เปิดสถิติ ตอบทุกข้อสงสัย ‘หุ้นสหรัฐฯ ยังไปต่อ’
ร้อนแรงไม่หยุด ฉุดไม่อยู่กันเลยทีเดียว สำหรับตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยิ่งหลังจากเลือกตั้งประธานาธิบดีผ่านพ้นไป คำตอบที่นักลงทุนได้แต่คาดเดาก็แจ่มชัดขึ้น ตลาดหุ้นก็ตอบรับความชัดเจน ปรับบวกขึ้นไปอีก
ทำให้ตอนนี้จะมีนักลงทุน 3 กลุ่มด้วยกันคือ
- ลงทุนไว้อยู่แล้ว ถือต่อและลงทุนเพิ่ม
- ลงทุนไว้อยู่แล้ว ลังเลว่าจะขายทำกำไรก่อนดีมั้ย
- ยังไม่ได้ลงทุน ลังเลว่าจะลงทุนดีมั้ย
วันนี้เราเลยมีสถิติที่จะช่วยให้คุณตัดสินใจได้ถูกต้อง มาเล่าให้ฟัง เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ พุ่งกระฉูดแบบนี้ อ่านจบคุณจะสามารถ Take Action กับพอร์ตของคุณได้ง่ายขึ้น โดยเริ่มกันที่คำถามยอดฮิต
หุ้นสหรัฐฯ ตอนนี้ยังลงทุนได้ไหม?
ถ้าถามว่าลงทุนได้หรือไม่ ต้องขอบอกว่า ‘ลงทุนได้’ เพราะอะไรเราถึงบอกว่าลงทุนได้ นั้นก็ต้องมาดูที่สถิติกัน
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ มีดัชนีที่คุณคุ้นหูกันอยู่ 3 ดัชนี คือ ดัชนี S&P 500 ดัชนี Dow Jones และ ดัชนี Nasdaq ซึ่งครั้งนี้เราจะพูดถึงดัชนี S&P 500 เป็นหลัก เพราะเป็นดัชนีที่สื่อถึงตลาดหุ้นสหรัฐฯ โดยภาพรวมได้มากที่สุด
ตอนนี้คุณคงมองว่าหุ้นสหรัฐฯ พุ่งขึ้นมามากแล้วใช่ไหม ตลอดทั้งปี 2567 เรียกได้ว่าทำ New High กันไม่พักเลยทีเดียว
ดัชนี S&P 500 ทำ All Time High ไปแล้วกว่า 50 ครั้งในปีนี้…ซึ่งในระยะยาว เป็นไปได้ยากที่จะหยุดอยู่แค่นี้
ถ้าคุณลองมองกราฟดัชนี S&P 500 ดีๆ ก็จะเห็นได้ไม่ยากว่า จากอดีตถึงปัจจุบัน แม้จะมีบางปีที่ร่วงลงไปบ้างจากวิกฤติต่างๆ นานา แต่ในระยะยาวตลาดหุ้นมีแนวโน้มขาขึ้นมาตลอด
และจากสถิติย้อนหลัง 98 ปี ดัชนี S&P 500 มีปีที่เป็นบวกมากถึง 72 ปี เลยทีเดียว
ลงทุนไปตอนนี้ ปีหน้าตลาดหุ้นจะตกไหม?
คำถามที่ว่าตอนนี้ตลาดหุ้นขึ้นมาเยอะแล้ว ปีนี้ก็เป็นปีที่ 2 ที่ตลาดหุ้นปรับบวกขึ้นมาหลังจากวิกฤติเงินเฟ้อในปี 2565 เรามาย้อนดูตัวอย่างปีที่เกิดวิกฤติกันดีกว่าว่ามีแนวโน้มเป็นอย่างไร
ในช่วงปี 2543 – 2545 ที่เกิดวิกฤติ Dot-Com ดัชนี S&P 500 ปรับลดลงติดต่อกันถึง 3 ปี แต่เมื่อวิกฤติคลี่คลายก็กลับมาปรับบวกติดต่อกัน 5 ปีเลยทีเดียว
หรืออย่างในช่วงวิกฤติสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน ปี 2561 ดัชนี S&P 500 ปรับลง 1 ปี และกลับมาบวกติดกัน 3 ปี
ครั้งนี้หลังจากวิกฤติเงินเฟ้อที่ ดัชนี S&P 500 ปรับตัวลดลงในปี 2564 จากนั้น ปี 2565 ก็ปรับตัวขึ้นมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งก็นับได้ประมาณ 2 ปี ยังน้อยกว่าวิกฤติครั้งอื่นๆ อยู่
ประกอบกับในปีนี้ เป็นปีที่มีการเลือกตั้งประธานาธิบดีที่ส่วนใหญ่แล้วตลาดหุ้นจะเป็นบวก
และตามสถิติแล้วไม่ว่าใครจะชนะการเลือกตั้ง ผลตอบแทนในปีหลังจากการเลือกตั้ง
ดัชนีส่วนใหญ่เป็นบวกเสมอ (ยกเว้นปีที่เกิดวิกฤติเศรษฐกิจ เช่น วิกฤติ Dot-Com ปี 2544)
ทำให้ในปีหน้ามีแนวโน้มสูงที่ตลาดหุ้นจะปรับบวกเช่นเดียวกัน
สำหรับคนที่ลงทุนอยู่แล้ว ลังเลว่าจะขายทำกำไรก่อนดีไหม?
ในกรณีนี้คุณมีสิทธิ์ที่จะบริหารความเสี่ยงของตัวเอง แต่อย่าลืมว่าไม่มีใครรู้อนาคต จากสถิติแล้วปีหน้าตลาดหุ้นสหรัฐฯ อาจขึ้นต่อก็ได้ ดังนั้นถ้าคุณขายทำกำไรก่อน คุณก็ต้องรับความเสี่ยงที่จะพลาดโอกาส พลาดผลตอบแทนในส่วนนี้ไปเช่นกัน
คุณจะต้องลองคิดวิเคราะห์ให้รอบคอบ เพราะสำหรับนักลงทุนระยะยาว หุ้นที่คุณหมายมั่นปั้นพอร์ตมา ตั้งแต่ตอนพอร์ตหุ้นยังเตาะแตะ บางคนถัวเฉลี่ย DCA เพิ่มทุนช่วงที่ค่าเงินบาทดีๆ ตัดใจขายไปตอนนี้อาจเสียดายไม่น้อย
สำหรับคนที่ยังลังเลว่าจะลงทุนดีไหม?
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ตอนนี้ยังถือว่าสามารถลงทุนได้ สำหรับการลงทุนระยะยาว โอกาสยังเปิดกว้างอยู่เสมอ โลกยังคงถูกขับเคลื่อนไปข้างหน้า แต่ถ้าคุณมัวชักช้า ระยะเวลาที่คุณจะได้โอกาสทำกำไรจากตลาดหุ้นก็อาจน้อยลง
ถ้ายังไม่รู้ว่าจะคว้าโอกาสในการลงทุนนี้ยังไง ให้ Jitta Wealth ช่วยได้
เรามีนโยบายที่ลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ มากมายไม่ว่าจะเป็น Jitta Ranking ที่ลงทุนในหุ้นรายตัว หรือจะ ลงทุนผ่าน ETF ในนโยบาย Global ETF และ Thematic ก็ได้เช่นกัน
หายังไม่แน่ใจว่าควรลงทุนอย่างไรดี ติดต่อปรึกษาเจ้าหน้าที่แนะนำการลงทุนของเราได้ที่ Line: @JittaWealth หรือโทร 02-460-8888
อ่านรีวิวพอร์ตลงทุน Jitta Wealth ของนักลงทุนอีกมากมายได้ที่ Facebook และ เว็บไซต์ของเรา
ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับนโยบาย Jitta Ranking Thematic Global ETF และ Jitta Money ผลตอบแทนในอดีต ไม่สามารถการันตีผลตอบแทนในอนาคต การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจนโยบายการลงทุน เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน การลงทุนต่างประเทศอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน