Skip to content - ข้ามไปที่เนื้อหา
blog

อัปเดตการลงทุน Jitta Wealth จะมีอะไรใหม่ในปี 2569


All Category

ไฮไลต์

  • Jitta Ranking ปรับสูตรคัดหุ้น เพิ่มการวิเคราะห์ผลตอบแทนเทียบความเสี่ยง (Sharp Ratio) และประเมินภาวะตลาด เพื่อยกระดับโอกาสการสร้างผลตอบแทนระยะยาว
  • Jitta Ranking Alpha เพิ่มโหมดพักเงิน เมื่อทุกตลาดมีความเสี่ยงสูง เปลี่ยนไปลงทุน Dollar Index ลดโอกาสขาดทุน
  • ปรับ ETF ธีมญี่ปุ่น จาก BBJP เป็น FLJP ในพอร์ต Thematic เพื่อประสิทธิภาพการลงทุนที่ดีกว่า
  • Global ETF แผนพอเพียง ปรับสัดส่วนใหม่ให้เข้าใกล้เป้าหมายผลตอบแทนต่อปีมากยิ่งขึ้น

สถานการณ์เศรษฐกิจและโอกาสในการปรับตัวปี 2569

ปี 2568 เป็นปีที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน ทั้งจากภูมิรัฐศาสตร์ การเปลี่ยนแปลงนโยบายเศรษฐกิจของสหรัฐฯ กำแพงภาษี อัตราดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มลดลง และการพัฒนาอย่างรวดเร็วของ AI รวมถึงในปีหน้า ปี 2569 นั้น ก็เต็มไปด้วยความท้าทาย

แต่ในความท้าทายนั้น ในช่วงปีที่ผ่านมา Jitta Wealth ก็ยังสามารถสร้างผลงานที่ดี พิสูจน์ความแกร่ง โดยเฉพาะพอร์ตลงทุน Global ETF ที่จัดพอร์ลงทุนในสินทรัพย์ชั้นดีกระจายไปทั่วโลก ด้วยทฤษฏีระดับโลกอย่าง Modern Portfolio Theory และนำไปต่อยอดกับกองทุนรวม Omni Fund อย่างมีประสิทธิภาพ

ไม่เพียงเท่านั้น พอร์ตแบบ Satellite อย่าง Jitta Ranking และ Thematic ก็มีผลตอบแทนโดดเด่นในช่วงปีที่ผ่านมา แม้บางตลาดหรือบางอุตสาหกรรมจะได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำทั้งภายในและภายนอก

ซึ่งเทคโนโลยีของ Jitta Wealth ได้เก็บข้อมูลและเรียนรู้จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตลอดทั้งปี เราได้มีการทดสอบ พิสูจน์ และปรับปรุงเรื่อยมา รวมถึงสิ้นปี 2568 นี้ ที่เรามีเตรียมอัปเดตอัลกอริทึมในนโยบายต่างๆ เพื่อผลลัพธ์ที่ดีต่อพอร์ตการลงทุนของทุกคน ดังนี้ 

1. ปรับแนวทางการคัดเลือกหุ้นของนโยบาย Jitta Ranking  

นโยบาย Jitta Ranking ยังคงยึดหลัก ‘หุ้นดีราคาถูก’ น่าลงทุน ตามหลักการลงทุนแนวเน้นคุณค่า ที่มี Warren Buffett เป็นต้นแบบ ซึ่งการจัดอันดับของ Jitta Ranking AI นั้น จะพิจารณาจาก 3 ปัจจัยหลักๆ ได้แก่ คุณภาพของธุรกิจ มูลค่าที่เหมาะสม และโอกาสเติบโตสร้างกำไรของธุรกิจ จากงบการเงินย้อนหลัง 10 ปี 

ในปี 2569 นี้ เราได้เพิ่มการวิเคราะห์ผลตอบแทนเทียบความเสี่ยง (Sharpe Ratio) และการประเมินสภาวะตลาดจากราคาของดัชนี เพื่อเสริมความแม่นยำและลดความผันผวน ให้กับนักลงทุน Jitta Wealth 

จากการวิเคราะห์และทดสอบผลตอบแทนย้อนหลัง (Back Test) ตั้งแต่ 2558-2567 พบว่าสามารถสร้างผลตอบแทนได้ดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ บนความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นไม่มาก  

โดยการอัปเดตอัลกอริทึมของ Jitta Ranking จะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2569 เป็นต้นไป 


2. เพิ่มโหมด ‘พักเงิน’ ให้ Jitta Ranking Alpha ในสภาวะที่หุ้นทั่วโลกเสี่ยงสูงเกินไป

ในกรณีที่หุ้นทั่วโลกปรับตัวสูงขึ้นพร้อมๆ กัน จนแม้แต่ตลาดหุ้นที่น่าลงทุนที่สุดยังอยู่ในสภาวะที่เสี่ยงสูงเกินไป ระบบจะพิจารณาเปลี่ยนไปลงทุนใน Dollar Index ซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่มีค่าสหสัมพันธ์ต่ำกับตลาดหุ้นแทน เพื่อเพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทนในช่วงเวลานั้นๆ

โดยในกระบวนการรีวิวตลาดหุ้นที่ลงทุนในช่วงเดือน พ.ย.-ม.ค. ของทุกปี เพื่อดูว่าควรลงทุนในตลาดหุ้นเดิมต่อไป หรือปรับพอร์ตไปลงทุนในตลาดหุ้นอื่นที่มีโอกาสเติบโตมากกว่า (สหรัฐฯ จีน ญี่ปุ่น ฮ่องกง)

หากพบว่าทุกตลาดแพงเกินไป ระบบจะเปลี่ยนไปลงทุน Dollar Index และหลังจากนั้นจะรีวิวพอร์ตทุก 3 เดือน หากมีประเทศที่น่าลงทุน ระบบจะปรับกลไกกลับไปถือหุ้นประเทศนั้นให้อัตโนมัติ

ซึ่งจากการทดสอบผลตอบแทนย้อนหลัง (Back Test) 10 ปี พบว่าการเปลี่ยนไปลงทุนใน Dollar Index ในช่วงที่ตลาดแพงเกินไปทั้งหมด สามารถทำผลตอบแทนระยะยาวได้ดีขึ้น และลดความเสี่ยงที่จะเผชิญช่วงตลาดผันผวนสูงได้ 

โดยการอัปเดตอัลกอริทึมของ Jitta Ranking Alpha จะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2569 เป็นต้นไป 


3. เปลี่ยน ETF ใหม่ไฉไลกว่าเดิมในนโยบาย Thematic

ในทุกปี Jitta Wealth จะทำการทบทวนและอัปเดต ETF ที่เราคัดสรรไว้สำหรับนโยบาย Thematic เพื่อให้มั่นใจว่า ETF ในแต่ละธีมยังคงตอบโจทย์การลงทุนได้ดีที่สุด ไม่ว่าจะเป็นด้านผลตอบแทน ความมั่นคง ค่าธรรมเนียม ความคุ้มค่าของราคา ไปจนถึงสภาพคล่องที่เหมาะสมกับนักลงทุน

แม้ในแต่ละปีจะมีกองทุน ETF หน้าใหม่เกิดขึ้นมากมาย เราก็ยังคงใส่ใจติดตามและคัดกรองอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้คุณลงทุนได้อย่างมั่นใจในธีมที่เลือก

โดยในปี 2569 ที่จะถึงนี้ เราได้พิจารณาเปลี่ยนแปลงธีมตลาดหุ้นญี่ปุ่น 

ธีมตลาดหุ้นญี่ปุ่น

เดิม

JPMorgan BetaBuilders Japan ETF (BBJP)

เปลี่ยนเป็น

Franklin FTSE Japan ETF (FLJP)

ซึ่งเหมาะสมกว่าทั้งในแง่ของผลตอบแทนเทียบความเสี่ยงที่สูงกว่า จากสถิติย้อนหลังทั้งแบบ 3 ปี และ 5 ปี อีกทั้ง FLJP การกระจายความเสี่ยงที่เหนือกว่า ด้วยกลไกจำกัดน้ำหนัก (Capping) ของหลักทรัพย์รายตัว ทำให้พอร์ตการลงทุนมีการกระจุกตัวต่ำกว่า อีกทั้ง FLJP มีหลักทรัพย์ที่ถือครองเกือบ 500 บริษัท ซึ่งมากกว่า BBJP ที่มีประมาณ 200 บริษัท

โดยตัวอย่างบริษัทที่ FLJP ลงทุน ได้แก่ Toyota Sony Nintendo และบริษัทชั้นนำอื่นๆ ที่คุณคุ้นเคยอีกมากมาย

การปรับธีมตลาดหุ้นญี่ปุ่นนี้ จะเริ่มมีผลกับพอร์ต Thematic DIY ที่ลงทุนในธีมดังกล่าว อัตโนมัติตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2569 เป็นต้นไป


4. ปรับสัดส่วนการลงทุนใน Global ETF แผนพอเพียง

เพื่อให้ผลตอบแทนระยะยาวของนโยบาย Global ETF แผนพอเพียง ใกล้เคียงกับเป้าหมายของผลตอบแทนย้อนหลัง 4% มากยิ่งขึ้น จึงพิจารณาปรับสัดส่วนการลงทุน โดยยังคงสัดส่วนการลงทุนใน ETF หุ้น 20% และ ETF ตราสารหนี้ 80% เหมือนเดิม แต่ปรับสัดส่วนในรายละเอียดของ ETF แต่ละตัวให้พอร์ตโดยรวมให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น 

ซึ่งจากการทดสอบผลตอบแทนย้อนหลัง (Back Test) 10 ปี ตั้งแต่ 2558-2567 พบว่าสามารถทำผลตอบแทนระยะยาวได้ใกล้เคียงผลตอบแทนย้อนหลังที่ 4% ต่อปีมากยิ่งขึ้น

การอัปเดตสัดส่วนการลงทุนของ Global ETF แผนพอเพียง จะเริ่มปรับสัดส่วนของพอร์ตที่ลงทุนอยู่ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2569 เป็นต้นไป 


เป้าหมายของเราคือการพัฒนาเทคโนโลยี เพื่อสร้างผลตอบแทนให้ดียิ่งขึ้น โดยนักลงทุนสามารถลงทุนได้ง่ายและสะดวกมากยิ่งขึ้น ทีมงานรับความคิดเห็น ฟังเสียงของนักลงทุน และมุ่งมั่นตั้งใจพัฒนาระบบอยู่ตลอดเวลา ทั้งการรวบรวมข้อมูล การวิเคราะห์ การปรับอัลกอริทึมกว่าหมื่นทางเลือก หลากหลายรูปแบบ รวมถึงการพิสูจน์ผลตอบแทนย้อนหลัง เพื่อค้นหาผลลัพธ์ที่ดีในระยะยาวที่ดีที่สุด 

การพัฒนาระบบบนพื้นฐานของหลักการที่ถูกต้อง จะช่วยให้พอร์ตของคุณเติบโตได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน เพราะในโลกการลงทุน ไม่ใช่ทุกเส้นทางจะราบเรียบ และไม่ใช่ทุกปีที่ผลตอบแทนจะเป็นบวก สิ่งสำคัญคือการมีระบบที่แข็งแรงพอจะพาคุณข้ามผ่านทุกช่วงเวลา และพาคุณไปถึงเป้าหมายได้ในที่สุด

เราจะดูแลและพัฒนาการลงทุนของคุณอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สมกับความไว้วางใจที่คุณมอบให้ Jitta Wealth เสมอมา หากคุณมีคำถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรา สามารถติดต่อทีม Jitta Wealth ได้ที่ Line: @JittaWealth หรือโทร 02-460-8888