เงินบาทแข็งค่าในรอบ 4 ปี โอกาสลงทุนที่ดีที่สุด?
ไฮไลต์
- ปัจจุบันค่าเงินบาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ อยู่ที่ประมาณ 32.50 บาท ซึ่งแข็งค่าที่สุดในรอบกว่า 4 ปี หลังจากเคยอ่อนค่าแตะ 38 บาทในช่วงปลายปี 2565
- เงินบาทแข็งค่า หมายถึงเงินบาทมีมูลค่าเพิ่มขึ้น สามารถแลกเป็นเงินสกุลอื่นๆ ได้มากขึ้น ข้อดีคือ นักลงทุนที่โอนเงินไปลงทุนต่างประเทศจะซื้อสินทรัพย์ได้มากขึ้น ข้อเสียคือ นักลงทุนที่นำเงินกลับไทยจะได้เงินน้อยลง
- สถิติย้อนหลัง 10 ปี ค่าเงินบาทมีค่าเฉลี่ยที่ 33.53 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งปัจจุบันค่าเงินบาทถือว่าอยู่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย
- ถึงแม้ค่าเงินยังผันผวน แต่สำหรับการลงทุนระยะยาว ค่าเงินบาทในปัจจุบันถือเป็นโอกาสดีที่ไม่ควรพลาด
นักลงทุนไทยที่ต้องการกระจายความเสี่ยงไปลงทุนต่างประเทศคงคุ้นเคยกับคำว่า ‘ค่าเงิน’ ที่ตอนนี้กำลังเป็นกระแสไม่น้อย เมื่อเงินบาทกำลังแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ แต่แบบนี้ถือเป็นโอกาสลงทุนที่ดีที่สุดแล้วหรือยัง บทความนี้จะตีแผ่โอกาสให้คุณเห็นกันแบบชัดๆ ว่าควรคว้าเอาไว้อย่างไร
บาทแข็ง-บาทอ่อน กระทบนักลงทุนอย่างไร
ความหมายของคำว่า ‘บาทแข็ง’ หรือ ‘เงินบาทแข็งค่า’ คือการที่เงินบาทจำนวนเท่าเดิม สามารถแลกเปลี่ยนเป็นเงินสกุลอื่นๆ ได้มากขึ้น
ส่วน ‘บาทอ่อน’ หรือ ‘เงินบาทอ่อนค่า’ ก็กลับกัน คือการที่เงินบาทจำนวนเท่าเดิม สามารถแลกเปลี่ยนเป็นเงินสกุลอื่นๆ ได้น้อยลง
แล้วปัจจุบันที่เงินบาทแข็งค่า เมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐนั้น มีข้อดีข้อเสียอย่างไร
ข้อดี: นักลงทุนที่ต้องการโอนเงินไปลงทุนต่างประเทศ สามารถแลกเงินดอลลาร์ไปลงทุนได้มากขึ้น หรือก็คือเงินเท่าเดิมแต่ซื้อหุ้นได้มากขึ้น
ข้อเสีย: นักลงทุนที่ต้องการนำเงินลงทุนจากพอร์ตต่างประเทศกลับเข้ามาไทย จะแลกเป็นเงินไทยได้น้อยลง หรือมูลค่าพอร์ตโดยรวมลดลงจากค่าเงินนั่นเอง
ย้อนสถิติค่าเงินย้อนหลัง 10 ปี ตอนนี้เหมาะจะลงทุนหรือยัง
หลายคนอาจรู้สึกลังเล รอจังหวะให้เงินบาทแข็งค่าไปกว่านี้อีก ถึงจะลงทุนเพิ่ม แต่รอแล้วเงินบาทจะแข็งค่ากว่านี้ได้อีกไหม รอแล้วจะคุ้มค่าในการลงทุนหรือไม่? มาย้อนดูสถิติ 10 ปีย้อนหลังกัน
สถิติค่าเงินบาทต่อดอลลาร์สหรัฐในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา (31 ก.ค. 58-28 ก.ค. 68) หากวัดแบบรายเดือนหรือก็คือค่าเงิน ณ สิ้นเดือนนั้นๆ จะพบว่า
- เงินบาทอ่อนค่าที่สุด คือ 38.09 บาทต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐ (31 ต.ค. 65)
- เงินบาทแข็งค่าที่สุด คือ 29.76 บาทต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐ (31 ธ.ค. 62)
- ค่าเงินบาทเฉลี่ย 10 ปี คือ 33.53 บาทต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐ
ซึ่งปัจจุบันค่าเงินบาทอยู่ที่ประมาณ 32.48 บาทต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐ (28 ก.ค. 68) ก็ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย และถือว่าเแข็งค่าที่สุดในรอบ 4 ปี เลยทีเดียว
แม้จะมีโอกาสที่เงินบาทจะแข็งค่าขึ้นอีก แต่หากมองในระยะยาวแล้วค่าเงินในปัจจุบันถือเป็นโอกาสลงทุนที่ดีมาก
ลงทุนอย่างไรในช่วงบาทแข็ง
ช่วงเวลาที่เงินบาทแข็งค่าถือเป็นโอกาสที่ดีของนักลงทุนไทย ไม่ว่าจะเป็น
โอกาสเริ่มต้นลงทุนต่างประเทศ
การเริ่มต้นลงทุนในช่วงเงินบาทแข็งค่า ก็เท่ากับว่าคุณได้เปรียบคนอื่นๆ อยู่หลายเปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว ลองคิดเล่นๆ ว่าถ้าคุณลงทุนในช่วงที่เงินบาทแข็งค่าที่สุดตามสถิติที่ 29.76 บาท และถือมาจนถึงช่วงค่าเฉลี่ย 10 ปี ที่ 33.53 บาท เท่ากับว่าคุณจะได้กำไรจากค่าเงินไปแล้วกว่า 12% เลยทีเดียว
โอกาสเพิ่มทุนหรือ DCA
การทยอยลงทุนในหุ้น หรือกองทุนที่ซื้อขายเป็นสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ในตอนนี้ที่เงินบาทแข็ง ทำให้ได้ราคาทุนดีขึ้น เพราะเงินเท่าเดิมแต่ซื้อหุ้นได้เยอะขึ้น ช่วยถัวเฉลี่ยต้นทุนโดยรวมในระยะยาว และที่สำคัญถ้าคุณ DCA ไปเรื่อยๆ อย่างสม่ำเสมอก็จะช่วยให้คุณลดความเสี่ยงจากความผันผวนของค่าเงินได้อีกด้วย
คว้าโอกาสลงทุนกับ Jitta Wealth ช่วงเงินบาทแข็งค่า
ช่วงที่เงินบาทเราสามารถแลกเป็นดอลลาร์สหรัฐได้มากขึ้นแบบนี้ Jitta Wealth มีนโยบายที่ลงทุนเป็นสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐให้คุณเลือกลงทุน หรือเพิ่มทุนในนโยบายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Jitta Ranking สหรัฐฯ Global ETF หรือ Thematic
แต่ถ้าคุณยังตัดสินใจไม่ได้ ไม่รู้จะลงทุนอะไรดี แต่ไม่อยากพลาดโอกาสช่วงค่าเงินเรทดี ก็สามารถพักเงินไว้ที่ Jitta Money ก่อน แล้วค่อยย้ายไปลงทุนในนโยบายที่คุณต้องการได้เช่นกัน
ค่าเงินยังคงมีความผันผวนขึ้นลง แม้จะไม่สามารถบอกได้ว่าตอนนี้เป็นโอกาสที่ดีที่สุด แต่สำหรับการลงทุนระยะยาว เรทค่าเงินในปัจจุบันก็ถือเป็นโอกาสดีที่คุณไม่ควรพลาด
สนใจการลงทุนสามารถติดต่อเจ้าหน้าที่แนะนำการลงทุนของเราได้ที่ Line: @JittaWealth หรือ โทร 02-460-8888 ปรึกษาฟรี! ไม่มีค่าใช้จ่าย
