คุณญาดาวี ตั้งตรงไพโรจน์
แพทย์

“เพราะชีวิตยุ่งมากวันหยุดก็รู้สึกเหนื่อย ไม่ได้อยากไปเรียนการลงทุนหรือเทรดหุ้นเอง และเราเชื่อใน AI ว่าบริหารได้ดีกว่าคน” Global ETF +61.16% (22 ต.ค.63- 7 ต.ค.68)
รีวิว Jitta Wealth
เลือก AI บริหารพอร์ต เมื่อคุณหมอขี้เกียจลงทุนด้วยตัวเอง
24 ชั่วโมงของชีวิตมนุษย์ทำงานหมดไปกับการจดจ่อในหน้าที่การงานที่รับผิดชอบเสียเป็นส่วนใหญ่ ไม่เว้นแม้คุณหมอที่เมื่อถึงคราวนอกเวลางาน ก็ต้องการเซฟเวลาให้กับการพักผ่อน คุณญาดาวี ตั้งตรงไพโรจน์ คุณหมอจากโรงพยาบาลเอกชนที่หวงแหนเวลาที่เหลือจากงานไปกับการพักผ่อน แล้วหาเครื่องมือมาช่วยลงทุนเพื่อสร้างเงินให้งอกเงยสำหรับชีวิตเกษียณในอนาคต ด้วย Global ETF +61.16% (22 ต.ค.63- 7 ต.ค.68)
แรงจูงใจในการลงทุน
คุณญาดาวี เป็นคุณหมอที่ไม่ได้มีสถานะพนักงานประจำ เธอเปรียบตัวเองเป็นฟรีแลนซ์ทางการแพทย์ที่ไม่ได้มีเงินเดือน “ทำมากได้มาก ทำน้อยได้น้อย” เธอตระหนักถึงความสำคัญของการมีทางเลือกในการสร้างรายได้อื่นที่นอกเหนือจากงานประจำ หลังจากที่ทำงานมาและเริ่มพบเห็นว่าแพทย์รุ่นพี่บางคนที่เจ็บป่วยจนไม่สามารถทำงานได้ ส่งผลให้ไม่มีรายได้ ขณะเดียวกันก็สังเกตเห็นคนรอบตัวลงทุนในหุ้นเป็นส่วนใหญ่ นั่นจึงเป็นแรงจูงใจในการเริ่มต้นหาช่องทางลงทุนของเธอ
“ชีวิตยุ่งมาก ยุ่งจนแบบ วันหยุดก็เหนื่อยก็อยากนอน ก็ไม่ได้ทำอะไรอย่างอื่น พอเพื่อนจะชวนไปเรียนเรื่องลงทุน ก็เลยไม่ไป เพื่อนที่เขาขยันอ่านหน่อย ก็เหมาะกับการไปเล่นเองลงทุนเอง แต่สำหรับเราผู้ซึ่งขี้เกียจ ก็อาจจะไม่เหมาะเท่าไหร่ ถ้ามีตัวช่วย เราก็เอาตัวช่วย เพราะการลงทุนมันก็จำเป็นอยู่แล้ว โดยเฉพาะถ้าหมออยู่โรงพยาบาลเอกชน เราก็เห็นมาแล้วว่ามันไม่มีอะไรรองรับเราในอนาคตในวัยเกษียณ เงินก่อนนี้ก็จะเป็นเงินที่เราสำรองไว้ให้เราใช้ชีวิตได้สุขสบายในช่วงบั้นปลาย”
เธอมองว่าการลงทุนสามารถสร้างผลตอบแทนได้ดีกว่านำเงินไปนอนทิ้งไว้ในธนาคาร ในช่วงเริ่มแรกคุณหมอลงทุนแค่กองทุนลดหย่อนภาษีที่เจ้าหน้าที่แบงก์แนะนำ แต่ด้วยความเหนื่อยล้าจากการทำงาน ไม่มีเวลาศึกษาด้านการลงทุนเพิ่ม ก็เลยมาหาข้อมูลเกี่ยวกับการลงทุนทางอินเทอร์เน็ตด้วยตัวเอง จนไปเห็นโฆษณา Jitta Wealth แล้วก็ลองไปหาข้อมูลว่าคืออะไร ก็พบว่า มีสำนักงาน ก.ล.ต. เป็นผู้กำกับดูแล จึงตัดสินใจทดลองศึกษาและลงทุนดู”
เชื่อใน AI เพื่อการลงทุน เชื่อใน Jitta Wealth
อีกสาเหตุหนึ่งที่คุณญาดาวี เลือกลงทุนกับ Jitta Wealth เพราะเป็นแพลตฟอร์มที่ใช้ AI ในการบริหารพอร์ตลงทุน เพราะโดยส่วนตัวเธอมองว่าถ้าเป็น AI จะตัดสินใจได้มีประสิทธิภาพมากกว่าการใช้วิจารณญาณของคน จึงเริ่มต้นลงทุนใน Jitta Ranking หุ้นไทย ด้วยเงินก้อนหนึ่ง หลังจากนั้นคุณญาดาวี ได้เปิดพอร์ตอื่นๆ ตามมา ทั้ง Thematic DIY ที่เธอเลือกเปิดไว้หลายธีม เช่น หุ้นสหรัฐฯ เฮลท์แคร์ หุ้นอินเดีย จีน เป็นต้น ที่สร้างผลตอบแทนได้ดี โดยหลักการของเธอในการเลือกธีมคือเน้นการกระจายความเสี่ยงโดยการลงทุนในหลายธีมที่สนใจ
และเพราะความยุ่งมาก ทำให้คุณญาดาวีแทบไม่เปิดพอร์ตดูบ่อยนัก แต่เลือกจะติดตามผลการลงทุนผ่านรายงานที่ส่งให้ทาง Email เดือนละครั้งเท่านั้น
ปัจจุบันแม้ว่าพอร์ต Jitta Ranking หุ้นไทย ของเธอจะติดลบ แต่เธอไม่ได้สนใจว่าตัวเลขจะมากน้อยแค่ไหน เพราะเธอมองแค่ว่าพอร์ตหุ้นไทยที่มีกับ Jitta Wealth ยังติดลบน้อยกว่า Benchmark เช่นเดียวกับ Thematic DIY ที่เธอเลือกเปิดหุ้นจีนไว้เพียงธีมเดียวในพอร์ต แม้จะติดลบไป แต่เมื่อเทียบกับภาพรวมกองทุนที่เธอลงทุนอยู่ก็ถือว่า Thematic DIY หุ้นจีนของเธอยังติดลบน้อยกว่ากองอื่นๆ ของเธอที่ลงทุนสินทรัพย์ประเภทคล้ายกัน
“จริงๆ เวลาเห็นผลตอบแทนตก ส่วนตัวเราก็มองว่ามันก็แย่ทั่วโลก ถ้าพอร์ตยังดีกว่า Benchmark ได้มันก็โอเคนะ เพราะเราลงทุนระยะยาว เราเชื่อใน Jitta Wealth และเชื่อมั่นใน AI ว่าสามารถตัดสินใจได้ดีกว่าคน มีการทดสอบผลการดำเนินงานย้อนหลัง และยังมีค่าธรรมเนียมต่ำกว่าเมื่อเทียบกับกองทุนของธนาคาร”
ลงทุนระยะยาวเน้นกระจายความเสี่ยง
ส่วนใหญ่แล้วคุณญาดาวีเลือกใช้วิธีนำเงินก้อนมาเปิดพอร์ต ไม่ว่าจะเป็น Jitta Ranking หุ้นไทย หรือ Thematic DIY ที่เธอลงทุนไว้หลายธีมมาก โดยไม่ได้ DCA กระทั่ง Jitta Wealth พัฒนาฟีเจอร์ DCA เธอจึงเลือกตั้งค่า DCA ใน Global ETF เป็นประจำทุกเดือน
“หลักในการลงทุนและเลือกธีมเราแค่เน้นจัดกระจายความเสี่ยงแค่นั้นเลย ธีมไหนที่เราสนใจ ก็ซื้อ อะไรที่เรารู้สึกถูกชะตากัน เราก็ซื้อ เพราะเอาจริงเราไม่ได้มี financial literature ขนาดนั้น เราไม่ได้ว่าง คือต่อให้ว่างก็ยังขี้เกียจอยู่ดี ดังนั้นเมื่อตั้งใจจะถือยาว เราก็มองว่าโลกใบนี้มันเอาแน่เอานอนอะไรไม่ได้ เป็นอะไรที่ unpredictable บางอย่างที่เค้าว่าดี สุดท้าย Covid19 ก็มาตีตายหมด เราก็เลยใช้เงินเย็นลงทุนไป แบบ “ซื้อแล้วทิ้งไว้” ไม่ได้ติดตามตลาดหรือปรับพอร์ตบ่อยๆ แค่เน้นการกระจายความเสี่ยง”
บาดแผลการลงทุน
ประสบการณ์และผลการลงทุนนั้นคุณญาดาวี เล่าว่าบาดเจ็บที่สุดก็คือการลงทุนใน LTF ที่ตั้งใจว่าจะใช้ลดหย่อนภาษี แต่สุดท้ายเมื่อรัฐบาลไม่ขยายสิทธิการลงทุนใน LTF ต่อไป เมื่อไม่มีเม็ดเงินลงทุนใหม่เข้ามา ประกอบกับหุ้นไทยที่ปรับตัวลดลง พอร์ตของเธอก็ติดลบหนักมากแบบปาดน้ำตา และเป็นบทเรียนราคาแพง ทุกวันนี้เธอท้อแท้ใจกับการลงทุน จนนำเงินที่ขายออกมาไปซื้อสลากออมสินเก็บไว้ แล้วค่อยมองหาช่องทางการลงทุนใหม่สำหรับเงินก้อนนี้อีกครั้ง
และจากบาดแผลครั้งนั้นเธอยอมรับว่าสร้างความหวั่นไหวในการลงทุนให้เธอ รวมถึงการลงทุนใน Jitta Wealth เธอจึงเข้ามาหาข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อสร้างความมั่นใจ ซึ่งทุกวันนี้เธอสบายใจและเชื่อมั่นที่จะใช้บริการของ Jitta Wealth ที่มี AI ช่วยบริหารพอร์ตและค่าธรรมเนียมที่ต่ำกว่าต่อไป

*ศึกษาข้อมูลนโยบายการลงทุนและผลตอบแทนย้อนหลังของแต่ละนโยบายได้ที่ jittawealth.com
**ผลตอบแทนในอดีต ไม่สามารถการันตีผลตอบแทนในอนาคต การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจนโยบายการลงทุน เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน การลงทุนต่างประเทศอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน