วัฏจักรเศรษฐกิจ คำใบ้โอกาสลงทุน ในวันที่คุณกำลังกลัว

ไฮไลต์
- วัฏจักรเศรษฐกิจมี 4 ช่วง: Expansion (ขยายตัว) Peak (จุดสูงสุด) Recession (ถดถอย) และ Trough (จุดต่ำสุด) ซึ่งจะหมุนเวียนซ้ำเรื่อยๆ
- ตลาดหุ้นมักฟื้นก่อนเศรษฐกิจ และตกก่อนเศรษฐกิจเสมอ
- ช่วง Trough (จุดต่ำสุด) หรือปลายๆ ช่วง Recession (ถดถอย) ที่ราคาร่วงลงมาจนค่อนข้างนิ่ง เป็นโอกาสเข้าลงทุน สะสมหุ้น ก่อนราคาจะเพิ่มขึ้นในช่วงวัฏจักรถัดไป
- การจับจังหวะลงทุนทำได้ยาก แต่หากจัดพอร์ตเหมาะสม และมีวินัย DCA สม่ำเสมอ ก็จะช่วยให้พอร์ตเติบโตผ่านช่วงตกต่ำผันผวนได้
- การเข้าใจวัฏจักรเศรษฐกิจ ช่วยลดการตัดสินใจผิดพลาด และสามารถมองหาโอกาสการลงทุน สร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาวได้
ในช่วงที่ตลาดหุ้นมีเหตุการณ์ต่างๆ มากมาย ไม่เว้นแต่ละวัน ทำให้หลายคนอาจกำลังสงสัยว่า เศรษฐกิจโลกจะพังไหม? ยังลงทุนได้อยู่หรือเปล่า?
ซึ่งไม่ผิดหากคุณจะตั้งคำถามเหล่านี้ เพราะเมื่อโลกเจอกับความไม่แน่นอน สงคราม เศรษฐกิจฝืด เงินเฟ้อ ดอกเบี้ยพุ่ง ใครๆ ก็กลัว
แต่ความกลัวจะหายไป ถ้าเราเข้าใจธรรมชาติของระบบเศรษฐกิจ และวันนี้เราจะพาคุณไปทำความรู้จักกับ ‘วัฏจักรเศรษฐกิจ’ เพื่อให้คุณเข้าใจภาพรวม และสามารถฉกฉวยโอกาส ในการลงทุนจากสถานการณ์ต่างๆ ได้
วัฏจักรเศรษฐกิจคืออะไร?
วัฏจักรเศรษฐกิจ (Economic Cycle) คือ การหมุนเวียนของระบบเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นซ้ำๆ ตามพฤติกรรมของคนในระบบ ซึ่งมันไม่ได้เกิดขึ้นโดยบังเอิญ และไม่ได้อยู่กับเราแค่ครั้งเดียว แต่มันจะ ‘วนกลับมาเรื่อยๆ’ เหมือนฤดูกาล สามารถแบ่งออกเป็น 4 ช่วงหลักดังนี้
1. Expansion (ขยายตัว)
เศรษฐกิจโตเร็ว คนจับจ่ายเยอะ ธุรกิจเริ่มลงทุน มีการจ้างงานเพิ่ม รายได้ดีขึ้น คนมั่นใจ สินเชื่อถูกปล่อยออกมาเยอะ
2. Peak (จุดสูงสุด)
ตลาดเริ่มร้อนแรงเกินไป ผู้คนจับจ่ายใช้สอย ราคาสินค้าสูง เงินเฟ้อเร่งตัว
3. Recession (ถดถอย)
ธุรกิจลดการลงทุน อัตราว่างงานเพิ่ม คนระวังการใช้จ่าย รายได้ชะลอตัว ความเชื่อมั่นหายไป
4. Trough (จุดต่ำสุด)
ระบบเศรษฐกิจอยู่ในช่วง ‘แย่สุด’ภาครัฐเริ่มออกนโยบายกระตุ้น เช่น ลดดอกเบี้ย อัดฉีดเงินเข้าระบบ
หลังจากนี้… เศรษฐกิจจะค่อย ๆ “ฟื้น” และวนกลับไป Expansion อีกรอบ
วัฏจักรเศรษฐกิจเกี่ยวอะไรกับตลาดหุ้น?
ตลาดหุ้นคือ ‘ภาพล่วงหน้า’ ของเศรษฐกิจจริง เพราะราคาหุ้นสะท้อน ‘ความคาดหวังของคน’ ไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้น ณ ขณะนั้น
- ช่วง Expansion ที่เศรษฐกิจขยายตัว ราคาหุ้นก็จะค่อยๆ เติบโต
- ช่วง Peak ที่เศรษฐกิจพุ่งสุดๆ นักลงทุนเริ่ม Overconfident คือมั่นใจมากเกินไป จนทำให้เกิดการตัดสินใจที่เสี่ยงเกินความจำเป็น เช่น แห่ซื้อหุ้นตามๆ กัน ทั้งๆ ที่ราคาแพงเกินคุณภาพไปแล้ว
- ช่วง Recession เศรษฐกิจเริ่มถดถอย ราคาหุ้นร่วงแรง จากการแพนิก และเทขายตามกันเป็นทอดๆ
- ช่วง Trough ที่เศรษฐกิจตกต่ำ รัฐบาลเริ่มอัดฉีด กระตุ้นเศรษฐกิจ นักลงทุนจะเริ่มทยอยสะสมหุ้นคุณภาพดีที่ราคาถูกลงมา ก่อนจะวนกลับไปช่วงเติบโตอีกครั้ง
จะเห็นได้ว่าช่วงที่ควรลงทุนจะเป็น ช่วง Trough (จุดต่ำสุด) หรือปลายๆ ช่วง Recession (ถดถอย) ที่ราคาร่วงลงมาจนค่อนข้างนิ่ง คือโอกาสจะตกต่อมีน้อยแล้ว ซึ่งค่อนข้างสวนทางกับความรู้สึกที่คนส่วนใหญ่มองว่าไม่น่าลงทุน
ซึ่งตรงกับวลีเด็ดของ Warren Buffett คือ จงกลัวเมื่อคนอื่นโลภ และโลภเมื่อทุกคนกลัว ที่สอดคล้องกับเรื่องนี้พอดิบพอดี
เพราะตลาดหุ้นมักฟื้นก่อนเศรษฐกิจ และตกก่อนเศรษฐกิจเสมอ ถ้าเราไม่เข้าใจวัฏจักรนี้… เราจะลงทุนตามข่าว และ ‘พลาดจังหวะสำคัญ’ ไปทุกครั้ง
วัฏจักรเศรษฐกิจกำลังบอกใบ้อะไร
จากประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นวิกฤติ หรือช่วงรุ่งเรือง สุดท้ายแล้วจะผ่านไป และวนกลับมาอีกครั้ง และข่าวร้ายที่เกิดขึ้นอยู่ในปัจจุบัน อาจสะท้อนถึงโอกาสที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต
อย่าลงทุนตาม ‘ข่าววันนี้’ แต่ให้ดูว่าเรากำลังอยู่ในช่วงไหนของวัฏจักร เพราะข่าวมักเล่าภาพปัจจุบัน แต่การจัดพอร์ตลงทุน ต้องคิดล่วงหน้าไปอีก 6 เดือน-1 ปี ช่วงที่คนกลัว… อาจเป็นจุดที่ควรเริ่มสะสม ช่วงที่ทุกอย่างดูดีมาก… อาจเป็นเวลาต้องระวัง
วิธีอยู่รอดในวัฏจักรช่วงวิกฤติ
เมื่อตลาดหุ้นเกิดวิกฤติหรือเศรษฐกิจย่ำแย่ คุณจะต้องรักษาสติให้มั่น อย่าออกจากเกมตอนมันผันผวน แต่ให้ปรับพอร์ต ทบทวนกลยุทธ์ และสินทรัพย์ที่ลงทุนอยู่แทน
ทำความเข้าใจและวิเคราะห์ว่าตอนนี้เป็นช่วงไหนของรอบเศรษฐกิจ เพื่อคว้าโอกาสลงทุนได้ทัน
และวิธีตั้งรับ ที่ไม่ว่าคุณจะเจอวิกฤติหรือความผันผวนกี่ครั้ง การจัดพอร์ตที่มีความยืดหยุ่น กระจายความเสี่ยงครอบคลุม และมีวินัย DCA สม่ำเสมอ ก็จะช่วยให้สามารถผ่านพ้นช่วงเวลาแห่งความผันผวนไปได้
โลกจะหมุนต่อไปข้างหน้า เศรษฐกิจ และตลาดหุ้นจะยังต้องเผชิญกับความผันผวนอยู่เสมอๆ เป็นวัฏจักร การจับจังหวะให้ได้เป๊ะๆ เป็นเรื่องที่ทำได้ยาก แต่ถ้าคุณเข้าใจภาพรวมที่เกิดขึ้น เข้าใจภาพของวัฏจักร จะช่วยลดการตัดสินใจผิดพลาด และสามารถมองหาโอกาสการลงทุน สร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาวได้