กระจายความเสี่ยงในการลงทุนด้วย ‘Jitta Ranking’
ไฮไลต์
- นโยบาย Jitta Ranking เป็นการลงทุนในหุ้นรายตัว ทำให้ความผันผวนจากการลงทุนมากขึ้น ด้วยความผันผวนอาจทำให้จุด Maximum Drawdown สูงกว่าการลงทุนในกองทุนรวมทั่วไป ซึ่งอาจทำให้คุณไม่สบายใจจากความผันผวนได้
- กลยุทธ์ลดความผันผวนด้วย Jitta Ranking สามารถทำได้ด้วย 2 กลยุทธ์ที่เราแยกออกมา ประกอบไปด้วย ลงทุน Jitta Ranking หลายพอร์ต และ Dollar-cost averaging (DCA)
- กลยุทธ์ DCA เป็นวิธีที่สามารถลดความผันผวนของพอร์ตลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ และนำมาปรับใช้กับการลงทุน Jitta Ranking ได้ แยกออกมาสำหรับผู้ที่มีพอร์ต Jitta Ranking อยู่แล้ว และ ผู้ที่กำลังจะเปิดพอร์ตลงทุน Jitta Ranking
Jitta Wealth ได้ลดเงินลงทุนขั้นต่ำในการเปิดพอร์ต Jitta Ranking ทุกประเทศลงเหลือ 500,000 บาท จากเดิมที่ 1,000,000 บาท ทำให้ตอนนี้คุณมีโอกาสเข้าถึงการลงทุนหุ้นต่างประเทศได้ง่ายขึ้นเป็นเท่าตัว
แต่การลงทุนหุ้นรายตัวโดยตรงย่อมมีความผันผวนมากกว่าลงทุนในหุ้นเกือบทั้งตลาดหรือเกือบทั้งอุตสาหกรรมแบบ Exchange-traded fund (ETF) หรือกองทุนรวมดัชนี (Index Fund) แต่กลยุทธ์ที่คุณอาจไม่รู้มาก่อนก็คือ คุณสามารถกระจายความเสี่ยงในการลงทุนด้วยนโยบาย Jitta Ranking ได้เช่นกัน
วันนี้ทีมงาน Jitta Wealth จะพาคุณไปเรียนรู้กลยุทธ์การกระจายความเสี่ยงด้วยนโยบาย Jitta Ranking ถึง 2 แบบ คุณจะได้ลงทุนอย่างสบายใจในช่วงที่ตลาดหุ้นผันผวน และยังช่วยเพิ่มโอกาสทำผลตอบแทนในระยะยาวให้คุณได้อีกด้วย ไปติดตามกันได้เลย
กลยุทธ์ที่ 1: ลงทุน Jitta Ranking หลายประเทศ
นโยบาย Jitta Ranking ในตอนนี้มีมากมายหลายประเทศ และยังมีแผนลงทุนเฉพาะอุตสาหกรรมด้วย ถ้าเป็นแต่ก่อน ปัญหาแรกที่คุณจะเจอคือ เลือกไม่ถูกว่าจะลงทุน Jitta Ranking แผนไหนดี เพราะเงินลงทุนขั้นต่ำที่สูงถึง 1,000,000 บาท
แต่เมื่อ Jitta Wealth ลดเงินลงทุนขั้นต่ำในการเปิดพอร์ต Jitta Ranking ลงเหลือ 500,000 บาท ข้อจำกัดนั้นจึงหมดไป คุณจึงสามารถลงทุนหุ้นได้หลากหลายประเทศมากขึ้นผ่านนโยบาย Jitta Ranking ด้วยเงินลงทุนเท่าเดิม
และการลดเงินลงทุนขั้นต่ำนี้ นอกจากจะทำให้คุณได้ลงทุนใน ‘หุ้นดี ราคาเหมาะสม มีโอกาสเติบโต’ จากหลายประเทศแล้ว ยังช่วยให้คุณกระจายความเสี่ยงได้ง่ายขึ้นด้วย
ตัวอย่าง คุณมีเงินลงทุน 2,000,000 บาท และต้องการลงทุนในนโยบาย Jitta Ranking แผนใดแผนหนึ่ง โดยนโยบาย Jitta Ranking แต่ละแผนก็จะมี จุดขาดทุนสูงสุด (Maximum Drawdown) จากการทดสอบ backtest 11 ปีย้อนหลัง ที่ทีมงานนำข้อมูลบางส่วนมาให้ดูในตารางด้านล่าง
สมมติว่าคุณเลือกลงทุนแผน Jitta Ranking ไทยแผนเดียว พอร์ตของคุณจะมีจุดขาดทุนสูงสุดหรือ Maximum Drawdown สูงถึง -50.86% หรือพูดง่ายๆ คือเงินลงทุนหายไปเกินครึ่งนึง แน่นอนว่าการลงทุนในนโยบาย Jitta Ranking เป็นการลงทุนระยะยาว แต่การที่เงินลงทุนของคุณลดลงมากกว่าครึ่งก็อาจทำให้คุณไม่สบายใจได้
และจะเห็นว่ายิ่งพอร์ตของคุณมีจุดขาดทุนสูงสุดที่ ‘ลึก’ ขึ้น คุณก็ยิ่งต้องทำผลตอบแทนมากขึ้นเพื่อให้เงินลงทุนของคุณกลับมามีจำนวนเท่าเดิม แต่สิ่งที่คุณเสียไปแน่ๆ และเรียกกลับคืนมาไม่ได้เลยก็คือ ‘เวลา’ ที่ต้องใช้ในการทำผลตอบแทนให้กลับมาชดเชยผลขาดทุนที่เกิดขึ้นนั่นเอง
นอกจากนี้ การลงทุนหุ้นในประเทศเดียวจะมีความเสี่ยงเฉพาะประเทศอีกด้วย ตัวอย่างเช่น สงครามการค้าสหรัฐฯ – จีนที่กระทบทั้ง 2 ประเทศ หรือคดีปั่นหุ้นในเวียดนามที่ทำให้ตลาดหุ้นเวียดนามตกลงมาในปี 2565 นี้ที่ทำให้ตลาดหุ้นซวนเซไปพักใหญ่
แต่ข่าวดีคือคุณสามารถทำให้จุดขาดทุนสูงสุดหรือของพอร์ตลดลงได้ง่ายๆ ด้วยการกระจายการลงทุนในนโยบาย Jitta Ranking ไปหลายประเทศ ด้วยจำนวนเงินที่เท่ากันสามารถคำนวณจุดขาดทุนสูงสุดออกมาได้ดังนี้
เห็นได้ชัดว่าการลงทุนในนโยบาย Jitta Ranking หลายประเทศจะช่วยลดจุดขาดทุนสูงสุดให้คุณได้ และยังเป็นการเพิ่มโอกาสให้คุณได้ลงทุนใน ‘หุ้นดี ราคาเหมาะสม มีโอกาสเติบโต’ ของแต่ละแผนไปในตัวด้วย
ข้อมูลทั้งหมดนี้เป็นแสดงถึงอัตราความผันผวนเท่านั้น ไม่ได้เกี่ยวข้องกับผลตอบแทนจากการลงทุน และเป็นการทดสอบในอดีต ไม่สามารถทำนายความผันผวนที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้
และสำหรับอีกกลยุทธ์ก็เป็นวิธีง่ายๆ ที่คุณน่าจะรู้จักและทำตามได้ไม่ยากเช่นกัน
กลยุทธ์ที่ 2: DCA เพิ่มจำนวนหุ้น ลดความผันผวน
นอกจากจะลดขั้นต่ำในการเปิดพอร์ตลงทุน Jitta Ranking มาที่ 500,000 บาทแล้ว Jitta Wealth ยังลดเงินเพิ่มทุนขั้นต่ำของนโยบาย Jitta Ranking ลงอีกด้วย โดยคุณสามารถเพิ่มทุนเข้าพอร์ตได้ที่ 50,000 บาทต่อครั้ง จากเดิมที่ 100,000 บาท ซึ่งจะช่วยให้คุณใช้กลยุทธ์ Dollar-cost averaging (DCA) ได้ง่ายขึ้น
อธิบายกลยุทธ์ DCA แบบคร่าวๆ ก็คือการเติมเงินเพื่อลงทุนตามช่วงเวลาที่กำหนดไว้อย่างสม่ำเสมอและมีวินัย ซึ่งจะช่วยให้คุณได้ถัวเฉลี่ยต้นทุนของหุ้นและเพิ่มจำนวนหุ้นในพอร์ตไปในตัว ซึ่งจะช่วยลดความผันผวนของพอร์ตลงได้ และยังทำให้คุณได้ซื้อหุ้นจำนวนมากขึ้นในช่วงที่ราคาหุ้นลดลง และซื้อหุ้นได้น้อยลงในช่วงที่ราคาหุ้นสูงขึ้น
โดยปกติหากคุณเริ่มลงทุนนโยบาย Jitta Ranking ด้วยเงิน 500,000 บาท คุณจะได้ลงทุนหุ้น 5 ตัวที่ AI คัดเลือกมาแล้วว่ามีโอกาสทำผลตอบแทนได้ดีที่สุด แต่หากคุณลงทุนแบบ DCA อย่างต่อเนื่อง คุณจะได้ลงทุนหุ้นหลายบริษัทมากขึ้นสูงสุด 20-30 ตัว โดยขึ้นอยู่กับกฎเกณฑ์ด้านการลงทุนของแต่ละประเทศ ซึ่งการถือหุ้นหลายบริษัทมากขึ้นจะช่วยลดความเสี่ยงที่เกิดขึ้นเฉพาะบริษัทลงไปได้เช่นกัน
2 วิธีลดความผันผวนง่ายๆ ด้วยกลยุทธ์ DCA
- ผู้ที่มีพอร์ตลงทุน Jitta Ranking อยู่แล้ว คุณสามารถกำหนดช่วงเวลาและจำนวนเงินที่จะ DCA เข้าพอร์ตลงทุนเป็นประจำได้ เช่น ทุกสิ้นเดือน ทุกวันเริ่มต้นไตรมาส ทุกครึ่งปี หรือทุกปี และเมื่อถึงช่วงเวลาที่กำหนด คุณก็เพิ่มทุนเข้าพอร์ตลงทุนทันที
- ผู้ที่สนใจเปิดพอร์ต Jitta Ranking และใช้กลยุทธ์ DCA คุณสามารถแบ่งเงินเปิดพอร์ตจำนวนนึง และแบ่งเงินอีกจำนวนนึงมา DCA เข้าพอร์ตลงทุนได้
ยกตัวอย่างเช่น หากคุณมีเงิน 1,000,000 บาทและต้องการเปิดพอร์ตลงทุน Jitta Ranking ญี่ปุ่น คุณสามารถแบ่งเงินเปิดพอร์ต Jitta Ranking ญี่ปุ่น 500,000 บาท และแบ่งเงินอีก 500,000 บาทที่เหลือเอาไว้สำหรับการลงทุนแบบ DCA เข้าพอร์ตทุกเดือน เดือนละละ 50,000 บาทจนครบ 1,000,000 บาท
การลดเงินลงทุนขั้นต่ำของทั้งการเปิดพอร์ตและการเพิ่มทุนจะทำให้คุณลงทุนหุ้นต่างประเทศด้วย AI กับนโยบาย Jitta Ranking ได้ง่ายขึ้น และยังช่วยให้คุณกระจายความเสี่ยงลงทุนใน ‘หุ้นดี ราคาเหมาะสม มีโอกาสเติบโต’ ได้สะดวกสบายมากขึ้นอีกด้วย
ทั้งหมดนี้คือวิธีลดความผันผวนด้วย Jitta Ranking ที่เราได้รวบรวมมาให้ หากสนใจลงทุนในนโยบาย Jitta Ranking คุณสามารถเข้าไป เปิดบัญชีที่นี่
หรือสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับแผนลงทุน Jitta Ranking ได้ที่นี่
หวังว่าหลังจากที่คุณอ่านบทความนี้จบ จะช่วยให้คุณตัดสินใจและวางแผนในการลงทุน Jitta Ranking ได้ คว้าโอกาสลงทุนใน ‘หุ้นคุณภาพดี ราคาเหมาะสม’ ตามสไตล์ Warren Buffett ที่จะทำให้คุณได้ลงทุนอย่างสบายใจ ได้กำไรอย่างยั่งยืน
กองทุนส่วนบุคคล Jitta Wealth บริหารจัดการโดย บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน จิตตะ เวลธ์ จำกัด ซึ่งเป็น WealthTech แห่งแรกของไทยที่ได้รับใบอนุญาตจากกระทรวงการคลัง กำกับโดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ใบอนุญาตเลขที่ ลค-0105-01
ผลตอบแทนในอดีต ไม่สามารถการันตีผลตอบแทนในอนาคต การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจนโยบายการลงทุน เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน การลงทุนต่างประเทศอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน