สรุป Live: ตรุษจีนปีนี้ เริ่มลงทุนหุ้นจีน เลยดีไหม?
ใกล้อีกหนึ่งเทศกาลสำคัญ พบกับ Live ต้อนรับตรุษจีนปี 2568 จากคุณเผ่า ตราวุทธิ์ เหลืองสมบูรณ์ CEO และคุณอ้อ พรทิพย์ กองชุน CGO ของ Jitta Wealth ที่จะมากางภาพรวมเศรษฐกิจจีน วิเคราะห์ปัจจัยสนับสนุนน่าสนใจปีนี้ รวมไปถึงเปิดท็อป 5 หุ้นจีน ตัวท็อป! น่าลงทุนที่สุด พร้อมแนะนำวิธีการลงทุน จัดพอร์ตอย่างไรให้อุ่นใจ เราสรุปมาให้คุณแล้ว
หากคุณสนใจอยากรับชม Live ของเราแบบสดๆ ในโอกาสต่อไปติดตามเราได้ที่ Facebook หรือ Youtube ของ Jitta Wealth ได้เลย
ดูวิดีโอย้อนหลัง
Trump กลับมา ตลาดหุ้นจีนจะเป็นอย่างไร?
จีนเป็นประเทศเศรษฐกิจอันดับ 2 ของโลกรองมาจากสหรัฐฯ ถ้าลองเอา GDP ของ 2 ประเทศมารวมกัน สหรัฐฯ ยังสูงกว่าค่อนข้างเยอะ แต่จีนมีอัตราการเติบโตที่เร็วกว่า คาดการณ์กันว่าจีนจะสามารถขึ้นเป็นประเทศเศรษฐกิจอันดับหนึ่งได้ในปี 2578
ย้อนกลับไปในสมัยแรกของประธานาธิบดี Trump มีความพยายามที่จะสกัดดาวรุ่งจีน พยายามกีดกันการค้าของจีน ทำให้ในสมัยที่ 2 ที่ได้ขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีอีกครั้งหนึ่งจะซ้ำรอยเดิม ขัดขาจีนอีกรึเปล่า
ซึ่งในความเห็นส่วนตัว ครั้งนี้มีความแตกต่างจากครั้งก่อน ทั้งตอนหาเสียงและตอนสาบานตน Trump ไม่ได้พูดถึงจีนเยอะเท่าครั้งก่อน เขาไม่ได้โฟกัสแค่จีนเหมือนเมื่อก่อน ซึ่งอาจจะมาจากที่ในสมัยแรก Trump ก็ได้ขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนไปเยอะแล้ว และนโยบายนี้ก็ไม่ได้ถูกเอาออกไปแม้ในตอนที่ Biden เป็นประธานาธิบดี ซึ่งถ้าย้อนไปดูผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นที่ชัดเจนคือ สินค้าในสหรัฐฯ มีราคาแพงขึ้น แต่จีนก็ยังคงส่งออกสินค้าได้เหมือนเดิม
สรุปก็คือนโยบายการตั้งกำแพงภาษีของสินค้าจีน กลับทำให้คนในประเทศต้องซื้อสินค้าในราคาที่แพงขึ้น แต่จีนไม่ได้กระทบขนาดนั้น อีกเรื่องคือ จีนเองหลังจากที่โดนสกัดดาวรุ่งไปเมื่อครั้งที่แล้ว ก็ออกมาตรการลดการพึ่งพิงการบริโภคสินค้าจากสหรัฐฯ เริ่มส่งออกไปที่ประเทศฝั่งอาเซียน ตะวันออกกลาง แอฟริกามากขึ้น
หมายความว่าถ้า Trump จะหยุดจีน เขาจะสกัดดาวรุ่งแค่จีนไม่ได้แล้ว เพราะจีนก็พลิกแพลงเก่ง ไม่ส่งออกจากจีนโดยตรง แต่ไปตั้งโรงงานที่เวียดนาม เม็กซิโก และส่งออกทางนั้นแทน สรุปง่ายๆ ก็คือ แม้ Trump จะพยายามหยุดการนำเข้าสินค้าจีนในสหรัฐฯ แต่สุดท้ายสินค้าจีนก็ทะลักเข้ามาทางอื่นแทนอยู่ดี
ทำให้โดยรวมของผลกระทบหลังจากที่ Trump ขึ้นเป็นประธานาธิบดีสมัยที่ 2 คือไม่โฟกัสแค่จีน แต่เป็นการนำเศรษฐกิจสหรัฐฯ กลับเข้าสู่พาณิชยนิยม โดยการขึ้นภาษีประเทศต่างๆ ซึ่งอาจจะกระทบกับเงินเฟ้อปี 2568 โดยรวมทำให้ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อไป ไม่ได้กระทบกับจีนเท่ากับสมัยแรกของ Trump
ในส่วนของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ก็ต้องดูกันต่อไปในนโยบายที่ค่อยๆ ทะยอยออกมา
จีนเองก็มีแผน ปีนี้จีนวางแผนไว้อย่างไร?
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ตอนที่ Trump เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ ครั้งแรก Trump พยายามจะทำอะไรหลายๆ อย่างมาขัดขวางจีน แต่ถ้าย้อนดูภาพรวมของตลาดหุ้นจีนเองก็ไม่ได้รับผลกระทบ ในช่วง 3 ปีให้หลังที่ตลาดหุ้นจีนร่วง ก็ไม่ได้มาจากการกดดันจากฝั่งสหรัฐฯ แต่เป็นวิกฤติภายในประเทศเอง และมีการปรับโครงสร้างภายในประเทศ
เรื่องสำคัญที่ต้องจับตามมองเกี่ยวกับจีนคือ จีนกำลังเตรียมวางแผนเศรษฐกิจ 5 ปีฉบับใหม่ หลังจากแผนฉบับที่ 14 จะสิ้นสุดลงในปีนี้ โดยจะเป็นการกำหนดทิศทางของเศรษฐกิจปี 2568 – 2572 ซึ่งก็มีโอกาสว่าจีนเองจะเตรียมวางแผนเพื่อรับมือการกลับมาของ Trump เช่นเดียวกัน
อีกเรื่องคือ โดยปกติแล้วจีนจะไม่ค่อยออกนโยบายที่เกี่ยวกับตลาดหุ้น แต่ตั้งปีที่แล้วจนถึงตอนนี้จีนก็ออกนโยบายฟื้นฟูตลาดหุ้นด้วย มีการเพิ่มแรงซื้อภายในประเทศมากขึ้น สนับสนุนให้คนจีนซื้อหุ้นในประเทศของตัวเอง
เปิดดัชนีหุ้นจีน เทียบแผนพัฒนาเศรษฐกิจ
เรามาดูตั้งแต่ปี 2544-2568 ตั้งแต่แผนที่ 10 ถึงแผนที่ 14 ที่ผ่านมาเวลาที่เราเห็นว่าหุ้นจีนร่วง แต่ถ้าเราย้อนกลับไปมองไกลอีกหน่อยจะเห็นว่า แผนพัฒนาเศรษฐกิจแห่งชาติแผนที่ 10 ติดลบไป -44% ซึ่งดูเหมือนเยอะ แต่ก่อนหน้านั้น 10 ปี ตลาดหุ้นจีนขึ้นมาแล้วประมาณ +300%
และหลังจากนั้นแผนที่ 11-13 ตลาดหุ้นจีนก็ขึ้นมาตลอดต่อเนื่อง รวมๆ กันทั้ง 3 แผนกว่า 15 ปี และเพิ่งมาร่วงลงอีกครั้งช่วงวิกฤติอสังหาริมทรัพย์ของจีนที่ผ่านมานี่เอง
หมายความว่าเมื่อหุ้นจีนร่วงลงไปแล้วในช่วงที่ผ่านมา มีความเป็นไปได้ว่าหลังจากนี้หุ้นจีนกำลังจะอยู่ในช่วงขาขึ้น ประเมินร่วมกับ GDP ของจีนที่ขึ้นมาเรื่อยๆ แม้ตลาดหุ้นจะเจอวิกฤติพาให้ขึ้นๆ ลงๆ ก็ตาม
หุ้นจีนราคายังดีอยู่ไหม?
ถ้าดูจากกราฟจะเห็นว่าในช่วงปี 2543-2551 P/E Ratio ของดัชนีหุ้นจีนเคยเกือบแตะ 75 เท่า ปัจจุบัน P/E Ratio อยู่ที่ 13.77 เท่า ซึ่งถูกลงมาก ยิ่งถ้าเทียบในช่วง 20 กว่าปีที่ผ่านมา (เส้นสีฟ้า) จะเห็นว่า P/E Ratio ต่ำมากๆ แล้ว GDP ก็ยังโตอยู่ ถ้าเราลงทุนในช่วงนี้นอกจากลุ้นตลาดหุ้นปรับขึ้นแล้ว ก็ลุ้น P/E Ratio ปรับขึ้นตาม
ด้วยแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจ และตลาดหุ้น P/E ไม่น่าต่ำไปมากกว่านี้แล้ว ที่เหลือก็คือให้บริษัทจดทะเบียนในจีนยังมีกำไรที่เติบโตขึ้น ราคาหุ้นก็จะเติบโตขึ้นในที่สุด ถ้าลงทุนตอนนี้ก็เป็นโอกาสที่ดี
ตลาดหุ้นจีนยังน่าลงทุนในปีนี้ไหม?
เราพูดถึงเรื่อง P/E ไปแล้ว ซึ่งตลาดหุ้นจีนตามตัวเลขของ P/E ยังถือว่าถูกอยู่ แต่มีอีกหนึ่งอย่างที่ Jitta Wealth พัฒนาเพื่อหาคำตอบต่อว่า แล้วจำนวนหุ้นถูกต่อหุ้นแพงของแต่ละตลาดหุ้นเป็นอย่างไร เพื่อประเมินต่อว่าตลาดนั้นน่าลงทุนหรือไม่ หรือที่เราเรียกว่า Market Prediction
Market Prediction ของหุ้นจีนต้นปี 2568 หาอัตราส่วนเปรียบเทียบจำนวนหุ้นถูกต่อหุ้นแพงจากหุ้น 50 ตัวที่ดีที่สุดของตลาด มีอัตราส่วนหุ้นถูกต่อหุ้นแพงอยู่ที่ 9 เท่า ซึ่งดีกว่าปีที่แล้วอีก แม้ว่าตลาดหุ้นจีนขึ้น แต่กำไรต่อหุ้นของบริษัทเติบโตขึ้นมากกว่าราคาหุ้น ทำให้ในภาพรวมแล้ว หุ้นถูกในตลาดหุ้นจีนยังมีจำนวนมากอยู่ ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ตอบได้ว่า หุ้นจีนยังน่าลงทุนอยู่ในปีนี้
แม้ว่าตลาดหุ้นจีนจะเต็มไปด้วยหุ้นถูกในตอนนี้ แต่ก็ยังเป็นตลาดที่มีความผันผวนสูง ก่อนลงทุนอาจจะต้องพิจารณาการลงทุนในกลยุทธ์ Core & Satellite ไปด้วย เพื่อจัดน้ำหนักลงทุนในพอร์ตหลัก (Core Port) ในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงน้อยกว่า ไม่ผันผวนมาก ควบคู่กับการลงทุนพอร์ตรอง (Satellite Port) ในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูง ผัวผวนมากกว่า เช่นการลงทุนในตลาดหุ้นจีนเป็นต้น
อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับการจัดพอร์ตแบบ Core & Satellite ได้ที่นี่
อยากลงทุนหุ้นจีน ลงทุนอย่างไรดี?
Jitta Ranking หุ้นจีนเป็นการซื้อหุ้น VI รายตัว ลงทุนใน ‘หุ้นดีราคาถูก’ ในหุ้นกลุ่ม A-shares ของตลาดหุ้นจีนตามการวิเคราะห์ของอัลกอริทึม Jitta Ranking ผ่านการวิเคราะห์งบการเงินย้อนหลัง จัดอันดับและเลือกหุ้นมาลงทุนให้คุณ
หุ้นกลุ่ม A-shares มีข้อดีคือเป็นกลุ่มหุ้นที่คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์จีนสนับสนุนให้ลงทุนอยู่
และเมื่อลงทุนในหุ้นตามลิสต์แล้ว Jitta Wealth จะคอยปรับพอร์ตให้อัตโนมัติทุกๆ 3 เดือน ตามอัลกอริทึม Jitta Ranking ถ้าบริษัทไหนไม่ดีแล้ว หรือราคาแพงไป เราก็จะขายให้ และซื้อตัวใหม่เข้ามาแทน
เริ่มต้นลงทุน 500,000 บาท โดยในจำนวนเงินประมาณนี้จะกระจายซื้อหุ้นได้ประมาณ 5 ตัว ซึ่งถือว่ามีความเสี่ยง และความผันผวนที่สูงอยู่ ตามหลักการที่ดีควรกระจายความเสี่ยงประมาณ 20 ตัว เพราะฉะนั้นถ้าใครสะดวกเริ่มต้นที่ 500,000 บาท ก็สามารถค่อยๆ DCA หรือเพิ่มทุนเข้าพอร์ตมาเรื่อยๆ ได้ คุณก็จะมีหุ้นในพอร์ตที่มากขึ้น กระจายความเสี่ยงได้ดีขึ้น
นอกจากนโยบาย Jitta Ranking หุ้นจีน แล้ว Jitta Wealth เองก็มีนโยบาย Jitta Ranking แผนอื่นที่เกี่ยวกับหุ้นจีนด้วย ที่จะเป็นการลงเจาะในอุตสาหกรรมนั้นๆ อย่าง Jitta Ranking หุ้นเทคโนโลยีจีน
ทางเลือกในการลงทุนจีน
สนใจลงทุนหุ้นจีนแต่ยังไม่อยากลงทุนใน Jitta Ranking ก็ยังมีอีกตัวเลือกคือ การลงทุนแบบธีมเมกะเทรนด์ ในนโยบาย Thematic DIY แล้วเลือกธีมหุ้นจีน ธีมหุ้นฮ่องกง ธีมพลังงานสะอาดจีน ธีมบริการสุขภาพจีน หรือธีมเทคโนโลยีจีน คุณสามารถเลือกลงทุนธีมเหล่านี้ได้จากการลงทุนในนโยบายนี้ของ Jitta Wealth
ถ้าอยากลงทุนในหุ้นรายตัว รับความเสี่ยงได้สูงมาก ก็สามารถเลือกลงทุนใน Jitta Ranking ที่มีทั้งแผนหุ้นจีน หุ้นเทคโนโลยีจีน และหุ้นฮ่องกง ก็ทำได้เช่นกัน
อีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจตอนนี้คือ Jitta Ranking Alpha
คุณอาจจะสนใจอยากลงทุนจีนในตอนนี้ แต่อาจจะยังไม่แน่ใจว่า จะลงทุนในจีนเลยดีมั้ย ถึงเวลาแล้วอยากเลือกตลาดหุ้นอื่นจะทำยังไง Jitta Wealth ก็มี Jitta Ranking Alpha ให้คุณได้ลงทุน
นโยบายน้องใหม่ล่าสุดนี้ เป็นนโยบายที่มี Alpha AI มาคอยเลือกตลาดหุ้นน่าลงทุนให้ทุกปี (ใน 4 ประเทศคือ สหรัฐฯ จีน ฮ่องกง และญี่ปุ่น) และส่งต่อให้ Jitta Ranking AI เลือกหุ้นในตลาดหุ้นที่ถูกเลือกให้อีกที
ซึ่งในตอนนี้ Jitta Ranking Alpha จะเลือกลงทุนในประเทศจีน ถ้าดูจากตัวเลขล่าสุด แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่มีประเทศอื่นที่น่าลงทุนกว่าประเทศจีนในปีต่อๆ ไป Jitta Ranking Alpha ก็จะมี Alpha AI ที่คอยรีวิวและเปลี่ยนประเทศให้ทุกๆ สิ้นปี โดยที่คุณไม่ต้องทำอะไรเลย แถมยังมีโอกาสทำกำไรมากยิ่งขึ้นอีกด้วย
อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับการทำงานของ Jitta Ranking Alpha ได้ที่นี่
ปรึกษาฟรี! นัดหมายเจ้าหน้าที่ได้ที่นี่
จัดพอร์ตอุ่นใจ สไตล์ Jitta Wealth
Jitta Wealth แนะนำให้ลงทุนแบบ Core & Satellite ซึ่งเป็นกลยุทธ์การจัดพอร์ตที่ประกอบไปด้วย Core Port (พอร์ตหลัก) ที่เป็นรากฐานของการลงทุน เน้นการกระจายความเสี่ยงในหลายๆ สินทรัพย์ที่พึ่งพิงได้ มีโอกาสเติบโตระยะยาว ซึ่ง Jitta Wealth แนะนำให้ลงทุนในนโยบาย Global ETF ทั้ง 3 แผน แผนใดก็ได้ เป็นพอร์ตหลัก
และ Satellite Port (พอร์ตรอง) เป็นเหมือนส่วนต่อเติม มุ่งเน้นการเติบโต คว้าโอกาสทำกำไรให้สูงขึ้น และมีความเสี่ยงมากขึ้นด้วย เราแนะนำให้ลงทุนในนโยบาย Thematic ที่คุณจะเลือกธีมเมกะเทรนด์เองก็ได้ ด้วยนโยบาย Thematic DIY ได้ หรือถ้าไม่รู้จะลงธีมไหนดี ก็ให้ AI ช่วยเลือกธีมระดับท็อปให้คุณได้ผ่านนโยบาย Thematic Optimize
หรือถ้าคุณอยากลงทุนในหุ้นรายตัว ก็สามารถเลือกลงทุนแผนใดแผนหนึ่งใน Jitta Ranking รายประเทศ หรือรายอุตสาหกรรมได้เลย
เสริมพลังพอร์ตแกร่งปี 2568 ด้วย DCA
DCA หรือ Dollar Cost Averaging คือกลยุทธ์การลงทุนแบบสม่ำเสมอต่อเนื่องที่ Jitta Wealth มักแนะนำให้นักลงทุนใช้ เพราะจะช่วยให้พอร์ตของคุณมีแนวโน้มการเติบโตที่ดีในอนาคต ลดความผันผวนของพอร์ตได้ ใช้วินัยให้เงินเติบโตทบต้นไปเรื่อยๆ
นักลงทุนที่สนใจเริ่ม DCA ในพอร์ตของคุณ สามารถตั้งค่าฝากเงินอัตโนมัติ (DCA)
ผูกบัญชีธนาคารของคุณนำเงิน DCA ให้พอร์ตของคุณ ได้อย่างอัตโนมัติ ไม่ลืมแน่นอน ตอนนี้สามารถผูกบัญชีได้ทั้งธนาคารกสิกรไทย และธนาคารไทยพาณิชย์
ถ้าใครฟังมาทั้งหมดแล้ว สนใจอยากเริ่มลงทุน มือใหม่ที่กำลังตัดสินใจอยู่อาจจะได้คำตอบแล้ว ก็สามารถเริ่มต้นลงทุนได้เลย หรืออยากสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ 02-460-8888 หรือ Line: @JittaWealth ในช่วงเวลาทำการได้เลย
อ่านรีวิวพอร์ตลงทุน Jitta Wealth ของนักลงทุนอีกมากมายได้ที่ Facebook และ เว็บไซต์ของเรา
ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับนโยบาย Jitta Ranking Thematic Global ETF และ Jitta Money ผลตอบแทนในอดีต ไม่สามารถการันตีผลตอบแทนในอนาคต การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจนโยบายการลงทุน เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน การลงทุนต่างประเทศอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน