ในการลงทุนความรู้เป็นสิ่งที่สำคัญมากและต้องรู้จักตัวเองด้วยว่าคุณเป็นคนแบบไหน ธเนศ  กวินเมธากุลSupport worker for people with special needs

ความคิดว่าอยากจะย้ายประเทศไม่ใช่ความคิดแรกของ ธเนศ กวินเมธากุล ที่ปัจจุบันอาศัยอยู่ที่ออสเตรเลียมากว่า 16 ปีแล้ว

เขาเป็นเหมือนเด็กไทยส่วนใหญ่ที่มีโอกาสและเลือกไปฝึกฝนภาษาอังกฤษเพิ่มเติม หลังจากเรียนจบด้าน IT Security ที่เมืองไทย
เส้นทางชีวิตที่ได้เจอกับภรรยาทำให้เขาตัดสินใจปักหลักที่ออสเตรเลียเป็นการถาวร

สิ่งที่ทำให้ชอบอยู่เลยก็คือแฟนอยากอยู่ที่นี่ แล้วเพิร์ทก็เป็นเมืองที่เงียบๆ ประชากรไม่เยอะ รถไม่ติด ธรรมชาติก็ยังสวยอยู่ มันเป็นอะไรที่น่าอยู่ ผู้คนก็เป็นมิตร

หลังจากตัดสินใจย้ายประเทศไปอยู่ออสเตรเลีย เขาจึงซื้อบ้านและผ่อนกับภรรยาอย่างเป็นแบบแผน เมื่อผ่อนบ้านเสร็จ
จึงเริ่มคิดเรื่องการลงทุน โดยเริ่มจากกองทุนหุ้นพื้นฐานที่ออสเตรเลีย และมองหาแผนการลงทุนที่เมืองไทย ซึ่งถือเป็นการกระจายความเสี่ยง เพราะเขารู้จักตัวเองเป็นอย่างดี

“ผมเป็นคนที่ชอบอะไรที่ไม่หวือหวา เพราะว่าอะไรที่มันขึ้นเยอะ ตอนที่ลงมันก็ลงมาเยอะเหมือนกัน หรือวันนี้ตลาดออสเตรเลียอาจจะดีมาก แต่สิบปีข้างหน้าเราก็ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เพราะเงินที่ลงทุนในวันนี้นั้นวางแผนไว้เพื่ออนาคตกับครอบครัว”

“ถ้าเก็บเงินสดไว้อย่างเดียว
ยังไงก็แพ้เงินเฟ้อ”
ชีวิตที่ออสเตรเลียที่ปลูกฝังเรื่องการลงทุน

ตอนแรกเรียนจบโทที่เมืองไทยก็อยากจะพัฒนาภาษาอังกฤษก็เลยคิดว่าจะไปที่ไหนดี ระหว่างอเมริกากับออสเตรเลีย
พอดีแม่มีเพื่อนที่นี่ก็เลยมาออสเตรเลีย ที่เมืองเพิร์ทตั้งแต่ปี 2549

เรื่องงานก็เหมือนเด็กไทยทั่วไป คือทำงานที่ร้านอาหารไทยเอาไว้ใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน พอเรียนจบภาษาเราเริ่มดีขึ้น สื่อสารได้มากขึ้นก็เลยย้ายไปทำในร้านซุปเปอร์มาร์เก็ต

หลังจากนั้นมาที่ทำงานด้านปัจจุบันก็เพราะว่าแฟนเรียนด้าน Teacher Assistant เป็น Specialist เด็กออทิสติกที่ทำงานด้านนี้อยู่แล้วพอดี ผมเห็นเขาทำแล้วก็คิดว่ามันเป็นงานที่ดีนะ คือได้ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยกันที่เขาไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ก็เลยเริ่มทำ
พอเริ่มทำแล้วก็รู้สึกว่ามันก็เป็นงานที่ไม่เลว สนุก แล้วก็ไม่มีความเครียดอะไร ก็เลยทำมาเรื่อยๆ ทำมาประมาณแปดปีแล้ว

ที่ออสเตรเลีย เขาพยายามที่จะทำให้คนลงทุนตั้งแต่อายุน้อยๆ คือเขาจะหัก 10% ของรายได้ที่คุณทำ ไปใส่ไว้ในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
(Provident Fund) แบบอัตโนมัติเลย ซึ่งคุณจะไม่สามารถถอนเงินนี้ได้เลยจนกว่าอายุจะ 60 ปี
ผมก็เข้าไปค้นคว้าดูว่าเอาไปลงทุนที่ไหนบ้าง ก็มารู้ว่าบริษัทเอาเงิน Provident Fund ไปลงทุนใน Index Fund ซึ่งมันมีความเสี่ยงต่ำ แม้ว่าจะเติบโตไม่เยอะแต่ก็จะโตเรื่อยๆ สิ่งนี้มันอาจจะสร้างนิสัยความที่ค่อยๆ ลงทุนให้เติบโตให้เราไปด้วย

ลงทุนจนเรียนรู้นิสัยการลงทุนของตัวเอง

ผมสนใจในการลงทุนตอนที่ผ่อนบ้านที่ออสเตรเลียหมดแล้ว มีเพื่อนคนหนึ่งบอกว่าให้ซื้อบ้านอีกหลัง
แต่เราคิดหนักเพราะการจะซื้อบ้านอีกหลังต้องใช้เงินอย่างต่ำ 5 แสนเหรียญ เราก็ต้องทำงานผ่อนอีก ถ้าตกงานแล้วจะเอาเงินที่ไหนผ่อน ก็เลยคิดถึงการลงทุนในอะไรที่มันเล็กลงมาหน่อย เลยเลือกลงทุนในหุ้นเพราะว่าไม่ต้องใช้เงินเยอะมาก และได้มีโอกาสไปคุยกับ Financial Advisers แล้วก็ลงทุนในกองทุน S&P500 ได้เรียนรู้เยอะมากจากการลงทุนครั้งแรกของตัวเอง

ตอนนั้นเราลงทุนในหุ้นเทคโนโลยีที่มาแรงในช่วงโควิด พอมันขึ้นเยอะๆ เราก็ขาย แล้วก็กระโดดไปลงทุนอีกกองหนึ่ง พอหุ้นมันตก
เราก็กระโดดไปหาอีกกองหนึ่ง สรุปขาดทุน เลยคิดว่าเราจะมาคอยกระโดดไปกระโดดมาแบบนี้ไม่ได้แล้ว
เราไม่ได้มีเวลามานั่งจ้องหน้าจอทุกวัน ก็เลยเปลี่ยนมาลงทุนใน Index Fund แนว DCA ไปเรื่อยๆ

แล้วภาษีที่นี่เยอะมาก คือมี Capital Gain Tax เพิ่มขึ้นมาจาก Income Tax อีกทีหนึ่ง ซึ่งถ้าเอารายได้ของผมเป็นตัวอย่างแล้วคิดภาษี On Top ไปอีก ก็น่าจะโดนภาษีประมาณ 42% จากกำไรที่เราได้ คนออสเตรเลียเลยมักลงทุนแบบถือยาวๆ ไม่ค่อยมีการซื้อมาขายไป
เพราะว่ารัฐบาลกำหนดนโยบายเอาไว้ เพราะไม่อยากให้คนเล่นหุ้นเหมือนเป็นการพนัน แต่อยากให้ลงทุนในบริษัทที่คิดว่ามีโอกาสเติบโต แล้วให้เงินลงทุนเติบโตไปกับบริษัทมากกว่า

กระจายความเสี่ยง และเลือกที่ที่ค่าธรรมเนียมสมเหตุสมผล

ผมรู้จัก Jitta Wealth จากการดูคลิปใน YouTube แล้วเห็นคุณเผ่า (ตราวุทธิ์ เหลืองสมบูรณ์ CEO ของ Jitta Wealth) พูดเรื่อง Global ETF เรื่องลงทุนในหุ้นทั่วโลก ในหลักการที่ว่าการขายสินทรัพย์หนึ่งแล้วไปซื้อสินทรัพย์หนึ่งด้วย AI ผมว่ามันเป็นอะไรที่ฉลาดมาก
ก็เลยสนใจและเริ่มหาข้อมูลเกี่ยวกับ Jitta Wealth เพิ่มเติมและผมอยากกระจายความเสี่ยงด้วย เพราะว่าส่วนหนึ่งเรามีกองทุน Provident Fund ที่ออสเตรเลียอยู่แล้ว ถ้าจะเอาเงินมากองที่ออสเตรเลียอย่างเดียวเราก็กลัวความเสี่ยง
ก็เลยอยากแบ่งไปลงทุนที่ไทยด้วยเพราะว่าอะไรๆ ก็เกิดขึ้นได้

ผมลงทุนกับ Jitta Wealth ในนโยบาย Thematic ETF ตั้งแต่ช่วงมกราคมปี 2564 เป็นช่วงที่มีกำไรดีประมาณ 20% จึงขาย
แล้วก็ย้ายไปลงทุนแผน Jitta Ranking หุ้นจีน คือผมก็ศึกษาหาความรู้ทาง YouTube และจากหลายๆ ทาง แล้วก็เอาข้อมูลมาประมวลผลว่าเราลงทุนในอะไรดี อีกปัจจัยที่ทำให้เราเลือกลงทุนกับ Jitta Wealth คือด้วยความที่ค่าธรรมเนียมของ Jiita Wealth คิดแค่ 0.5% ต่อปี คือถ้าเป็นกองทุนอื่นๆ มันก็จะมีค่าแรกเข้าหรือค่าธรรมเนียมอื่นๆ อีกปีละ 2-3%
ซึ่งถ้ากองทุนเราขาดทุนก็ยังต้องจ่ายตรงนี้ด้วย แต่ถ้าเราลงทุนใน Jitta Ranking ถ้าปีไหนผมขาดทุนก็ไม่ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมส่วน Performance Fee

ตอนนี้ลงทุนกับ Jitta Wealth มาประมาณหนึ่งปี รู้สึกว่าแฮปปี้นะ พอย้ายมาลงทุนใน Jitta Ranking หุ้นจีน
ความเหวี่ยงของพอร์ตก็ไม่แรงมากเท่ากับกองทุนอื่นๆ

ลงทุนเพื่ออนาคต ลงทุนเพื่อการเกษียณ

ตอนอายุ 55 ปี ก็อยากจะ Semi-retire คืออาจจะทำงานแค่อาทิตย์ละ 3 วัน อยากมีเวลาเที่ยวบ้าง แล้วหลังจากอายุ 55 ปีขึ้นไปก็ดูก่อนว่าพอร์ตหุ้นที่เรามีมันโตขนาดไหน

ถ้ามันเติบโตดีผมก็อาจจะเกษียณถาวรเลย ก็คุยกับแฟนว่าถ้าเราเกษียณแล้วจะไปเที่ยวกัน 3 เดือนเลย ตอนนี้คิดว่าได้กำไร 8% ต่อปีก็โอเคแล้ว แล้วพออายุ 55 ปี อาจเปลี่ยนกองทุนที่ลงทุน เพราะว่าพอใกล้อายุ 60 ปี ก็อาจจะไม่อยากมีความเสี่ยงมาก อาจจะเปลี่ยนเป็น Global ETF ที่ให้ผลตอบแทนน้อยลง แต่ความเสี่ยงก็น้อยลงเช่นกัน

ลงทุนด้วยความรู้สำคัญที่สุด

ผมก็ไม่ได้เก่งนะ แต่ถ้าให้แนะนำก็ให้หาความรู้ก่อนว่าเราอยากลงทุนแนวไหน เรารับความเสี่ยงได้มากน้อยแค่ไหน ถ้าเราหาความรู้ มีความรู้ เวลาที่หุ้นลง เราก็จะรู้ว่าสาเหตุมันเกิดมาจากอะไร พอเรารู้เหตุผลเราก็จะไม่เครียดมาก แต่ถ้าเราไม่รู้ว่าหุ้นตัวนี้ กองทุนนี้ตกเพราะอะไร ก็จะคิดโทษตัวเองว่าเราเลือกหุ้นผิดหรือคิดมากว่าควรจะขายหุ้นดีไหม

ดังนั้น ความรู้เป็นสิ่งที่สำคัญมาก แล้วก็ต้องรู้จักตัวเองด้วยว่าคุณเป็นคนแบบไหน อยากได้ผลตอบแทนสูงๆ หรืออยากได้ผลตอบแทนน้อยๆ แต่ว่าเติบโตไปแบบเนิบๆ และสุดท้ายควรใช้เงินเย็นในการลงทุน อย่างผมคือมันเป็นเงินที่เหลือ
ในกรณีที่เราเสียเงินนี้ทั้งก้อนเลยก็ไม่มีผลกระทบกับชีวิต ทำให้เวลาหุ้นตกก็จะไม่เดือดร้อนมาก เราก็จะสบายใจในการลงทุน

เงินเติบโตด้วยกองทุนส่วนบุคคล
Jitta Wealth
ลงทุนอย่างสบายใจ กำไรอย่างยั่งยืน
เรื่องราวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
ดูทั้งหมด
บริษัท หลักทรัพย์จัดการกองทุนจิตตะ เวลธ์ จำกัด
1111/9-10 ถนนลาดพร้าว แขวงจันทรเกษม เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร 10900



สงวนลิขสิทธิ์ © 2024 บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนจิตตะ เวลธ์ จำกัด
เนื้อหาทั้งหมดบนเว็บไซต์นี้จัดทำขึ้นโดยบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนจิตตะ เวลธ์ จำกัด (“Jitta Wealth”) ผู้บริหารจัดการบัญชีกองทุนส่วนบุคคล Jitta Wealth ที่ได้รับใบอนุญาตบริหารจัดการกองทุนประเภท ค เลขที่ ลค-0105-01 และดำเนินการภายใต้การกำกับ ดูแลของ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) Jitta Wealth ให้บริการกองทุนส่วนบุคคลสำหรับผู้ลงทุนรายย่อย ที่ต้องการนำเงินมาลงทุนในตลาดทุน โดยใช้เทคโนโลยี AI วิเคราะห์หุ้นและกลยุทธ์การลงทุนที่จัดทำโดยบริษัทจิตตะ ดอท คอม จำกัด (“Jitta.com”) บริหารจัดการให้แบบอัตโนมัติ เพื่อผลตอบแทนระยะยาวที่สูงกว่าดัชนีตลาด การลงทุนมีความเสี่ยง ไม่ว่าจะเป็นการสูญเสียกำไรหรือเงินต้น กลยุทธ์การลงทุนของ Jitta Wealth ใช้ข้อมูลวิเคราะห์หุ้นของ Jitta.com ซึ่งคิดคำนวณจากข้อมูลในอดีต อัตราผลตอบแทน การเปรียบเทียบหรือการจัดอันดับการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนบนเว็บไซต์นี้เป็นสมมุติฐานทางสถิติจากข้อมูลที่มี เพื่อใช้ประกอบการอธิบายรายละเอียดบริการเท่านั้น ไม่สามารถใช้รับประกันผลตอบแทนในอนาคตได้ สถานการณ์ในโลกที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะแง่บวกหรือแง่ลบ สามารถส่งผลกระทบ ต่อทั้งอุตสาหกรรมหรือกลุ่มธุรกิจ และอาจทำให้พอร์ตหุ้นที่มีการกระจายความเสี่ยงค่อนข้างมากแล้ว ประสบความผันผวนด้านราคาได้ Jitta Wealth ได้รับอนุญาตให้บริหารจัดการกองทุนเพื่อช่วยผู้ลงทุนบรรลุเป้าหมายด้านการเงินผ่านการ ลงทุนในสินทรัพย์ประเภท หุ้นโดยไม่มีเจตนาแนะนำความเหมาะสมของกลยุทธ์การลงทุนใดๆ แก่ผู้ลงทุน ผู้ลงทุนควรคำนึงถึงเป้าหมายการลงทุนส่วนตัว และค่าธรรมเนียมต่างๆ ของ Jitta Wealth ก่อนลงทุน
“Jitta Wealth” เป็นเครื่องหมายการค้าของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนจิตตะ เวลธ์ จำกัด