รีวิว Jitta Wealth ลงทุนวันนี้ เพื่อสร้างอิสระและเวลาในอนาคต
คุณแนน ณัฐพร เอมอำไพวงศ์ Analytical Operations Leader มนุษย์เงินเดือนผู้ต้องการชีวิตที่เป็นอิสระ
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาสหรัฐฯ ได้อัดฉีดเม็ดเงินเข้าระบบเศรษฐกิจขนานใหญ่ ความพยายามในการปรับขึ้นดอกเบี้ยอย่างรวดเร็วและรุนแรงในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาของธนาคารกลางสหรัฐฯ เพื่อสกัดกั้นเงินเฟ้อได้สร้างแรงกดดันให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ แต่หลักการลงทุนระยะยาวยังใช้เป็นเครื่องมือในการฝ่าความผันผวนมาได้
พิสูจน์ได้จากตัวเลขผลตอบแทนจากพอร์ตลงทุนใน Jitta Ranking หุ้นสหรัฐฯ ของคุณแนน ณัฐพร เอมอำไพวงศ์ Analytical Operations Leader ที่ลงทุนมาเกือบ 2 ปี +9.58% เทียบดัชนี S&P 500TR ในช่วงเวลาเดียวกันที่สร้างผลตอบแทน -4.01% เรียกว่าเหนือกว่าตลาดถึง 13.6% และหากดูเฉพาะช่วงปีนี้ จะเห็นได้ชัดเจนในช่วงเดือนมิถุนายนที่ผลตอบแทนของพอร์ตคุณแนนลอยลมเหนือดัชนีไปชนิดขาดลอย
Passive Income คือความฝัน
เรื่องราวของ คุณแนน ณัฐพร เอมอำไพวงศ์ อาจจะตรงกับใครหลายคน คุณแนนเกิดและโตที่จังหวัดระยอง ด้วยความเป็นลูกคนเดียว เธอจึงตัดสินใจว่าจะเลือกเส้นทางชีวิตที่ได้กลับมาอยู่ดูแลครอบครัว
เธอเรียนปริญญาตรีในภาควิชาวิทยาศาสตร์เคมีที่มหาวิทยาลัยมหิดล และปริญญาโทในสาขาวิชาปิโตรเลียมและปิโตรเคมีที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อวางแผนจะกลับมาทำงานวิจัยในโรงงานที่บ้านเกิด จนวันนั้นถึงวันนี้ก็ทำงานในบริษัทเดิมมากว่า 14 ปีแล้ว
ความฝันของเธอก็เหมือนกับใครหลายคน คือวางแผนสร้างครอบครัว ซื้อบ้าน ซื้อรถ ท่องเที่ยว หรือชอปปิงออนไลน์บ้างเหมือนคนอื่นๆ
“เงินมันอาจจะไม่ใช่ทุกสิ่งในชีวิต แต่ถ้าถามว่ามันช่วยให้เรามีชีวิตที่มันสบายขึ้นไหม หรือว่ามันช่วยอำนวยความสะดวกขึ้นไหม มันช่วยได้นะ”
พอวางแผนเรื่องเงินในอนาคต เธอจึงมองหาเครื่องมือการลงทุน ที่ช่วยตอบโจทย์มนุษย์เงินเดือนผู้ไม่ค่อยมีเวลา แต่อยากสร้าง Passive Income และ ‘เกษียณ’ ได้เร็วขึ้น อย่างที่มนุษย์เงินเดือนหลายคนใฝ่ฝันอย่างแท้จริงผ่านการลงทุนกับ Jitta Wealth
ครอบครัวปลูกฝังเรื่องการเก็บออมตั้งแต่เด็ก
ตั้งแต่เด็ก คุณพ่อคุณแม่จะสอนให้เก็บเงิน แล้ว เสาร์-อาทิตย์ก็จะไปฝากธนาคาร หลายครั้งในวัยเด็กเธอมักถูกเพื่อนแซวว่าเป็นคนขี้งก ด้วยนิสัยที่สั่งสมมาตั้งแต่เด็ก
“ช่วงแรกๆ ก็ยอมรับนะว่ามันก็ลำบากเหมือนกันในการจะแบ่งสัดส่วนในการเก็บเงินเพราะมีเงินที่เราอยากจะให้พ่อแม่ หรือใช้ชอปปิง แต่ยังไงก็ยังมีความคิดว่าจะต้องเก็บเงินอยู่ตลอด เพราะกลัวความเสี่ยง และเราเป็นคนที่จะรู้สึกดี ถ้ายังมีเงินที่มันเป็นส่วนสำรองอยู่ ไม่ได้ทำให้ชีวิตของตัวเราอยู่บนความเสี่ยงเกินไป”
เริ่มต้นลงทุนตามแบบ ‘มนุษย์เงินเดือน’
ตั้งแต่เริ่มทำงาน คุณแนน ก็ศึกษาเรื่องการลงทุน และพยายามศึกษาว่าจะทำอย่างไรให้เงินงอกเงยมาเรื่อยๆ ด้วยหาหนังสือมาอ่าน เพราะว่าสมัยนั้นโซเชียลมีเดียหรือเว็บไซต์ก็ยังไม่ได้มากมายเหมือนตอนนี้ เพื่อหาหนทางว่าจะเก็บเงินด้วยวิธีไหนที่ดีที่สุด
เธอจึงลองลงทุนมาเรื่อยๆ แม้เงินเดือนในช่วงแรกอาจจะยังไม่ได้เยอะมาก เป็นเงินที่ใช้จ่าย เงินฉุกเฉิน เอาไปฝากประจำ ซื้อสลากออมสิน ศึกษาไปมาก็เลยมองเรื่องการลงทุนในกองทุน LTF และ RMF แบบที่มนุษย์เงินเดือนส่วนใหญ่ลงทุนกัน
“เพราะมันต้องวางแผนและมีจุดเริ่มต้นที่แน่นอน ไม่งั้นก็เหมือนปล่อยเวลาทิ้งไว้ ถ้าเราได้เริ่มต้นลงทุนเร็ว ก็คิดว่าผลตอบแทนมันจะงอกเงยขึ้นได้มากกว่าเดิม และพอเงินเริ่มมากขึ้น เราก็สามารถบริหารจัดการการลงทุนได้ดีขึ้น บริหารความเสี่ยงได้มากขึ้น”
พอมีแฟนจึงศึกษาไปด้วยกัน เริ่มคุยวางแผนอนาคตกัน จะมีการแบ่งสัดส่วนการเงินอย่างไรทั้งเรื่องแต่งงานหรือเรื่องการเก็บเงินซื้อบ้าน
เลือกลงทุนเพื่อลูก ด้วยการใช้เทคโนโลยี
“เราเริ่มรู้จัก Jitta Wealth จากแฟนนี่แหละ ที่ได้ศึกษาการลงทุนใน Jitta Wealth อยู่แล้ว พอเราฟังแล้วก็รู้สึกว่าน่าสนใจมาก แต่ก็ยังไม่ได้ทำอะไร ตัดมาอีกทีคือมีลูก 1 คนแล้ว ไปเห็น Jitta Wealth อีกครั้งบนเพจ Little Monster ที่คุยเรื่องการลงทุนกับ Jitta Wealth เพื่อลูก”
คุณแนนจึงเริ่มมองการลงทุนระยะยาว ด้วยการลองลงทุนใน Jitta Wealth ดู นอกจากจะเป็นการลงทุนเพื่อลูกแล้ว คุณแนนก็อยากลองเทียบระหว่างการลงทุนเองกับการใช้ AI แบบไหนมันจะโอเคกว่ากัน ในแบบที่เราไม่ต้องเหนื่อยและได้ผลตอบแทนด้วย
“แฟนก็ศึกษามาเป็นอย่างดีว่า Jitta Wealth มีระบบที่โอเคมาก มนุษย์เงินเดือนจะไม่ได้มีเวลาที่จะมาตั้งใจดูการลงทุนอย่างเต็มที่ ให้คนที่เค้าเป็นมืออาชีพหรือว่าใช้ระบบ AI ซึ่งมันก็จะตัดในส่วนของความรู้สึกออกไปมาลงทุนให้ดีกว่า เพราะถ้าเราเป็นคนกดซื้อ-ขายเอง อาจจะมีความรู้สึกกลัวที่จะทำแบบนั้น แต่ระบบคอมพิวเตอร์มันไม่ใช่แบบนั้น มันตัดอารมณ์อคติส่วนตัวออกไปและทำงานโดยอัตโนมัติเลย”
ตัวช่วยการลงทุนสำหรับมนุษย์เงินเดือน
คุณแนนเองก็เป็นมนุษย์เงินเดือนคนหนึ่งที่เคยพยายามลองลงทุนหุ้นด้วยตัวเอง ลองซื้อขายเอง แต่ก็ไม่ได้มีเวลาไปหาความรู้มากนัก เธอยอมรับว่าค่อนข้างเสียเวลาชีวิตเหมือนกัน เพราะต้องทำงานประจำแล้วตลาดหุ้นมันก็เปิดในเวลางาน ซึ่งเราก็ไม่อยากจะหลุดโฟกัสกับงานที่ทำเหมือนกัน ก็เลยรู้สึกว่าไม่โอเคที่จะเอาเวลาไปเล่นหุ้นหรือลงทุน
“ทั้งๆ ที่ตัวเราก็ไม่ได้มีความรู้หรือความสามารถในการเล่นหุ้นจริงจัง ก็เป็นจุดที่ทำให้เริ่มรู้สึกว่ามันไม่ใช่ เวลาทำงานก็บอกตัวเองเสมอว่า ‘ไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้’ มีแต่บอกกับตัวเองว่าจะทำยังไง แต่ว่าพอมาเจอเรื่องการลงทุน เรากลับรู้สึกว่ามันไม่ใช่ทางของเรา จนเกิดคำถามว่า ‘เราจะทำยังไง’ ซึ่งคำตอบที่ได้คือ ‘ต้องหาตัวช่วย’ เพื่อที่จะมาทดแทนในส่วนนี้ จนมาเจอ Jitta Wealth ที่ตอบโจทย์มากที่สุด”
เพราะร่ำเรียนมาทางวิทยาศาสตร์ จึงรู้ว่าเทคโนโลยีมีที่มาจากสถิติ มันคือการรวบรวมผลจากข้อมูล ดังนั้น เธอเชื่อว่าสถิติมันไม่เคยโกหกใคร ข้อมูลแน่นๆ ที่มีมันสามารถใช้ได้ ถึงไม่ได้บอกว่าอนาคตจะเป็นยังไง แต่มันใช้เป็นแนวทางได้ ยิ่งเทคโนโลยีสมัยนี้พัฒนามากขึ้น จึงเชื่อว่ามันจะพัฒนาไปมากขึ้นอีก
ลงทุนวันนี้ เพื่อสร้างอิสระและเวลาในอนาคต
“จริงๆ ทุกอย่างในชีวิตมันคือการลงทุนหมดเลยนะ เพื่อแลกกับอะไรบางอย่าง เช่น เวลา ความรู้ความสามารถ หรือแรงงาน จึงต้องถามตัวเองก่อนว่า ตัวเราต้องการลงทุนเพื่ออะไร”
ทุกวันนี้คุณแนนจะแบ่งสัดส่วนเงินในแต่ละเดือนไปลงทุน ด้วยเป้าหมายที่มองถึงเรื่องการเกษียณแล้วว่า ถ้าหยุดทำงาน จะมี Passive Income ได้อย่างไร จากที่เคยตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะเกษียณตอนอายุ 60 ปี แต่ตอนนี้ก็ตั้งเป้าใหม่ว่าหากจะเกษียณที่อายุ 55 ปี จะมีโอกาสเป็นไปได้เพียงใด โดยให้การลงทุนในปัจจุบันไปถึงจุดนั้นที่ตั้งเอาไว้
ทุกวันนี้พอร์ตที่คุณแนนลงทุนอยู่กับ Jitta Wealth นอกจาก Jitta Ranking หุ้นสหรัฐฯ แล้ว ยังมี Jitta Ranking หุ้นไทย Global ETF Thematic DIY และ Thematic Optimize ตั้งแต่ปี 2564 ซึ่งก็ยัง ไม่ได้คิดจะขายออกมาเพราะมองว่าเป็นการลงทุนระยะยาว จึงต้องการลงทุนไปเรื่อยๆ
“คือเราไม่ได้มี Passion อะไรมากมาย อาจจะอยากใช้ชีวิตสงบ ไม่ต้องเร่งรีบ ไม่ต้องมีกรอบมีระเบียบ เพราะตอนที่ทำงานประจำเป็นพนักงานออฟฟิศ มันกินเวลาเราไปแทบทั้งวันแล้ว เราอยากใช้ชีวิตแบบสบายๆ ไปไหนก็ไป และยังอยากชอปปิงอยู่ เราอยากใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านสวนหรืออาจไปอยู่กับธรรมชาติ สรุปคืออยากมีอิสระ มีเวลา ซึ่งเราต้องคิดว่า เราต้องทำยังไงให้เราได้ใช้เวลาที่เหลืออยู่อย่างมีความสุขและตอบโจทย์เรามากที่สุด”
ส่วนเรื่องประเด็นการเก็บภาษีของภาครัฐก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ในฐานะมนุษย์เงินเดือนที่ลงทุนระยะยาวอย่างคุณแนนนก็ยอมรับว่าเป็นประเด็นที่ย่อมต้องกังวลอยู่แล้ว เพราะมันคือรายได้ที่ควรจะเข้ามาจากการลงทุนอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย แต่การเก็บภาษีก็ต้องกระทบต่อรายได้ที่จะกลับเข้ามาอย่างแน่นอน คุณแนนจึงอยากเห็นรายละเอียดที่ชัดเจนจากภาครัฐ อย่างไรก็ตามคุณแนนไม่ได้วิตกกังวลจนคิดที่จะขายเพื่อเอาเงินกลับเข้ามาก่อน
“ทุกวันนี้ก็ยังไม่ได้ทำอะไร ถึงจะยอมรับว่ากังวล เพราะมันเป็นเงินที่ควรได้กลับมา แต่เราก็ ไม่ได้คิดจะขายเพื่อเอาเงินกลับเข้ามาในปีนี้ และเราก็อยากรอดูว่าภาครัฐจะมีรายละเอียดอะไรออกมา แต่โดยส่วนตัวก็มองว่าทางการควรมีการกำหนดวงเงินขั้นต่ำในการจัดเก็บมากกว่าที่จะเก็บทั้งหมด เพราะเอาจริงนักลงทุนอย่างเราก็ไม่ได้มีเงินมามายอะไร เงินที่เอากลับเข้ามาก็ไม่ได้มากมายอะไร แต่ก็คงต้องรอดูความชัดเจนไปก่อน”