จากจุดเริ่มต้นที่มีพนักงาน 2 คน เงินลงทุนไม่กี่แสน กับความรู้เกี่ยวกับนมถั่วเหลืองที่ได้จากการศึกษาวิจัยอย่างเข้มข้น ทุกวันนี้แทบไม่มีใครไม่รู้จัก ‘โทฟุซัง’ แบรนด์นมถั่วเหลืองพาสเจอร์ไรซ์อันดับ 1 ที่มาพร้อมโลโก้เด็กผู้ชายหน้าตาน่ารักและแพ็กเกจจิ้งสุดมินิมอล ลบภาพจำเดิมๆ ของนมถั่วเหลืองไปอย่างสิ้นเชิง
เบื้องหลังความสำเร็จที่ปฏิวัติวงการนมถั่วเหลืองนี้ คือผู้ชายที่ชื่อ สุรนาม พานิชการ ผู้เป็นหัวเรือใหญ่ที่คอยกำหนดทิศทาง บริหารจัดการผลกำไร-ขาดทุน และดูแลพนักงานกว่าสองร้อยชีวิต เพื่อขับเคลื่อนบริษัทให้เติบโตอย่างมีคุณภาพ
เริ่มต้นด้วยข้อมูล และความเชื่อใน ‘ของดี’
ตอนก่อตั้งโทฟุซังเมื่อ 7-8 ปีที่แล้ว เราเริ่มจากไปวิจัยการทำน้ำเต้าหู้ ซึ่งมีรายละเอียดมากมาย เช่น การแช่ถั่วด้วยน้ำอุณหภูมิ 40, 60, 80 หรือ 100 องศาฯ มีผลต่อโปรตีนแตกต่างกันหมด เราเลือกใช้ถั่วไม่ตัดแต่งพันธุกรรมออร์แกนิกนำเข้าจากแคนาดาเพราะญี่ปุ่นนำเข้าจากที่นี่อีกที เราเอาองค์ความรู้ของทุกคนมารวมกันเป็นสูตรของโทฟุซัง วันแรกเราเอาสูตรไปจ้างนาย ก. แช่ถั่วและโม่ถั่วอย่างเดียว ไปจ้างนาย ข. ทำฟองเต้าหู้ จ้างนาย ค. ประกอบร่างกันในขวด ปีแรกๆ ยอดขายน้อยมาก ซัพพลายเออร์ก็มีปัญหา เราก็เลยตัดสินใจสร้างโรงงานของตัวเองดีกว่า
หลังจากนั้นเราก็ค่อยๆ ขยับขยายมาเรื่อยๆ ผลิตภัณฑ์หลักยังเป็นนมถั่วเหลือง ซึ่งผมมั่นใจว่าไม่ใช่ทุกคนที่กินโทฟุซังแล้วชอบ ด้วยความชัดเจนในรสชาติ กระบวนการทำ คุณค่าทางสารอาหารแบบนี้ แล้วเราก็ชัดเจนว่าเราไม่ได้ถูกที่สุด แต่ทุกวันนี้มันพิสูจน์แล้วว่าผู้บริโภคยอมรับและเห็นคุณค่า
ยิ่งข้อมูลเยอะ
ยิ่งความเสี่ยงน้อย
การที่เราเป็นผู้ประกอบการใหม่และตลาดแข่งขันสูง สิ่งที่ช่วยเราได้มากๆ คือการฟัง การเก็บข้อมูลเยอะๆ ไม่ว่าจะเป็นพนักงาน ซัพพลายเออร์ คู่ค้าต่างๆ มาผนวกรวมกัน แล้วเราจะตัดสินใจบนพื้นฐานข้อมูลและองค์ความรู้ที่สำคัญ ผมเชื่อในข้อมูล ไม่ได้แปลว่ามีข้อมูลแล้วจะตัดสินใจถูก แต่ยิ่งเรามีข้อมูลเยอะเท่าไหร่ ยิ่งช่วยลดความเสี่ยง ยิ่งทำให้การตัดสินใจถูกต้องและแม่นยำมากยิ่งขึ้น แล้วก็ค่อยๆ ทำให้บริษัทก้าวหน้าขึ้น
ในแง่ของการบริหารเงินลงทุนก็เช่นกัน ส่วนการบริหารเงินลงทุน ต้องบอกว่าผมแบ่งเป็น 2 ส่วน ส่วนมาก 80-90% คือกลับมาลงทุนในบริษัท และอีกส่วนหนึ่งที่เป็นเงินออมจริงๆ ผมลดความเสี่ยงด้วยการลงทุนกับ Jiitta Wealth ซึ่งเป็นตัวช่วยกรองข้อมูลที่เราไม่มีเวลาและความสามารถในการจะไปหาข้อมูลทุกบริษัทมาเปรียบเทียบได้แบบนั้น
เปลี่ยนการ ‘เล่น’ เป็นการเรียนรู้
เดิมผมมีความสนใจในการลงทุนอยู่แล้ว แต่ก่อนมาเจอ Jiitta Wealth เราเคยเทรดทุกวัน เอาเงินทั้งหมดไปทุ่มให้ผลตอบแทนเยอะที่สุด สุดท้ายเงินนั้นก็หายไป มันคือการ ‘เล่น’ หุ้นจริงๆ โดยไม่ได้ศึกษามัน สิ่งที่เริ่มใหม่กับการลงทุนครั้งนี้ คือเราอยากทำทุกอย่างด้วยข้อมูลและเหตุผล จึงตัดสินใจเลือกการลงทุนแบบที่ไม่เอาตัวเองเข้าไปเกี่ยวข้อง เพราะตัวเองมีความลุ้น พอราคาหุ้นขึ้นหรือลงก็อยากทำอะไรบางอย่างกับมันเสมอ แต่ไม่ได้ตัดสินใจจากเหตุและผลที่ดีเพียงพอ
วันที่เลือก Jitta Wealth คือการพิสูจน์ว่าหลักการของเขาตรงกับความต้องการของเรา เราโทรไปขอคำปรึกษาจาก Jitta Wealth ว่าเราควรเริ่มลงทุนวันที่ราคาหุ้นขึ้นหรือลงจะดีกว่า เจ้าหน้าที่ก็อธิบายได้เคลียร์มากว่านี่เป็นอคติแบบหนึ่ง คุณคิดว่าวันที่ราคา 1,700 บาทคือสูง แต่จริงๆ วันนั้นมันอาจขึ้นไป 1,800 ก็ได้ ถ้าคุณตัดสินใจบนพื้นฐานข้อมูลจริงๆ คุณจะเลือกหุ้นที่ดีในราคาที่เหมาะสมอยู่แล้ว ฟังแล้วเราก็สบายใจที่จะเอาเงินออมที่เหลือทั้งชีวิตฝากไว้กับ Jitta Wealth
เพิ่มพลังข้อมูลด้วยหลักการที่ไว้ใจได้
Jitta Wealth ไม่ได้มีแค่ข้อมูลตัวเลข แต่รวมถึงบทวิเคราะห์ตลาด สภาพการณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เขาอาจไม่ได้รู้ลึกว่าอินไซต์เป็นอย่างไร แต่เขาเห็นแนวโน้มเทรนด์ว่ามันน่าจะเป็นอย่างไรโดยไม่มีอคติ สิ่งที่เราต้องทำความเข้าใจคือหลักการที่ Jitta Wealth ใช้ในการวิเคราะห์ ซึ่งเขาก็อธิบายไว้อย่างละเอียด เขาไม่ได้เห็นแค่ว่าหุ้นดีแล้วจะซื้อตลอด เขาประเมินด้วยว่าหุ้นดีแล้วราคาดี เหมาะที่จะซื้อหรือเปล่า ซึ่งวันนี้มันก็พิสูจน์แล้ว ไม่ว่าตลาดจะผันผวนยังไง ปันผลดีตลอด ผมคิดว่าสิ่งที่เลือกไปไม่ผิด
ผมเชื่อในข้อมูล และเชื่อในตรรกะที่ Jiitta Wealth จัดการข้อมูลนั้นให้เรา มันช่วยให้ชีวิตเราง่ายขึ้นมากๆ