Skip to content - ข้ามไปที่เนื้อหา
blog

วิธีบริหารเงินแบบคนรวย 1% ของโลก ที่คุณก็ทำได้


All Category

ไฮไลต์

  • ความแตกต่างของคนรวยไม่ได้เริ่มจากรายได้ แต่เริ่มจาก ‘วิธีคิดและวินัยทางการเงิน’ 
  • คนรวย 1% มองเงินเป็นเครื่องมือ ไม่ใช่แค่เป้าหมายสุดท้ายของความมั่งคั่ง
  • พวกเขาคิดระยะยาว ควบคุมรายจ่ายอย่างมีวินัย และเรียนรู้อยู่ตลอดเวลา
  • บริหารเงินชัดเจน แบ่งรายได้ออกเป็นสัดส่วน ช่วยให้ไปสู่เป้าหมายทางการเงินได้จริง
  • ความมั่งคั่งไม่ใช่เรื่องของโชคหรือรายได้สูง แต่คือผลลัพธ์ของการคิด วางแผน และลงมือทำอย่างมีวินัย

ทำไมคนบางคนดูเหมือนจะมีแต่โอกาสดีๆ วิ่งเข้ามาในชีวิต ในขณะที่อีกหลายคนทำงานหนัก แต่เงินก็ไม่เคยพอใช้?

คำตอบไม่ใช่แค่เรื่องของรายได้ที่ต่างกัน แต่คือ ‘วิธีคิดและการบริหารเงิน’ ที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิง

ความแตกต่างของคนรวยระดับ 1% ของโลก วิธีคิดที่ทำให้พวกเขาบริหารเงินได้ดีกว่า รู้ว่าเงินแต่ละบาทควรไปอยู่ตรงไหน และที่สำคัญคือ จะทำให้เงินมันงอกเงยขึ้นเรื่อยๆ โดยไม่ต้องเหนื่อยขึ้นได้อย่างไร

บทความนี้จะพาคุณไปดูวิธีบริหารเงินแบบคนรวยระดับโลก ว่าพวกเขาทำอย่างไรให้เงินเติบโตได้ต่อเนื่อง และที่สำคัญคือ…คุณเองก็ทำได้ ไม่ว่าตอนนี้เงินในบัญชีจะมีเท่าไรก็ตาม

5 หลักคิดทางการเงินของคนรวย ที่ทำให้พวกเขาไม่จนลง

  1. เงินคือเครื่องมือ ไม่ใช่เป้าหมาย

อย่าให้เงินเป็นแค่ตัวเลขที่คุณไล่ตาม แต่ให้มันเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้คุณใช้ชีวิตตามฝันได้
หากคุณยึดเงินเป็นเป้า อาจเลือกเส้นทางผิด เช่นกู้ ยืม ใช้จ่ายเกินตัว หรือทำผิดกฎหมาย

ให้มองเงินเป็นเครื่องมือเพื่อบรรลุเป้าหมาย การที่เงินเพิ่มขึ้น หมายถึงเป้าหมายที่เติบโตขึ้นเรื่อยๆ

  1. คิดระยะยาว มองผลลัพธ์ในอนาคต

“อดเปรี้ยวไว้กินหวาน” เข้าใจเรื่องการคิดแบบผลตอบแทนทบต้น คิดว่าเงินก้อนเล็กในวันนี้จะสามารถเป็นก้อนใหญ่ในอีก 10-20 ปีข้างหน้าได้อย่างไร

อย่าแค่คิดว่าใช้วันนี้ยังไง หรือมองเดือนต่อเดือน แต่ให้คิดว่า “เงินวันนี้จะสร้างอะไรให้คุณในอนาคต”

  1. แยกสิ่งจำเป็น กับสิ่งอยากได้ให้ชัดเจน

ความผิดพลาดที่คนส่วนใหญ่มักเจอคือการนำเงินไปซื้อของที่บางครั้งเราไม่ได้อยากได้จริงๆ แต่ซื้อเพื่อต้องการให้คนอื่นประทับใจ ซึ่งเป็นสิ่งที่ผิด 

พิจารณาจัดลำดับความสำคัญใช้เงินกับสิ่งจำเป็นก่อน แล้วนำเงินที่เหลือไปลงทุน หรือเก็บออมเป็นเงินสำหรับใช้ยามเกษียณหรือทำตามความฝันในอนาคต ซึ่งสำคัญกว่าสิ่งของที่บางครั้งอาจไม่จำเป็นในตอนนี้

  1. ใช้วินัยสร้างอิสรภาพทางการเงิน

หลักคิดที่ดีจะไม่มีทางเกิดขึ้นจริง หากขาด ‘วินัย’

วินัยเป็นสิ่งที่จำเป็นในการวางแผนการเงินและการลงทุนให้เป็นไปตามแผนที่กำหนดไว้ และให้เวลาเป็นตัวช่วยพาไปสู่อิสรภาพทางการเงิน

  1. เรียนรู้ตลอดชีวิต

ความรู้คือทรัพย์สินที่เติบโตไว สร้างมูลค่าได้มากที่สุด และไม่มีใครสามารถเอาไปจากคุณได้ ในขณะที่เงินที่เราหามายังสามารถหายไปได้จากภาษีหรือเหตุฉุกเฉิน 

การเรียนรู้ตลอดเวลาจะทำให้คุณมีเรดาร์ที่เปิดรับวิธีการลงทุนใหม่ๆ การหาเงินใหม่ๆ และการวางแผนการเงินใหม่ๆ อย่างสม่ำเสมอ ความรู้ที่ทบต้นจะช่วยให้ชีวิตดีขึ้นเรื่อยๆ

คนรวย 1% ของโลกใช้เงินกันยังไง 5 หลักคิดที่ทำให้คนรวยไม่จนลง 1 เงินคือเครื่องมือ ไม่ใช่เป้าหมาย 2 คิดระยะยาว มองผลลัพธ์ในอนาคต 3 แยกสิ่งจำเป็นกับสิ่งที่อยากได้ให้ชัดเจน 4 ใช้วินัยสร้างอิสรภาพทางการเงิน 5 เรียนรู้ตลอดชีวิต และวิธีบริหารเงินแบบ 50/20/20/10 50% ใช้จ่ายจำเป็นในชีวิตประจำวัน 20% เป็นเงินสำรองเพื่อความมั่นคง อีก 20% ลงทุนเพื่อการเติบโต 10% ไว้เพื่อความสุข

วิธีบริหารเงิน สูตร 50/20 /20/10

ก่อนที่จะสร้างเงินมหาศาลได้ เราต้องรู้จักวางแผนและจัดสัดส่วนเงินแต่ละก้อนให้ถูกที่ก่อน ระบบนี้เป็นแนวทางที่สามารถนำไปปรับใช้ได้ตามสไตล์ของแต่ละคน หลักการสำคัญคือเงินที่ลงทุนในอนาคตควรจะมากกว่าเงินที่ใช้เพื่อความสุขในวันนี้

50% สำหรับค่าใช้จ่ายจำเป็นในชีวิตประจำวัน 

เงินส่วนนี้ใช้สำหรับการดำรงชีวิตประจำวัน ซึ่งคำว่า ‘จำเป็น’ ของแต่ละคนอาจไม่เท่ากัน ดังนั้นควรพิจารณาจัดลำดับความสำคัญ ใช้เงินส่วนนี้ไปกับสิ่งที่จำเป็นและขาดไม่ได้จริงๆ 

  • วินัยการใช้จ่าย: ต้องใช้เท่าที่จำเป็นและมีเหตุผล วิธีที่ง่ายที่สุดคือการตั้งงบประมาณ (Budget) เพื่อควบคุมค่าใช้จ่าย เช่น ค่าเช่าบ้าน ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าอาหาร หากเหลือมากก็กินได้มาก หากเหลือน้อยก็ต้องประหยัด
  • สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง: ไม่จำเป็นต้องไปแสดง หรืออวดอะไรกับคนอื่น เพราะคนอื่นไม่ได้มารับผิดชอบชีวิตเรา ความสุขที่แท้จริงคือการเป็นตัวของตัวเอง และไม่ควรเปรียบเทียบตัวเองกับใคร เพราะภาระของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ควรเปรียบเทียบตัวเองกับตัวเราเมื่อวาน และเปรียบเทียบกับเป้าหมายระยะยาวในอีก 10-20 ปีข้างหน้า

20% สำหรับเงินสำรองเพื่อความมั่นคง 

เงินส่วนนี้เป็นสิ่งที่ควรเก็บออกมาก่อนเลยในทุกเดือน เพื่อสร้างความมั่นคงในชีวิต และไม่ควรนำไปลงในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูง ควรเก็บไว้ในที่ปลอดภัย เช่น ฝากธนาคาร เพื่อใช้ในยามเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันหรือขาดรายได้ 

  • ปริมาณที่ควรสำรอง: โดยทั่วไปควรมีสำรองไว้ 6-12 เดือนของค่าใช้จ่าย สำหรับผู้ที่มีอาชีพไม่มั่นคงหรือเป็นฟรีแลนซ์ อาจต้องเก็บถึง 12-24 เดือน เงินนี้มีหน้าที่ทำให้ชีวิตเราดำเนินต่อไปได้โดยไม่สะดุดและไม่ต้องไปกู้หนี้ยืมสินนอกระบบ
  • เมื่อเก็บครบเป้าหมาย: เงิน 20% ส่วนนี้สามารถนำไปลงทุนเพิ่ม หรือนำไปใช้ซื้อความสุขให้ชีวิตได้

20% สำหรับเงินลงทุนเพื่อการเติบโต 

เงินก้อนนี้ไม่ได้มีไว้ซื้อความสุขในวันนี้ แต่มีไว้เพื่อลงทุนเพื่อให้เกิดความสุขในอนาคต เช่นทำตามความฝัน หรือมีเงินใช้ตอนที่เราทำงานไม่ได้แล้ว 

  • สำหรับผู้เริ่มต้น: อาจเริ่มจากทรัพย์สินที่เข้าใจง่ายและมีความเสี่ยงต่ำ เช่น พันธบัตรหรือตราสารหนี้ หากรับความเสี่ยงได้สูงขึ้นค่อยขยับไปสู่กองทุนรวมหรือ ETF 
  • การจัดการความเสี่ยง: การลงทุนต้องดูความเสี่ยงที่เรารับได้ อย่ารีบร้อนอยากรวยเร็ว เพราะความประมาทอาจทำให้เงินที่เก็บมากลายเป็นศูนย์ได้ การลงทุนควรกระจายความเสี่ยงเหมาะสมเช่น การจัดพอร์ต Core&Satellite เป็นต้น

10% สำหรับความสุข

เป็นส่วนสำหรับความสุขที่จะช่วยให้การดำเนินชีวิตหรือทำตามเป้าหมาย หรือการรักษาวินัยให้ต่อเนื่องของเรานั้นไม่เหนื่อยจนเกินไป แต่การใช้เงินไปกับความสุข เราจะต้องควบคุม ความสุขในวันนี้ต้องไม่แลกมากับความสุขในอนาคต

  • วัตถุประสงค์: ให้รางวัลตัวเอง เช่น การไปเที่ยวดีๆ การกินอาหารดีๆ หรือซื้อของขวัญให้ตัวเอง ความสุขเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อไม่ให้ชีวิตห่อเหี่ยว
  • การตั้งขอบเขต: ต้องมีขอบเขตการใช้จ่าย วิธีการหนึ่งคือการเก็บ 10% นี้เข้าบัญชีเฉพาะ (เช่น บัญชีเพื่อการท่องเที่ยว) การกำหนดเป้าหมายระยะสั้น (เช่น เก็บเงินไปเที่ยวญี่ปุ่น 50,000 บาท) จะทำให้เรารู้สึกภูมิใจและมีความสุขเมื่อได้ใช้จ่ายโดยไม่รู้สึกผิด เพราะเป็นเงินที่ตั้งใจเก็บไว้แล้ว

การบริหารเงินตามสัดส่วนเหล่านี้ไม่ได้มีสูตรตายตัว สามารถปรับให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ของตัวเอง เช่น อาจลดความสุขลง เหลือ 5% ไปเพิ่มให้กับเงินลงทุน เพราะอยากรีบทำตามความฝัน เป็นต้น

หลักคิดและวิธีการที่คนรวยระดับ 1% ของโลกใช้นั้น ไม่เกี่ยวกับรายได้มหาศาล แต่เป็นพฤติกรรม และ Mindset ที่ไม่จำเป็นต้องรวย ก็สามารถทำได้ตั้งแต่วันนี้ 

และแม้ปัจจุบันเงินที่คุณมีอาจไม่เยอะ แต่การบริหารจัดการที่ดี และวินัยที่เข้มแข็งจะเป็นจุดเริ่มต้นที่จะเพิ่มมูลค่าได้อย่างมหาศาลในอนาคต


Jitta Wealth ตัวช่วยลงทุน บริหารจัดการให้คุณแบบอัตโนมัติ

สิ่งสำคัญของการบริหารเงินที่ไม่ว่าจะยกตัวอย่างแนวคิดแบบไหน ล้วนมีเรื่องของ ‘การลงทุน’ รวมอยู่ด้วยเสมอ และไม่ว่าคุณจะเป็นคนรวยระดับ 1% ของโลก หรือเด็กจบใหม่ที่เพิ่งเริ่มเก็บเงิน Jitta Wealth ก็พร้อมช่วยดูแลการลงทุนให้ บนมาตรฐานเดียวกัน 

คุณสามารถ ‘เริ่ม’ ได้ตั้งแต่วันนี้ ในนโยบาย Omni Fund ที่คัดสรรกองทุนรวมคุณภาพ มาจัดพอร์ตกระจายความเสี่ยงตามหลักการและสัดส่วนที่ถูกต้อง โดยกระจายลงทุนใน กองทุนรวมหุ้นสหรัฐฯ กองทุนรวมหุ้นยุโรป กองทุนรวมหุ้นจีน ร่วมกับกองทุนรวมตราสารหนี้ในไทย พร้อมกับคอยปรับพอร์ต บาลานซ์สัดส่วนให้อัตโนมัติ และเริ่มต้นลงทุนเพียง 1,000 บาทเท่านั้น 

อีกทั้ง Jitta Wealth ยังมีระบบ ตั้งค่าฝากเงินอัตโนมัติ (DCA) ที่ช่วยคุณลงทุนอย่างมีวินัย คุณแบ่งสัดส่วนเงินสำหรับลงทุนไว้เท่าไหร่ ก็สามารถตั้งค่าให้ระบบตัดบัญชีมาลงทุนได้เลย ตามวันที่คุณกำหนดได้เอง เพื่อให้พอร์ตเติบโตสู่เป้าหมายการเงินอย่างที่คุณต้องการ 

หากสนใจลงทุนสามารถติดต่อเจ้าหน้าที่แนะนำการลงทุนของเราได้ที่ Line: @JittaWealth หรือ โทร 02-460-8888 ปรึกษาฟรี! ไม่มีค่าใช้จ่าย