Jitta Wealth Journal – หุ้นจีนซึม…แล้วไง นักลงทุนเฮโลเกือบ 200 ล้านคน
Buffett เห็นอะไรใน HP ถึงทุ่มทุนหลายพันล้าน
Jitta Wealth Journal ปีที่ 2 ฉบับที่ 72 ประจำวันที่ 12 เมษายน 2565 ทีมงานได้รวบรวมสถานการณ์ทั่วโลกมาให้คุณแล้ว ดังนี้
- ตลาดหุ้นจีนคึกคัก นักลงทุนแห่เข้าเฉียด 200 ล้านคน
- จีนอัดงบ 2.3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ลุยโครงสร้างพื้นฐาน
- Fed เตรียมลดขนาดงบดุล เริ่มเดือนพฤษภาคมนี้
- ราคาที่ดินในโลกเมตาเวิร์สลดลง -18%
- สมรภูมิ GameFi เดือด ยักษ์ใหญ่แดนโสมขาวเข้าสู่คริปโทเคอร์เรนซี
- Berkshire Hathaway ดึง HP เข้าพอร์ต มูลค่า 4,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
- Tesla เล็งลงทุนเหมืองลิเธียม หลังเห็นราคาพุ่ง
- สหรัฐฯ ผ่านร่างกฎหมายวิจัยและพัฒนากัญชา
ไปติดตามกันได้เลย
Jitta Wealth หยุดทำการช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปี 2565
ตั้งแต่วันที่ 13-17 เมษายน 2565 Jitta Wealth หยุดทำการ เนื่องจากเทศกาลสงกรานต์ โดยระบบจะส่งคำสั่งซื้อขายวันสุดท้าย คือ 12 เมษายน 2565 ทั้งไทยและต่างประเทศ
Jitta Wealth จะเปิดทำการ ตั้งแต่วันที่ 18 เมษายนเป็นต้นไป คุณสามารถติดต่อเจ้าหน้าที่แนะนำการลงทุน ผ่านทุกๆ ช่องทางได้ตามปกติ หลังวันหยุดเทศกาลสงกรานต์
กรณีเร่งด่วน คุณติดต่อได้ทาง Line ID: @JittaWealth แจ้งเรื่อง พร้อมชื่อและนามสกุลให้ทีมงานติดต่อกลับ
คุณสามารถโอนเงินลงทุนได้ตามปกติ โดยระบบจะส่งคำสั่งซื้อขายในวันที่ 18 เมษายนเป็นต้นไป
เศรษฐกิจจีน
ตลาดหุ้นจีนคึกคัก นักลงทุนแห่เข้าเฉียด 200 ล้านคน
China Securities Depository and Clearing Corporation (CSDC) ระบุว่าจำนวนนักลงทุนในตลาดหุ้นจีน ปี 2564 เพิ่มขึ้น +11% รวมเป็น 197.4 ล้านคน จากเดิม 177.77 ล้านคนในปี 2563 เรียกได้ว่า ปี 2565 นักลงทุนในตลาดหุ้นแดนมังกร ทะลุ 200 ล้านคนอย่างแน่นอน
จากการสำรวจของ CSDC พบว่า กลุ่มนักลงทุนที่เข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นจีน มีทั้งกำไรและขาดทุนในปีที่ผ่านมา โดยทั้ง 2 กลุ่มพิจารณาจากผลประกอบของบริษัท และภาพรวมเศรษฐกิจมหภาคเหมือนๆ กัน เพียงแต่ช่วงปี 2564 ตลาดหุ้นจีนเป็นขาลง จึงเหมือนเป็น Zero-sum Game มีทั้งคนชนะและคนแพ้ เกิดขึ้นได้ตลอดเวลา
นอกจากปัจจัยพื้นฐานของเศรษฐกิจจีน ที่เห็นกันอยู่แล้วว่า มีโอกาสเติบโตสูงในอนาคต พร้อมทั้งมี New Economy และเทคโนโลยีใหม่ๆ ทำให้จีนยังรักษาความเป็นมหาอำนาจจากฝั่งเอเชียได้อีกนาน
ต่อให้ปัจจัยพื้นฐานดี ผลประกอบการบริษัทดี แต่ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เลยตลอด 1 ปีที่ผ่านมา คือ ทางการจีนเข้ามาตรวจสอบการดำเนินธุรกิจของบริษัทเทคโนโลยี และหุ้นกลุ่มอื่นๆ ที่มีการเติบโตสูง หรือมีผลต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชากรจีน แรงกดดันนี้ ส่งผลให้ราคาหุ้นลดลง นักลงทุนบางส่วนจึงยังขาดทุนในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา
แต่ภาวะนี้จะอยู่ได้ไม่นาน เมื่อวัตถุประสงค์ คือ เข้ามาตรวจสอบ ย่อมต้องมีกฎระเบียบใหม่ๆ ตามมา เพื่อให้เกิดผลดีกับทุกฝ่าย ธุรกิจเดินหน้าได้ การแข่งขันอย่างเป็นธรรม ประชาชนได้ประโยชน์ เหมือนเข้ามาป้องกันไว้ก่อน ไม่ได้ปล่อยให้วัวหายแล้วมาล้อมคอกทีหลัง
จึงไม่น่าแปลกใจที่จำนวนนักลงทุนเข้ามาในตลาดหุ้นจีนเพิ่มขึ้น เพราะยังเชื่อมั่นในสภาพเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งและการเติบโตของบริษัท จะช่วยเพิ่มสภาพคล่องและขับเคลื่อนให้ตลาดหุ้นจีนขยายตัวมากขึ้นไปอีก ต่อกรกับมหาอำนาจใหญ่ๆ ของโลกได้
ตลาดหุ้นจีนจึงเป็นอีกทางเลือกของนักลงทุนทั่วโลก ที่ต้องการลงทุนในตลาดเกิดใหม่ (Emerging Market) ซึ่งหลายๆ อุตสาหกรรมกำลังพัฒนา มีทั้งหุ้นคุณค่าและหุ้นเติบโตอีกหลายร้อยบริษัท ให้คุณได้จับจองเป็นเจ้าของ
จีนอัดงบ 2.3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ลุยโครงสร้างพื้นฐาน
ประธานาธิบดี Xi Jinping เตรียมออกมาตรการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานกว่า 1,000 โครงการ มูลค่ากว่า 2.3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อบรรลุเป้าหมายการขยายตัวเศรษฐกิจจีนในปี 2565
โครงสร้างพื้นฐานของจีน เน้นลงทุนในระบบขนส่ง ระบบประปา และโครงข่ายดิจิทัล โดยแบ่งสัดส่วนการลงทุนกว่า 30% ในโครงสร้างพื้นฐานดั้งเดิม และยังอัดฉีดเข้าภาคอุตสาหกรรมการผลิตด้วย
ในระยะสั้นจีนยังคงต้องนำเข้าสินค้าหลากหลายรายการ เพื่อนำมาพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และเพิ่มอุปสงค์ในประเทศ ซึ่งจะส่งผลต่อราคาสินค้าในอนาคต
การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจจีนมีความคึกคักมากขึ้น และส่งผลดีในระยะยาว เพราะการลงทุนใหญ่ๆ ย่อมหวังผลการเติบโตในหลัก 10-20 ปีข้างหน้า ดังนั้นมูลค่าเศรษฐกิจจีนยังไปได้อีกไกลเลย
Jitta Wealth จับชีพจรเศรษฐกิจจีนปีเสือ ถึงเวลาลงทุนตลาดหุ้นจีนหรือยัง?
ท่ามกลางกระแสความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนในช่วงที่ผ่านมา สร้างความผันผวนในตลาดการเงิน การลงทุน ราคาน้ำมันทั่วโลก Jitta Wealth มองว่านี่คือจุดเริ่มต้น การปรับเข้าสู่ภาวะที่เหมาะสม และตลาดจีนหุ้นเตรียมรับอานิสงส์
เศรษฐกิจสหรัฐอเมริกา
Fed เตรียมลดขนาดงบดุล เริ่มเดือนพฤษภาคมนี้
ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) เตรียมลดขนาดงบดุล 95,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อเดือน คาดเริ่มเดือนพฤษภาคมนี้ หลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (FOMC) รอบเดือนพฤษภาคม
รายงานการประชุมเดือนมีนาคม ระบุว่า Fed จะปล่อยให้พันธบัตรและ MBS (Mortgage-backed Security) หมดอายุ 60,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และ 35,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตามลำดับ โดยจำนวนปรับลดขนาดงบดุล 95,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อเดือน
เมื่อเทียบกับการปรับลดขนาดงบดุลล่าสุดในปี 2560-2562 ถือว่ามากกว่าครั้งก่อนเกือบ 1 เท่า ซึ่งเป็นผลมาจากมาตรการ QE (Quantitative Easing) อย่างหนักในช่วงปี 2563-2564
นอกจากนี้การประชุม FOMC ล่าสุด ยังคงพูดถึงการพิจารณาขึ้นดอกเบี้ย แม้ว่า ล่าสุดจะปรับขึ้น 0.25% แต่สถานการณ์รัสเซียและยูเครน อาจเป็นแรงกดดันให้ Fed ปรับขึ้นอีก 0.5% ในการประชุมเดือนพฤษภาคมก็ได้
สมาชิก Fed ออกมาให้ความคิดเห็นเป็นไปในทางเดียวกัน โดยต้องการให้บรรเทาความร้อนแรงของเงินเฟ้อลง ผ่านการขึ้นอัตราดอกเบี้ยและลดขนาดงบดุลควบคู่กันไป กูรูมองว่า Fed จะขึ้นดอกเบี้ยไปแตะ 2.5% ภายในปีนี้
ภาพที่ชัดเจน คือ แนวโน้มดอกเบี้ยเป็นขาขึ้นแน่นอน นอกจากมีผลให้ตลาดหุ้นผันผวนระยะสั้นแล้ว ต้นทุนการเงินของบริษัทจะเพิ่มสูงขึ้นตามๆ กัน ยิ่งถ้ามีหนี้สินมาก สินค้าและบริการไม่สามารถปรับขึ้นตามต้นทุนได้ กำไรก็จะลดลง
ขณะที่บริษัทที่มีงบการเงินแข็งแกร่ง เงินสดมาก หนี้สินน้อย สินค้าและบริการแข่งขันได้ ผู้บริโภคให้ความเชื่อมั่น บริษัทเหล่านี้จะไม่ได้รับผลกระทบจากดอกเบี้ยขาขึ้น ซึ่งหุ้นกลุ่มนี้ คือ หุ้นคุณค่า ที่มีโอกาสเติบโตจากมูลค่าที่เพิ่มขึ้น
นักลงทุนรับมือ Inverted Yield Curve ยังไงดี?
ความวัวไม่ทันหาย ความควายเข้ามาแทรก Stagflation ก็กำลังจะมา นี่ยังมี Inverted Yield Curve เกิดขึ้นตามมาอีก นักลงทุนถึงกับมึนไปหมด มันคืออะไร ทำไมถึงสั่นคลอนเศรษฐกิจสหรัฐฯ ได้ แล้วคุณต้องกลัวขนาดไหน
เมตาเวิร์ส
ราคาที่ดินในโลกเมตาเวิร์สลดลง -18%
กระแสเมตาเวิร์สถูกพูดถึงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2564 พร้อมกับราคาที่ดินในโลกเสมือนที่ปรับตัวสูงขึ้น แต่จากข้อมูลของ Meta Metriks ดาต้า อนาไลติกส์จัดทำ ดัชนี Metametriks Metaverse 10 ระบุว่า ราคาที่ดินในเมตาเวิร์สในเดือนมีนาคม ลดลง -18% จากระดับสูงสุด
แม้ราคาเฉลี่ยของที่ดินดิจิทัลจะลดลง แต่พุ่งขึ้นถึง 4 เท่าเมื่อเทียบกับเดือนมีนาคม 2564 ปัจจัยที่ทำให้ราคาลดลงมาก็มาจากราคาเงินดิจิทัลต่างๆ ของเมตาเวิร์ส เช่น Decentraland (MANA) The Sandbox (SAND) และ Axie Infinity (AXS) ร่วงลงมากกว่า -50% จากจุดสูงสุดเช่นเดียวกัน
บริษัทการลงทุนด้านสินทรัพย์ดิจิทัล LedgerPrime ระบุว่า ปัจจัย 5 ข้อที่ส่งผลต่อมูลค่าอสังหาริมทรัพย์ดิจิทัล ได้แก่ จำนวนคนที่สนใจ ความใกล้ชิดในชุมชน บริบทเชิงพื้นที่ (การถือครองโดยผู้มีชื่อเสียง) ผลตอบแทนเชิง Financialization และมูลค่าทางศิลปะ
อย่างไรก็ตาม กูรูในโลกเสมือน บอกว่า นักลงทุนไม่ควรซื้ออสังหาริมทรัพย์ดิจิทัลเพื่อการเก็งกำไร โดยหวังว่า ราคาจะสูงขึ้นเท่านั้น แต่ต้องศึกษาปัจจัยอื่นๆ ในโลกเสมือนจริงด้วย เพราะเป็นสินทรัพย์ที่มีความผันผวนสูงมาก คาดเดาได้ยาก
รู้จัก Thematic ETF ‘หุ้น Cybersecurity’ กับ CIBR
ภัยทางไซเบอร์อยู่ใกล้ตัวกว่าที่คุณคิด ไม่ใช่แค่บริการแอนติไวรัสที่ติดตั้งลงในคอมพิวเตอร์อีกต่อไป แต่รวมไปถึงการเก็บรักษาข้อมูลมากมายที่ไหลเวียนทั่วโลก มารู้จัก Thematic ETF ธีมไซเบอร์ซีเคียวริตี พร้อมเจาะลึก 5 บริษัทที่น่าสนใจ
เกมและอีสปอร์ต
สมรภูมิ GameFi เดือด ยักษ์ใหญ่แดนโสมขาวเข้าสู่คริปโทเคอร์เรนซี
ยักษ์ใหญ่ในวงการเกมทั่วโลก เห็นอนาคตของวงการเกมไปในทิศทางเดียวกัน และเริ่มวางแผนนำคริปโทเคอร์เรนซีมาใช้ภายใน Ecosystem ค่ายเกมสัญชาติเกาหลีใต้ 4 รายประกาศนำเทคโนโลยีบล็อกเชนมาใช้ หวังต่อยอดธุรกิจเกมให้สมบูรณ์มากขึ้น
บริษัทแรก ได้แก่ Krafton บริษัทผู้พัฒนาเกมชั้นนำ ประกาศร่วมมือกับเครือข่ายบล็อกเชน Solana Labs หวังนำ NFT (Non-Fungible Token) มาใช้
หลังจากนั้นค่ายเกม Com2uS Holdings ผู้ผลิตเกมชื่อดังอย่าง Summoners War ก็เปิดตัว C2X Blockchain Gaming Platform พร้อมเหรียญ C2X ในรูปแบบ IEO (Initial Exchange Offering) ที่ทำงานอยู่บนบล็อกเชนของ Terra หวังเชื่อมโยง บริการภายในเครือข่ายและรองรับ NFT ในอนาคต
ต่อมาอีก 2 ค่าย คือ Netmarble ผู้ผลิตเกมสมาร์ตโฟนชื่อดังอย่างเกมเศรษฐี เปิดตัวระบบนิเวศบล็อกเชน MBX และ MARBLEX Wallet ส่วนอีกค่าย คือ Wemix ประกาศนำเกมดังอย่าง Yulgang Global มาทำให้อยู่ในรูปแบบ Play to Earn
จากเทรนด์นี้ ดูเหมือนว่า เกมและคริปโทเคอร์เรนซีจะไม่จบลงเพียงแค่ 4 ค่ายนี้เท่านั้น แต่ค่ายเกมชั้นนำอื่นๆ ทั่วโลก เบนเข็มมาในทิศทางเดียวกัน สะท้อนว่า เกมและอีสปอร์ตกำลังเชื่อมต่อกับเทคโนโลยีบล็อกเชนและเมตาเวิร์สอย่างใกล้ชิด และเป็นการเติบโตร่วมกันที่น่าสนใจมากๆ
ลงทุน HERO ETF อย่างไร ให้ได้ราคาตลาด
กระแสลงทุน HERO ETF ถูกพูดถึงอย่างต่อเนื่อง เพราะเกมและอีสปอร์ตเป็นเมกะเทรนด์ที่อยู่คู่กับพฤติกรรมมนุษย์มาช้านาน มาส่องผลตอบแทนตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน และวิธีการที่คุณจะลงทุนให้ได้ราคาตลาด
เทคโนโลยีสหรัฐอเมริกา
Berkshire Hathaway ดึง HP เข้าพอร์ต มูลค่า 4,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
เมกะแคป Berkshire Hathaway ของ Warren Buffett ทุ่มซื้อหุ้นบริษัทเทคโนโลยีชื่อดัง HP มูลค่า 4,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลให้ราคาหุ้น HP พุ่งขึ้นกว่า +10% เมื่อวันที่ 7 เมษายน
ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา Berkshire Hathaway ขยายพอร์ตหุ้นมูลค่า 350,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ มีผลต่อดัชนี S&P500 เคลื่อนไหวผันผวน ตกลงไปเกือบ -6% ในปีนี้
ก่อนหน้านี้ Berkshire Hathaway ไม่ได้สนใจหุ้นเทคโนโลยีมากนัก แต่ได้เข้าลงทุนในบริษัทเทคโนโลยีที่มีศักยภาพเติบโต อย่างการเข้าซื้อหุ้นเมกะแคปอย่าง Apple ที่มีสัดส่วนการถือมากกว่า 161,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และล่าสุด คือ HP ที่อยู่ในการคำนวณดัชนี S&P500 เช่นเดียวกัน
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า HP ได้รับประโยชน์จากความต้องการฮาร์ดแวร์ PC ที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่ง HP จะมีส่วนแบ่งในตลาดสูงถึง 560,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2567 รวมไปถึงความสำเร็จของบริษัทที่ช่วงที่ผ่านมา จึงทำให้ Buffett มองว่า เป็นบริษัทเทคโนโลยีที่มีโอกาสเติบโต
อย่างไรก็ตาม Berkshire Hathaway ยังไม่ได้ให้ความคิดเห็นเกี่ยวกับการลงทุนใน HP แต่อย่างใด การลงทุนครั้งนี้จะส่งผลดีต่อธีมเทคโนโลยี และธีมตลาดหุ้นสหรัฐฯ เพราะบริษัทเหล่านี้เป็นเมกะแคประดับโลก และมีโอกาสการเติบโตในระยะยาว
3 เคล็ดลับสร้างผลตอบแทน ฝ่าวิกฤตการลงทุน สไตล์ Ray Dalio
การสร้างพอร์ตลงทุนให้ได้ผลตอบแทนที่ดีอย่างสม่ำเสมอ ขาดทุนน้อยที่สุดในยามวิกฤต นอกจากทันสถานการณ์ ก็ต้องทนต่อสถานการณ์ด้วย พบกับ 3 เคล็ดลับ เสริมความแข็งแกร่งให้กับพอร์ตของคุณ สไตล์ Ray Dalio
ลิเธียมและแบตเตอรี
Tesla เล็งลงทุนเหมืองลิเธียม หลังเห็นราคาพุ่ง
Elon Musk ทวีตแสดงความคิดเห็นถึงราคาลิเธียมที่สูงขึ้น ซึ่งเป็นต้นทุนสำคัญของแบตเตอรี โดยบอกว่า Tesla อาจเข้าไปทำธุรกิจเหมืองลิเธียม เนื่องจากราคาแร่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างบ้าคลั่ง
U.S. Geological Survey สำรวจพบว่า แร่ลิเธียมมีอยู่ทั่วสหรัฐฯ ราคาลิเธียมพุ่งขึ้นจาก 4,450 ดอลลาร์สหรัฐต่อตันในปี 2555 เป็น 78,032 ดอลลาร์สหรัฐต่อตันในปี 2565 ซึ่งเพิ่มขึ้นกว่า +1,600% ในรอบทศวรรษ
การแสดงความคิดเห็นของ Musk เกี่ยวกับเหมืองลิเธียมไม่ใช่ครั้งแรก จึงเป็นไปได้สูงที่ Tesla จะเข้าซื้อเหมืองลิเธียมและดำเนินการด้วยตัวเอง เพื่อลดต้นทุนบริษัทและอาจขยายธุรกิจมาสู่การผลิตแบตเตอรีจากแร่ลิเธียมในอนาคตก็เป็นได้
Tesla ได้ทำสัญญาระยะยาวกับบริษัทเหมืองลิเธียมในออสเตรเลีย เพื่อสร้างความมั่นคงด้านวัตถุดิบ เนื่องจากความต้องการรถยนต์ไฟฟ้า (EV) สูงขึ้น ทำให้ความต้องการวัตถุดิบที่เกี่ยวข้องสูงขึ้นตามไปด้วย
ในปี 2565 บริษัทได้เปิดเพิ่มโรงงานผลิต EV อีก 2 แห่ง หากราคาลิเธียมยังคงสูงขึ้นไปเรื่อยๆ อาจจะได้เห็นโรงงานแบตเตอรีของ Tesla เต็มรูปแบบก็ได้ ซึ่งแสดงถึงความแข็งแกร่งและความต้องการ EV ได้อย่างชัดเจน
นอกจากนี้ Musk ก้าวเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ Twitter หลังลงทุนไปมากกว่า 73 ล้านหุ้น ซึ่งเป็นสัดส่วนมากกว่า 9.2% ของหุ้นทั้งหมด โดยมีมูลค่ากว่า 2,890 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
โดย Musk ได้ทวีตข้อความเอาไว้ว่า เนื่องจาก Twitter ทำหน้าที่เป็นจัตุรัสกลางเมือง การไม่ปฏิบัติตามหลักการพูดโดยเสรี ถือเป็นการบ่อนทำลายระบอบประชาธิปไตย เราควรจะทำยังไงต่อไปดี
นักวิเคราะห์มองว่า Musk อาจจะมีท่าทีการแสดงความคิดเห็นที่รุนแรงมากยิ่งขึ้นบน Twitter และอาจจะนำไปสู่การซื้อหุ้นเพิ่ม เพื่อควบคุม Twitter ในอนาคต ซึ่งทาง Twitter ยังปฏิเสธที่แสดงความคิดเห็นในตรงนี้
Musk เป็นผู้ใช้ Twitter เป็นประจำ และมีผู้ติดตามมากกว่า 80 ล้านคนบนแพลตฟอร์ม อย่างไรก็ตาม ทวีตบางส่วนของเขามักจะทำให้เกิดกระแสสังคมขึ้นมาอย่างชัดเจน
เป็นไปได้ว่า ในอนาคต Musk มีบทบาทสำคัญในการปรับปรุงฟีเจอร์ใน Twitter ซึ่งค่อนข้างน่าสนใจทีเดียวว่า สุดท้ายแล้ว ทิศทางของ Twitter จะเป็นอย่างไรต่อไปในอนาคต
กัญชา
เฮกันต่อ สหรัฐฯ ผ่านร่างกฎหมายวิจัยและพัฒนากัญชา
ข่าวดีสำหรับธีมกัญชา เมื่อร่างกฎหมายวิจัยและพัฒนากัญชา (The Medical Marijuana Research Act) ได้รับการโหวตในสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ อย่างท่วมท้น ด้วยคะแนนเสียง 345 ต่อ 75
ส.ส. จากพรรค Democrat แกนนำในการขับเคลื่อนให้กัญชาถูกกฎหมายในสหรัฐฯ มองว่า กฎหมายกัญชาในประเทศมีปัญหา และไม่อนุญาตแม้กระทั่งการวิจัยและพัฒนา ในขณะที่ประเทศอื่นๆ สามารถทำได้อย่างอิสระ
การผ่านร่างกฎหมายครั้งนี้ เป็นก้าวสำคัญในการวิจัยและพัฒนาสายพันธุ์กัญชา รวมไปถึงสารที่สกัดมาจากกัญชา ทำให้นักวิจัยเข้าใจผลกระทบเชิงบวกและลบต่อสุขภาพผู้บริโภคในสหรัฐฯ ได้อย่างรวดเร็วและไร้ข้อจำกัด
ในช่วงนี้อุตสาหกรรมกัญชาเกิดการเคลื่อนไหวค่อนข้างมาก โดยเฉพาะประเด็นตัวบทกฎหมาย จะเห็นได้ว่าธุรกิจกัญชาจะช่วยสร้างรายได้มหาศาลให้กับรัฐบาลสหรัฐฯ และหลายๆ ประเทศทั่วโลก เทรนด์การใช้กัญชาได้ถูกกฎหมาย จะมีทิศทางที่ดีอย่างแน่นอน
หากกฎหมายการใช้กัญชาระดับประเทศของสหรัฐฯ ได้รับการโหวตจากรัฐสภา จะขยายโอกาสในธุรกิจกัญชามากยิ่งขึ้น Jitta Wealth มองว่า ราคา MJ (ETFMG Alternative Harvest ETF) ตัวแทนธีมกัญชาของ Thematic มีแนวโน้มผ่านจุดต่ำสุดไปได้
นี่คือ 8 ข่าวสำคัญๆ จากทั่วโลก ที่ถูกนำมาย่อยให้คุณใน Jitta Wealth Journal รายสัปดาห์
แม้ว่า เราจะปิดทำการในช่วงเทศกาลสงกรานต์ แต่ความเคลื่อนไหวในตลาดหุ้นทั่วโลกยังเกิดอยู่ และเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา
ทีมงาน Jitta Wealth จะคอยติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และจะอัปเดตให้คุณได้รู้ไปพร้อมๆ กัน สุขสันต์วันสงกรานต์
แล้วพบกันสัปดาห์หน้า
อ่าน Jitta Wealth Journal ย้อนหลัง
Jitta Wealth Journal – หุ้นกัญชาพุ่งทะยานแค่ไหน หลังกฎหมายผ่าน