Skip to content - ข้ามไปที่เนื้อหา
Blog

ลงทุนรับมือ Covid-19 กลายพันธุ์ระบาดระลอกใหม่


Message from CEO

เนื้อหาสำคัญ

ไม่มีใครคาดคิด แต่อะไรก็เกิดขึ้นได้เสมอครับ เมื่อสถานการณ์ Covid-19 กำลังแพร่ระบาดอย่างหนักในอาเซียน โดยเฉพาะไทยและเวียดนาม ที่กำลังสร้างความกังวลและยังคาดการณ์ไม่ได้ว่า สถานการณ์นี้จะคลี่คลายเมื่อไร  

สาเหตุหลักๆ มาจากเชื้อไวรัสกลายพันธ์ุ ที่มีความร้ายแรงกว่าสายพันธุ์เดิมๆ สำหรับในไทย เรากำลังเผชิญสายพันธุ์เดลตาที่มาจากอินเดียนั่นเอง ยอดผู้ติดเชื้อใหม่รายวันทะลุหลักหมื่นแล้วครับ

ขณะที่เวียดนามมียอดผู้ติดเชื้อรายวันอยู่ประมาณ 2,000-3,000 คน พีคสูงสุดที่กว่า 5,000 คน แม้ว่าจะยังไม่รุนแรงเท่าไทย แต่ก็ทำให้รัฐบาลเวียดนามต้องออกมาตรการล็อกดาวน์อย่างเข้มข้นในเมืองโฮจิมินห์

นอกจากนี้อัตราการฉีดวัคซีนของไทยและเวียดนามยังไม่สูงมาก ส่งผลให้ประชาชนมีภูมิคุ้มกันหมู่ไม่มากพอที่จะต่อกรกับเชื้อ Covid-19 สายพันธ์ุใหม่ได้ ถึงแม้ว่า รัฐบาลทั้ง 2 ประเทศกำลังเร่งรัดเจรจาหาวัคซีน แต่ก็ต้องใช้เวลากว่าจะกระจายวัคซีนให้ได้ทั่วถึง

แน่นอนว่า ดัชนีตลาดหุ้นก็ตอบสนองต่อความไม่แน่นอนนี้ด้วยเช่นกัน อย่างดัชนี SET ตั้งแต่วันที่ 1-21 กรกฎาคม ลดลง 2.95% ทั้งๆ ที่ตลาดหุ้นไทยกำลังรีบาวด์กลับมา เข้าสู่ระดับ 1,600 จุด หลังจากที่ร่วงลงหนักจากวิกฤต Covid-19 ทั่วโลกปีที่แล้ว 

ส่วนดัชนี VNI ตั้งแต่วันที่ 1-21 กรกฎาคม ลดลง 9.78% ทั้งๆ ที่เพิ่งจะทำนิวไฮครั้งประวัติศาสตร์ทะลุ 1,400 จุดเมื่อวันที่ 28 มิถุนายนที่ผ่านมา

ในเมื่ออะไรๆ ก็เกิดขึ้นได้ ดังนั้นนักลงทุนอย่างเราๆ คาดเดาตลาดได้ยากครับ หากคุมการแพร่ระบาดได้เร็ว ตลาดหุ้นก็สามารถฟื้นกลับมาได้ แต่ถ้าจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนกดดันให้มีแรงเทขายเงินมากขึ้น ดัชนีอาจจะยังคงเป็นขาลงอยู่

สำหรับความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นที่เจอมาตรการล็อกดาวน์ เช่น ไทยและเวียดนาม ผมมองว่า ผลกระทบไม่หนักเท่าเดือนมีนาคม ปี 2563 เพราะนักลงทุนผ่านจุดแพนิกไปแล้ว เห็นได้จากดัชนีตลาดหุ้นไม่ได้ลงดิ่งมากเหมือนเมื่อก่อน

ยกตัวอย่างตลาดหุ้นไทย เมื่อต้นปี 2564 ผมมองว่า จะเป็นขาขึ้นได้เยอะ จากฐานต่ำในปีที่แล้ว แต่มาถึงตอนนี้ที่ยังคาดการณ์สถานการณ์ไม่ได้ ขณะที่เครื่องยนต์อย่างภาคการท่องเที่ยวยังไม่มีสัญญาณการฟื้นตัว ดัชนี SET ปีนี้อาจจะแค่ทรงตัวจากปีก่อน

ในขณะที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ เผชิญแรงกดดันจากราคาหุ้นเทคโนโลยีปรับฐาน ความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อ การขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) และผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล 10 ปีเพิ่มขึ้น ซึ่งมีผลต่อความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นด้วย

แต่ด้วยภาพรวมเศรษฐกิจสหรัฐฯ มีทิศทางที่ดี แผนกระตุ้นเศรษฐกิจมีเม็ดเงินมหาศาลไหลเข้าระบบ และเร่งฉีดวัคซีน Covid-19 อย่างรวดเร็ว อย่างดัชนี S&P500 ช่วงวันที่  1 มกราคม – 20 กรกฎาคม บวก 15.10% ไปแล้ว

แม้ว่า ความเสี่ยงการปรับขึ้นดอกเบี้ยของ Fed ก็ยังมีอยู่ แต่นักลงทุนเหมือนจะไม่ได้กังวลกับปัจจัยนี้มากนัก ภาวะถดถอย (Recession) จาก Covid-19 จบไปแล้ว ภาพรวมตลาดหุ้นสหรัฐฯ ก็ยังคงสดใส และผลประกอบการบริษัทยังไปได้ดี

ผมและทีมงาน Jitta Wealth ยังคงเฝ้าติดตามดูสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส Covid-19 และสถานการณ์ตลาดหุ้นทั่วโลกอย่างใกล้ชิดครับ

ตราบใดที่โลกยังเอาชนะวิกฤต Covid-19 ไม่ได้ การแพร่ระบาดรอบใหม่ๆ สามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา นักลงทุนอย่างเรา ก็ควรเตรียมตัวไว้ให้พร้อม เพื่อที่จะปฏิบัติตนได้อย่างถูกต้องครับ

สิ่งที่นักลงทุนควรทำในช่วงนี้

1. พิจารณาหลักการลงทุนและสินทรัพย์ที่ถืออยู่

ช่วงเวลาแบบนี้ คุณควรทบทวนหลักการลงทุนที่จะสร้างผลตอบแทนที่ดีให้คุณได้ในระยะยาว รวมถึงพิจารณาสินทรัพย์ที่คุณถืออยู่ตอนนี้ว่า เป็นสินทรัพย์ที่มีคุณภาพ น่าจะฝ่าวิกฤตและกลับมาเติบโตในระยะยาวได้หรือไม่

หากหลักการลงทุนและสินทรัพย์ที่ถืออยู่นั้นดีอยู่แล้ว ความผันผวนในช่วงนี้ก็เป็นเพียงคลื่นลูกหนึ่ง ที่ซัดมาแล้วก็สลายหายไป เพียงคุณมองดูอย่างเข้าใจ และอดทนผ่านความผันผวนและความไม่แน่นอนไปได้ ก็จะมีโอกาสเก็บเกี่ยวผลกำไรที่งอกงามในอนาคต

สำหรับการลงทุนกับ Jitta Wealth นั้น ไม่ว่าจะเป็นนโยบาย Jitta Ranking นโยบาย Thematic หรือนโยบาย Global ETF ต่างเป็นการลงทุนที่มีหลักการรองรับชัดเจน มีการปรับพอร์ตอย่างเป็นระบบ มีวินัย ไม่อ่อนไหวตามอารมณ์ตลาด และผ่านการพิสูจน์โดยการทดสอบผลตอบแทนย้อนหลังอย่างละเอียดแล้วว่า สามารถช่วยให้เงินลงทุนเติบโตได้ในระยะยาว แม้จะผ่านเหตุการณ์แง่ลบหลายครั้ง แต่การลงทุนตามหลักการอย่างสม่ำเสมอและมีวินัย ก็ช่วยให้พอร์ตลงทุนผ่านสถานการณ์เหล่านั้นมาได้

นอกจากนี้ สินทรัพย์ที่ Jitta Wealth ลงทุนให้ ก็เป็นสินทรัพย์ที่คัดเลือกแล้วว่ามีคุณภาพ แข็งแกร่ง ไม่ว่าจะเป็น ‘หุ้นดีราคาถูก’ ของนโยบาย Jitta Ranking ที่คัดเลือกด้วย AI จากการวิเคราะห์งบการเงินย้อนหลังถึง 10 ปี ประกอบกับซื้อในมูลค่าที่ไม่แพง ทำให้โอกาสขาดทุน หรือ Downside Risk น้อยกว่าการซื้อหุ้นที่ราคาสูงกว่าพื้นฐาน หรือแม้กระทั่ง ETF ทุกตัว Jitta Wealth ก็คัดเลือกมาแล้วอย่างรอบคอบว่ามีความมั่นคง มีโอกาสเติบโต 

ดังนั้น พอร์ตลงทุน Jitta Wealth จึงเป็นพอร์ตที่ลงทุนตามหลักการที่ดี ในสินทรัพย์คุณภาพ พร้อมทำงานให้เงินเติบโตอยู่แล้ว ที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับว่าเราจะให้เวลามันได้ทำงานสร้างผลตอบแทนหรือเปล่าเท่านั้นครับ

2. เพิ่มทุน หากมีเงินเย็นพร้อม

ถ้าคุณติดตามนักลงทุนเก่งๆ สาย VI (Value Investing) อย่างดร. นิเวศน์ หรือ Warren Buffett คุณน่าจะทราบแล้วว่าช่วงวิกฤต เป็นช่วงที่นักลงทุน VI จะทำการบ้านหนักเป็นพิเศษ ก่อนจะออกไปช้อปปิ้งหาดีลดีๆ ในตลาดหุ้น

หากคุณอยากฉวยโอกาสดีๆ จากตลาดที่ตื่นตระหนกบ้าง และมีเงินลงทุนที่เป็นเงินเย็นแบ่งไว้อยู่แล้ว ก็สามารถนำมาเพิ่มทุนในพอร์ตปัจจุบันได้ครับ เพราะการเพิ่มทุนช่วงที่ตลาดวิกฤต จะช่วยทำให้ผลตอบแทนเติบโตได้ดียิ่งขึ้นเมื่อวิกฤตผ่านไปแล้ว

เห็นได้จากพอร์ตนักลงทุนที่ลงทุนหรือเพิ่มทุนเข้ามาช่วงวิกฤต Covid-19 เมื่อเดือนมีนาคมปีที่แล้ว สามารถสร้างผลตอบแทนได้โดดเด่นทีเดียวครับ

แต่หากคุณมีความกังวลอยากจะถอนเงิน ก็ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ ว่าถอนไปแล้ว จะเอาเงินไปทำอะไรต่อ ถ้าเก็บเป็นเงินสดไว้ โดยไม่ทำอะไรเลย อาจจะทำให้เงินที่ถอนออกมาด้อยค่าลง ดังนั้นการนำเงินสดไปลงทุนในตลาดหุ้นที่มีแนวโน้มเติบโต เริ่มฟื้นตัวจาก Covid-19 เช่น จีน หรือ สหรัฐฯ ก็อาจจะเป็นแนวทางที่ดีกว่าครับ 

3. กระจายเงินลงทุนตลาดหุ้นอื่นๆ

ถ้าคุณลงทุนในตลาดหุ้นไทย หรือตลาดหุ้นเวียดนามอยู่ แล้วกังวลว่าสถานการณ์​ Covid-19 ปัจจุบัน ยังไม่รู้ว่าจะคลี่คลายได้เมื่อไร อาจส่งผลให้พอร์ตผันผวน หรือติดลบเป็นเวลานาน ลองมองทางเลือกกระจายความเสี่ยงลงทุนต่างประเทศเสริมด้วยก็ได้ครับ

คุณอาจจะกระจายความเสี่ยงจากตลาดขนาดเล็กอย่างไทยหรือเวียดนาม ไปตลาดหุ้นประเทศมหาอำนาจของโลก โดยลงทุนในสหรัฐฯ หรือจีน ผ่านนโยบาย Jitta Ranking ให้เราเลือก ‘หุ้นดีราคาถูก’ แบบนักลงทุน VI ในประเทศเหล่านี้ให้คุณลงทุน

หรือจะลงทุนแบบ Global ETF ที่แบ่งสรรปันส่วนลงพันธบัตร และหุ้นทั่วโลกให้ครบถ้วนเรียบร้อย ไม่ว่าประเทศไหนจะเกิดวิกฤตอะไร ก็ยังมีหุ้นในประเทศอื่นๆ คอยทำงานทดแทน พอร์ตจึงไม่ผันผวนมากเหมือนลงทุนในประเทศใดประเทศหนึ่ง

อีกทางเลือกหนึ่งก็คือลงทุน ETF เป็นธีมกับ Thematic โดยเลือกธีมตลาดหุ้นสหรัฐฯ ตลาดหุ้นอินเดีย และตลาดหุ้นจีน นอกจากจะได้กระจายไปหลายๆ ประเทศด้วยเงินเริ่มต้นเพียง 100,000 บาทแล้ว ยังได้กระจายซื้อหุ้นทั้งตลาดเพราะเป็น ETF จึงลดความเสี่ยงลงไปได้พอสมควรเลยครับ 

4. ศึกษาแนวคิดการลงทุนจากหลากหลายผู้มีประสบการณ์ 

นักลงทุนที่เคยผ่านวิกฤตมาจะทราบดีว่าช่วงที่สถานการณ์ไม่แน่นอน ตลาดอ่อนไหว คือช่วงตั้งสติ ข่มความกลัว ไม่ให้ใจไขว้เขวตามข่าวร้าย และเตรียมพร้อมรอโอกาสลงทุน

การศึกษาแนวคิดและกลยุทธ์รับมือจากนักลงทุนที่เคยผ่านประสบการณ์เหล่านี้มาแล้ว จะช่วยให้คุณสามารถเห็นภาพวิกฤตและโอกาสได้ชัดเจน มองสถานการณ์ด้วยจิตใจเป็นกลาง มีสติก่อนตัดสินใจ และการตัดสินใจอย่างมีสตินี้เอง จะส่งผลดีต่อการลงทุนของคุณในระยะยาว 

เราได้รวบรวมแนวคิดต่างๆ เหล่าไว้ให้แล้วในบทความ ส่องกลยุทธ์ 9 นักลงทุนแนวหน้า ฝ่า Covid-19 อย่างไร และ 4 ข้อคิด ลงทุนฝ่าวิกฤตพิชิต Covid-19 ที่ผมได้พูดคุยกับคุณชาย มโนภาส นายกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า (ประเทศไทย) และดร. ศิวัสน์ เหลืองสมบูรณ์ รองกรรมการผู้จัดการ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ถึงแง่คิดการลงทุนยามวิกฤตกันครับ

ไม่เพียงเท่านั้น ที่ผ่านมา เราได้ส่งบทความ ข่าวสารต่างๆ ให้คุณอย่างสม่ำเสมอผ่านทางอีเมล ซึ่งคุณน่าจะผ่านตามาบ้างแล้วกับ Jitta Wealth Journal อัปเดตสถานการณ์การลงทุนรอบโลกที่อาจส่งผลกระทบกับพอร์ตลงทุนของคุณ พร้อมสาระแง่คิดจากนักลงทุนระดับแนวหน้าที่น่าสนใจ ส่งตรงถึงอินบ็อกซ์ของคุณทุกเช้าวันอังคาร

นอกจากนี้ ทีมงาน Jitta Wealth ยังได้รวบรวมทั้งวิดีโอสัมมนา บทความ และสถิติที่น่าสนใจเกี่ยวกับการลงทุนฝ่าวิกฤต ไว้ใน คลังความรู้เพื่อการลงทุนช่วงวิกฤต ซึ่งผมคิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์สำหรับนักลงทุนครับ

ทุกวิกฤตที่เกิดขึ้น มักมีโอกาสดีๆ แฝงตัวอยู่ด้วยครับ ในโลกการลงทุนด้วยเช่นกัน เทรนด์ที่กำลังเกิดขึ้น คือ นักลงทุนไม่ได้มีพอร์ตอยู่ที่ประเทศใดประเทศหนึ่งอีกต่อไป ดังนั้นการลงทุนต่างประเทศจะเป็นโอกาสที่ดีและช่วยกระจายความเสี่ยงให้พอร์ตคุณด้วย

ยิ่งปัจจุบันนี้ เป้าหมายลงทุนต่างประเทศ ไม่ใช่เป็นเรื่องที่ ‘น่าจะทำ’ อีกต่อไป แต่มันเป็นสิ่งที่ ‘ต้องทำ’ เพราะจะหวังพึ่งพาผลตอบแทนจากตลาดหุ้นใดตลาดหุ้นหนึ่งไม่ได้แล้ว

ถ้าคุณมีพอร์ตที่กระจายความเสี่ยงในหลายประเทศ มีการลงทุนหลายธีมธุรกิจ หรือเลือกวางแผนทางการเงิน ผ่านการจัดสรรสินทรัพย์  (Asset Allocation) อย่างเหมาะสม เพียงเท่านี้ พอร์ตของคุณจะแข็งแรงมากพอ ที่ฝ่าวิกฤตไปได้ครับ

ขอเพียงเชื่อมั่นในคุณภาพสินทรัพย์ กระจายความเสี่ยงอย่างเหมาะสม และหมั่นเพิ่มทุนอย่างสม่ำเสมอ เมื่อใดที่วิกฤตเกิดขึ้น ตระหนัก…แต่ไม่ตระหนกนะครับ

หวังว่า สิ่งที่ Jitta Wealth เตรียมให้กับคุณจะเป็นประโยชน์ เห็นภาพการลงทุนด้วยหลักการที่ดี และจะช่วยให้ฝ่าฝันอุปสรรคนี้ไปได้ครับ อดทนรออีกสักพัก รอให้พายุสงบลงกว่านี้อีกหน่อย เราจะมองเห็นโอกาสได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น โดยคุณจะมีผมและทีมงานอยู่เคียงข้าง คอยให้การสนับสนุนอยู่เสมอครับ

หากมีข้อสงสัยและต้องการความช่วยเหลือจากทีมงาน ติดต่อเข้ามาทาง Line @JittaWealth ได้ครับ