3 สิ่งที่มนุษย์เงินเดือนต้องเริ่ม ถ้าไม่อยากทำงานไปตลอดชีวิต

ไฮไลต์
- อนาคตที่ดีเริ่มได้จากสิ่งเล็กน้อย อย่างการตั้งเป้าหมายทางการเงินชัดเจน ว่าจะใช้ชีวิตแบบไหน อยากเกษียณเมื่อไร เป้าหมายที่ชัดเจนจะช่วยให้คุณติดสินใจเรื่องการเงินได้ง่ายขึ้น
- รายได้เยอะไม่สำคัญเท่ากับการวางแผนการเงินเป็นระบบ แบ่งสัดส่วนรายรับรายจ่าย เงินออม และเงินสำรองฉุกเฉินให้ชัดเจน
- เงินเฟ้อกัดกินมูลค่าเงิน เก็บอย่างเดียวไม่พอ ต้องให้เงินทำงานผ่านการลงทุน เริ่มจากเงินก้อนเล็กๆ ค่อยๆ สะสมความรู้ และประสบการณ์ต่อยอดไปเรื่อยๆ
- การเปลี่ยนแปลงชีวิตครั้งใหญ่ อาจเริ่มจากแค่การตั้งเป้าหมายเล็กๆ แล้วลงมือทำอย่างมีวินัย
ลองถามตัวเองเล่นๆ ว่า ถ้าอีก 10-20 ปีข้างหน้า เรายังต้องตื่นเช้าฝ่ารถติดไปทำงานเหมือนทุกวัน เราจะยังไหวไหม?
รายได้ที่เข้ามาทุกเดือนก็เหมือนแค่แวะมาทักทายในบัญชี ก่อนจะหายวับไปกับบิลค่าใช้จ่ายและหนี้สิน บางครั้งยังไม่ทันออมด้วยซ้ำ
แล้วถ้าวันหนึ่งเราเจ็บป่วย หรือทำงานต่อไม่ได้จริงๆ คำถามคือ… ใครจะดูแลเรา? เงินจะมาจากไหน?
ถ้าคำถามเหล่านี้เคยแวบขึ้นมาในใจ แปลว่า คุณพร้อมแล้วที่จะเปลี่ยนแปลงอนาคตทางการเงินของตัวเอง
วันนี้เราอยากชวนคุณเริ่มทำ ‘3 สิ่งสำคัญ’ ตั้งแต่วันนี้ เพื่ออนาคตดีๆ ที่คุณสามารถเลือกได้

1. ตั้งเป้าหมายทางการเงินให้ชัดเจน
การเงินที่ไม่มีเป้าหมายก็เหมือนการวิ่งโดยไม่รู้เส้นชัย ยิ่งวิ่งก็ยิ่งเหนื่อย แต่ไม่เคยถึงจุดหมาย
คุณอาจเริ่มจากคำถามง่ายๆ ว่าอยากมีชีวิตแบบไหน แล้วค่อยลงรายละเอียดของเป้าหมายให้ชัดขึ้น เช่น อยากเกษียณตอนอายุเท่าไร? อยากใช้ชีวิตแบบไหนเมื่อถึงวันนั้น
จะอยู่บ้านต่างจังหวัด เปิดร้านกาแฟเล็กๆ หรือเที่ยวรอบโลก และจะต้องมีเงินจำนวนเท่าไร หรือต้องมีรายได้มากแค่ไหนโดยไม่ต้องทำงาน ถึงจะตอบโจทย์เป้าหมายเหล่านั้นที่คุณต้องการ
เป้าหมายเหล่านี้คือ ‘เข็มทิศ’ ที่จะนำทางคุณ ทุกครั้งที่ตัดสินใจว่าจะใช้เงิน ซื้อของ หรือเลือกลงทุน เป้าหมายจะช่วยให้คุณไม่หลงทาง และตัดสินใจได้ง่ายขึ้น
2. วางแผนการเงินให้เป็นระบบ
การมีรายได้มากไม่ได้การันตีความมั่นคง แต่การบริหารเงินอย่างมีระบบต่างหากที่ทำให้ชีวิตไปต่อได้
หากคุณมีเป้าหมายที่ชัดเจนแล้ว การวางแผนการเงินอย่างเป็นระบบ จะเป็นตัวช่วยที่ดี ที่จะทำให้คุณไปสู่เป้าหมายได้สำเร็จ อาจเริ่มจาก แบ่งสัดส่วนรายรับรายจ่าย เงินออม และเงินสำรองฉุกเฉินให้ชัดเจน
หนึ่งในเครื่องมือที่ง่ายและทำได้จริงคือ กฎ 50/30/20
- 50% ใช้กับค่าใช้จ่ายจำเป็น เช่น ค่าบ้าน ค่าเดินทาง ค่าอาหาร
- 30% สำหรับไลฟ์สไตล์และความสุขส่วนตัว
- 20% สำหรับการออมและการลงทุน
แต่หากคุณให้ความสำคัญกับอนาคต อยากถึงเป้าหมายเร็วๆ อาจลองปรับเป็น 40/20/40 ลดไลฟ์สไตล์ลงเล็กน้อย แต่เพิ่มการออมและการลงทุนให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้ ก็จะช่วยให้เข้าใกล้เป้าหมายได้ไวขึ้น
อีกเคล็ดลับที่ไม่ควรมองข้ามคือ ‘ออมก่อนใช้’ ตั้งระบบโอนอัตโนมัติหักเงินเดือนเข้าบัญชีเงินออมทันที ไม่ต้องรอให้เหลือ เพราะถ้ารอ… มักจะไม่เหลือจริงๆ
3. เริ่มลงทุนให้เงินงอกเงย
มนุษย์เงินเดือนที่มีรายได้จำกัด การเอาแต่เก็บเฉยๆ อาจไปไม่ถึงเป้าหมาย เพราะเงินเฟ้อกำลังค่อยๆ กัดกินมูลค่าเงินทุกปี ทางเดียวที่ทำให้เงินงอกเงยคือ ‘การลงทุน’
การลงทุนไม่ใช่เรื่องไกลตัว ไม่ใช่การพนัน และไม่ใช่เรื่องของคนรวยเท่านั้น แต่คือ ‘ทางรอด’ ของคนธรรมดาอย่างเรา
คุณอาจเริ่มจากแบ่งเงินออมมาลงทุนในอะไรที่ง่ายๆ ค่อยๆ ลงทุนสะสมความรู้ ประสบการณ์ ต่อยอดไปเรื่อยๆ
วิธีที่ง่ายและเหมาะกับคนทำงานที่ไม่มีเวลา คือการลงทุนผ่าน กองทุนรวม หรือ Global ETF เพราะมีผู้เชี่ยวชาญช่วยคัดเลือกและจัดพอร์ตให้
โดยเฉพาะการลงทุนใน Global ETF ที่มีระบบจัดพอร์ตและคอยดูแลให้อัตโนมัติ กระจายความเสี่ยงไปทั่วโลก ทั้งหุ้นและตราสารหนี้คุณภาพดี
คุณสามารถลงทุนด้วยเงินน้อยๆ แต่ค่อยๆ ทยอยลงทุนอย่างสม่ำเสมอเท่ากันทุกเดือน หรือที่เรียกว่าการ DCA (Dollar-cost Averaging) ซึ่งจะช่วยถัวเฉลี่ยต้นทุน ไม่ต้องกังวลจังหวะตลาด ไม่ต้องเดาว่าตลาดจะขึ้นหรือลง ค่อยๆ เติบโตให้ผลตอบแทนทบต้นต่อไปเรื่อยๆ
เพราะการเปลี่ยนชีวิต ไม่จำเป็นต้องเริ่มจากก้าวที่ยิ่งใหญ่ แค่เริ่มจากสิ่งเล็กๆ และทำอย่างมีวินัย เช่น ตั้งเป้าหมายถึงเงิน 100,000 บาทแรก เก็บเงินให้ได้ตามเป้าทุกเดือน หรือกล้าที่จะศึกษาเรื่องการลงทุนสัก 10 นาทีต่อวัน ก็อาจเป็นจุดเริ่มต้นที่เปลี่ยนอนาคตคุณได้แล้ว