ผ่าพอร์ต Jitta Ranking เวียดนาม ของคุณ พอล ภัทรพล โต 81%
“Jitta Ranking ไม่ได้ซื้อทั้งดัชนีอยู่แล้ว สมมติ SET บ้านเรา ไป 1,800 จุด ก็ไม่ได้หมายความว่า ลงทุนไม่ได้ เพราะยังมีบริษัทที่ดีและมีคุณภาพ และมูลค่าต่ำกว่าพื้นฐานอยู่ นั่นคือสิ่งที่ Jitta ทำ ฉะนั้นหุ้นจะนิวไฮหรือโลว์ มันเป็นเวลาที่ดีเสมอที่จะลงทุน”
นี่คือ มุมมองของ ‘คุณพอล ภัทรพล ศิลปาจารย์’ นักธุรกิจ นักลงทุน และนักเขียนหนังสือขายดี ที่มีต่อพอร์ตลงทุน Jiita Ranking ของเขาที่เลือกลงทุนหุ้นเวียดนาม เพราะเขื่อมั่นในศักยภาพการเติบโตของประเทศในระยะยาว
คุณพอลเริ่มลงทุนหุ้นเวียดนาม เดือนมกราคม 2562 ในจังหวะเวลาที่ดัชนี VNI ดัชนีหลักของตลาดหลักทรัพย์โฮจิมินห์ เคลื่อนไหวช่วง 800-900 กว่าจุด เป็นช่วงเวลาที่ตลาดหุ้นเวียดนามไม่ได้เคลื่อนไหวหวือหวามากนัก
เอาเข้าจริง คุณพอลไม่ได้ยึดติดกับความเคลื่อนไหวของดัชนี VNI เลย เพราะสุดท้ายแล้วหลักการของ Jitta Ranking คือ ใช้แพลตฟอร์มที่เฟ้นหา ‘หุ้นดี ราคาถูก’ ปรับพอร์ตลงทุนไปตามสถานการณ์ที่เหมาะสม
“ผมอาจจะเข้าไปดูในพอร์ตว่า Jitta Ranking เลือกหุ้นกลุ่มไหนบ้าง ส่วนใหญ่จะเป็นการเงิน ก่อสร้าง พลังงาน และสาธารณูปโภค แต่ผมไม่ได้ไปดูว่า บริษัทที่ลงทุนชื่ออะไร เชื่อในการเลือกหุ้นเวียดนาม ผ่าน AI ของ Jitta ที่ดูงบการเงินย้อนหลังมาแล้ว”
ผ่านมาได้ 2 ปีกับอีก 5 เดือน ผลตอบแทนรวม Jitta Ranking เวียดนามของคุณพอลเติบโตถึง 75.02% เมื่อเทียบกับดัชนี VNI (Total Return) โต 55.13%
ส่วนผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี โต 80.66% ส่วนดัชนี VNI (Total Return) เพิ่มขึ้น 56.33%
เมื่อลองกลับไปดูสถิติดัชนี VNI ย้อนหลัง เปรียบเทียบกัน ช่วงเวลาที่คุณพอลเริ่มลงทุนหุ้นเวียดนาม ดัชนี VNI เคลื่อนไหวเพียง 800-1,000 จุด หลังทำจุดสูงสุดทะลุ 1,200 จุด ได้เพียงวันเดียว คือ 9 เมษายน 2561
อาจเรียกได้ว่า ดัชนีเคลื่อนไหวเบาบาง มีการปรับฐานยาวนาน จนมาดิ่งลงหนักๆ ช่วง Covid-19 เดือนมีนาคม – เมษายน 2563 ร่วงไปถึง 600-700 จุด
พอดัชนี VNI รีบาวด์กลับมาได้ ตลาดหุ้นเวียดนามก็ทะยานแซงหน้า และกลับมาทำจุดสูงสุดทะลุ 1,200 จุดอีกครั้งในรอบ 3 ปีเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา และทะยานต่อที่ 1,300 จุดเมื่อปลายเดือนพฤษภาคม
จุดสังเกต คือ การทำนิวไฮของดัชนี VNI ปี 2564 ยืนเหนือ 1,200 จุดและ 1,300 จุด ไม่มีสัญญาณการปรับฐานยาวนาน ยกเว้นบางวันที่ดัชนีปิดในแดนลบเท่านั้น
ด้วยความเป็นคนที่ไม่ได้ดูความถูกแพงของหุ้นจากดัชนี VNI คุณพอลบอกว่า ตลาดหุ้นเวียดนามปีนี้ ยังอยู่ในช่วง Early Stage (ช่วงเริ่มต้น) ด้วยซ้ำ พร้อมที่จะเป็นขาขึ้นในอนาคต
“ผมได้อ่านมุมมองและคาดการณ์เศรษฐกิจจากหลายสำนักวิจัย เขาจัดอันดับมาเลยว่า ประเทศที่จะมีการเติบโตสูงๆ ในช่วง 1-2 ทศวรรษข้างหน้า วัดกันที่ GDP เวียดนามก็ติด Top 10 ทุกที่”
“เวียดนามเป็น Frontier Market (ตลาดหุ้นชายขอบ) อีกไม่นาน เขาจะถูกขยับขึ้นมาเป็น Emerging Market (ตลาดหุ้นเกิดใหม่) เหมือนกับตลาดหุ้นไทย”
คุณพอลให้มุมมองว่า เมื่อตลาดหุ้นเวียดนามได้เลื่อนขั้นมาเป็นกลุ่มตลาดหุ้นเกิดใหม่ สิ่งที่จะเกิดขึ้นตามมา คือ เม็ดเงินลงทุนจากนักลงทุนสถาบันต่างชาติจะหลั่งไหลเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นเวียดนามเหมือนกับตลาดหุ้นไทยสมัยก่อน ส่งผลให้ดัชนี VNI ทะยานขึ้นไปได้อีก
“ดังนั้นตลาดหุ้นเวียดนามตอนนี้ ยัง Early มากๆ ที่จะเข้าลงทุน”
คุณพอล เล่าย้อนกลับไปว่า ตลอด 10-20 ปีที่ผ่านมา แล้วได้เห็นการเปลี่ยนแปลง ทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคมของเวียดนาม เพราะมีโอกาสได้เดินทางและมีเพื่อนฝูงอยู่ที่โฮจิมินห์
“เศรษฐกิจเวียดนามโตอย่างต่อเนื่อง ในเชิงขนาดและมูลค่าอาจจะตามหลังไทยอยู่ แต่ถ้ารักษาสปีดการเติบโต เขาจะโตทันและแซงไทยแน่นอน”
“แต่ไม่ใช่ว่า เวียดนามไม่มีปัจจัยลบในประเทศเลย ในช่วงที่เขากำลังเติบโต ก็มีช่วงฟองสบู่เหมือนกับไทย ราคาอสังหาริมทรัพย์พุ่ง ดอกเบี้ยนโยบายสูง ก่อนจะเผชิญช่วงขาลง แต่เวียดนามก็กลับมาฟื้นตัวได้ จากการพัฒนาเศรษฐกิจและไม่ได้กู้เงินต่างประเทศในสัดส่วนที่สูงมาก”
คุณพอลบอกอีกว่า สิ่งที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจของเวียดนาม คือ คนหนุ่มสาววัยแรงงานในประเทศ ที่มีสัดส่วนสูง เป็นกำลังสำคัญในตลาดแรงงานและภาคการบริโภคในประเทศ
นอกจากนี้เม็ดเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ต่างหลั่งไหลเข้ามาลงทุนในภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมของเวียดนาม ส่งผลต่อเนื่องให้สินค้าที่ผลิตจากเวียดนามสร้างมูลค่าการส่งออกได้สูงขึ้น
คุณพอล มองว่า นี่คือพื้นฐานเศรษฐกิจปัจจุบัน ที่จะส่งเสริมศักยภาพการเติบโตของเวียดนามในอนาคต และเป็นปัจจัยพื้นฐานที่สำคัญ สำหรับการเริ่มต้นลงทุนในหุ้นเวียดนาม
“ผมจึงมองว่า ยังเริ่มลงทุนได้ มันเพิ่งเริ่มต้น ขอเพียงใส่เงินอย่างสม่ำเสมอและลงทุนยาวๆ อย่างน้อย 5-10 ปีจากนี้ไป เราอาจจะถามตัวเองว่า จากนี้ไป เวียดนามจะโตกว่านี้ไหม หรือจะถอยหลังลง ซึ่งคำตอบคือ…เขาจะโตต่อ”
เป้าหมายของพอร์ตลงทุนหุ้นเวียดนามของคุณพอล คือ ลงทุนระยะยาว 10-20 ปี เพราะเงินที่ลงทุนเป็นเงินเย็น จะไม่ถอนการลงทุน และหมั่นเพิ่มทุนอย่างน้อยทุกๆ ปี ให้เงินทำงาน สร้างผลตอบแทนให้งอกเงย
ยิ่งถ้ามีวิกฤต คุณพอลมองว่า จะใส่เงินเพิ่มทุนมากเป็นพิเศษ…
“การจะขายหุ้นต่างประเทศ แล้วเอาเงินกลับมาก็มีต้นทุน ซึ่งต้องพิจารณาผลตอบแทนที่ได้รับด้วย และหากนำเงินมาลงทุนในสินทรัพย์ใหม่ ก็ต้องมั่นใจว่า สินทรัพย์นั้นจะให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าของเดิม”
“สำหรับพอร์ต Jitta Ranking เวียดนาม มันพิสูจน์แล้วว่า AI ของ Jitta ในหลายๆ ปี ก็ Outperform (ชนะ) ดัชนีตลาด พอร์ตนี้ยังเติบโตแบบตัวเลข 2 หลักได้ ผมก็แฮปปีครับ”
ลงทุน Passive เน้นโตยาว
คุณพอล บอกว่า เขาเป็นนักลงทุนแบบ Passive ที่ไม่ได้เน้นซื้อขายหุ้นเข้าๆ ออกๆ แต่จะมองหาโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีขึ้น รวมทั้งมีหลักการลงทุนแบบ VI (Value Investing) ที่มองหาการลงทุนหุ้นคุณภาพในราคาที่เหมาะสม
“ผมจะศึกษาแนวทางของ Warren Buffett และ John C. Bogle มีการลงทุนในหุ้นไทยและต่างประเทศ รวมทั้งลงทุนในกองทุนดัชนีด้วย”
“จากหนังสือของ Bogle ที่บอกว่า Don’t look for the needle in the haystack. Just buy the haystack! (เหมือนกับสำนวน ‘งมเข็มในทะเล’) ตลาดหุ้นก็เหมือนเป็นกองหญ้าหรือมหาสมุทรขนาดใหญ่”
คุณพอล ให้มุมมองว่า ‘งมเข็ม’ เหมือนกับการจะหาเหตุผลว่า ทำไมหุ้นขึ้นหรือลงระยะสั้น ซึ่งมันไม่สำคัญเท่ากับวิธีการลงทุนในระยะยาว และเป้าหมายว่า เน้นลงทุนในหุ้นดีๆ ราคาเหมาะสม เพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนดีๆ ให้พอร์ตลงทุน
“หากคุณลงทุนแล้วผลตอบแทนชนะดัชนีตลาดก็เป็นเรื่องที่น่าดีใจ แต่ถ้าได้ผลตอบแทนเท่ากับดัชนีตลาดก็ยังถือว่า…เป็นเรื่องที่ดีอยู่นะ”
“แนวทางการลงทุนแบบ Bogle มันดูเรียบง่ายและน่าเบื่อ แต่มันก็พิสูจน์ซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่า มันก็ชนะแนวทางการลงทุนแบบ Active เน้นเทรดเข้าๆ ออกๆ ได้เหมือนกัน ดังนั้นผมค่อนข้างมั่นใจว่า มาถูกทางแล้ว”
คุณพอล บอกว่า การปรับพอร์ตลงทุนของ Jitta Ranking ลดจาก 1 ปีเหลือ 3 เดือน ก็เหมาะสมกับสถานการณ์การลงทุน ที่แต่ละบริษัทมีการรายงานงบการเงินทุกไตรมาส เพราะสุดท้ายแล้ว การจะปรับเปลี่ยนอะไรก็ตาม สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ นักลงทุนได้ประโยชน์และผลตอบแทนที่ดีขึ้น
“ถ้าผลตอบแทนยัง Perform ได้ดี ชนะดัชนีตลาดได้ ผมเชื่อว่า นักลงทุนทุกคนแฮปปี”
มุมมองคุณพอลที่มีต่อกองทุนส่วนบุคคล Jitta Ranking เวียดนาม มีความน่าสนใจตรงที่เขามีความเชื่อมั่นในศักยภาพของประเทศ มากกว่าจะโฟกัสที่ความเคลื่อนไหวของดัชนี VNI
เอาเข้าจริงๆ ก็ไม่มีใครคาดเดาได้ว่า จุดสูงสุดของดัชนี VNI จะไปทดสอบที่ระดับไหน…
จุดสำคัญ คือ เชื่อมั่นในหลักการลงทุนแบบ VI มั่นใจในโอกาสการเติบโตหุ้น และเชื่อใจในแพลตฟอร์มการคัดเลือก ‘หุ้นดี ราคาถูก’ ของ Jitta
ถ้าอยากรู้ว่า กองทุนส่วนบุคคล Jitta Ranking เฟ้นหาหุ้นเวียดนามคุณภาพดีได้อย่างไร ลองเข้ามาที่ https://jittawealth.com/jitta-ranking/vietnam หรือสอบถามเจ้าหน้าที่แนะนำการลงทุนที่ Line @JittaWealth
กองทุนส่วนบุคคล Jitta Wealth บริหารจัดการโดย บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน จิตตะ เวลธ์ จำกัด ซึ่งเป็น WealthTech แห่งแรกของไทยที่ได้รับใบอนุญาตจากกระทรวงการคลัง กำกับโดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ใบอนุญาตเลขที่ ลค-0105-01
ผลตอบแทนในอดีต ไม่สามารถการันตีผลตอบแทนในอนาคต การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจนโยบายการลงทุน เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน หรือขอคำแนะนำเพิ่มเติมจากผู้แนะนำการลงทุนก่อนลงทุน
ทั้งนี้ในการลงทุนต่างประเทศ กองทุนส่วนบุคคล Jitta Wealth ไม่ได้ป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน ผู้ลงทุนอาจขาดทุนหรือได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนได้
อ่านมุมมองลูกค้า Jitta Ranking พอร์ตลงทุนอื่นๆ
ผ่าพอร์ต Jitta Ranking เวียดนาม ของคุณศิวัตร โต 108%
ผ่าพอร์ต Jitta Ranking เวียดนาม ของผู้บริหาร Pantip โต 101%
สนใจลงทุนเวียดนาม โพสต์นี้ต้องอ่าน!
อ่านบทความเกี่ยวกับ Jitta Ranking เวียดนาม
Jitta Ranking ตอนที่ 1 – นานาเหตุผลที่ ‘ตลาดหุ้นเวียดนาม’ น่าลงทุน
Jitta Ranking ตอนที่ 2 – ลงทุน ‘หุ้นดี ราคาถูก’ ที่ ‘ตลาดหุ้นเวียดนาม’ ดีอย่างไร