย หรืออยากสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ 02-460-8888 หรือ Line @JittaWealth ในช่วงเวลาทำการได้เลย 


อ่านรีวิวพอร์ตลงทุน Jitta Wealth ของนักลงทุนอีกมากมายได้ที่ Facebook และ เว็บไซต์ของเรา


ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับนโยบาย Jitta RankingThematicGlobal ETF และ Jitta Money ผลตอบแทนในอดีต ไม่สามารถการันตีผลตอบแทนในอนาคต การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจนโยบายการลงทุน เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน การลงทุนต่างประเทศอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน