Skip to content - ข้ามไปที่เนื้อหา
Blog

พันธบัตรสหรัฐฯ ทางเลือกท่ามกลางกระแสค่าเงิน


Global ETF Jitta Money

ไฮไลต์

  • สหรัฐฯ ยังมีความไม่แน่นอนด้านเศรษฐกิจ แม้ตลาดหุ้นจะฟื้นตัว Fed ยังลังเลขึ้น-ลงดอกเบี้ย ขณะเดียวกันค่าเงินดอลลาร์มีแนวโน้มอ่อนค่าลง
  • พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ คือสินทรัพย์ที่มีความปลอดภัยสูง (Safe haven) มีทั้งระยะสั้น (T-Bills), กลาง (T-Notes), ยาว (T-Bonds), และแบบชดเชยเงินเฟ้อ (TIPS)
  • ปัจจุบันอัตราผลตอบแทนพันธบัตร 10 ปี อยู่ที่ 4.26–4.35% (ณ ก.ค. 2568) เป็นทางเลือกที่ดีในภาวะเศรษฐกิจชะลอ แต่ต้องระวังความเสี่ยงค่าเงิน (ดอลลาร์อ่อน)
  • นักลงทุนไทยสามารถลงทุนผ่าน ETF หรือกองทุนรวม
  • การลงทุนผ่าน ETF มีข้อดีคือกระจายความเสี่ยงสูง และใช้เงินเริ่มต้นไม่มาก

สถานการณ์เศรษฐกิจของสหรัฐฯ ยังคงซับซ้อน แม้ตลาดหุ้นจะกลับมาดูดี S&P 500 ทำ New High แต่ทางด้านเงินเฟ้อและเศรษฐกิจทำให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) มีท่าทีระมัดระวังในการตัดสินใจขึ้น-ลง ดอกเบี้ย 

รวมไปถึงความกังวลด้านหนี้สาธารณะที่ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ มีแนวโน้มอ่อนค่าจากช่วงปลายปี 2567 ที่เคยแข็งค่าแรง เพราะนักลงทุนคาดว่า Fed จะเริ่มผ่อนคลายนโยบายการเงิน ส่งผลให้สินทรัพย์สกุลดอลลาร์เริ่มมีความน่าสนใจลดลง และนักลงทุนลดการถือครองลง

เกิดเป็นคำถามตามมาว่าแล้วแบบนี้ยังสามารถลงทุนในพันธบัตรสหรัฐฯ ได้อยู่ไหม เราจะมาขยายเรื่องนี้กัน

พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ คืออะไร

พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ (U.S. Treasury Securities) คือ ตราสารหนี้ประเภทหนึ่งที่ออกโดยกระทรวงการคลังของสหรัฐฯ (U.S. Department of the Treasury) เพื่อระดมทุนสำหรับใช้จ่ายในโครงการต่างๆ ของรัฐบาล และเพื่อบริหารจัดการหนี้สาธารณะของประเทศ

พูดง่ายๆ ก็คือ การที่รัฐบาลสหรัฐฯ ‘กู้ยืมเงิน’ จากนักลงทุน (บุคคลทั่วไป บริษัท หรือแม้แต่รัฐบาลประเทศอื่น) โดยให้สัญญาว่าจะจ่ายดอกเบี้ยให้เป็นผลตอบแทนตามระยะเวลาที่กำหนด และจะชำระคืนเงินต้นทั้งหมดเมื่อครบกำหนดอายุของพันธบัตร

และการที่รัฐบาลสหรัฐฯ เป็นผู้ออกและค้ำประกัน จึงได้รับการยอมรับจากทั่วโลกว่าเป็น ‘สินทรัพย์ที่ปลอดภัยที่สุดในโลก’ (Safest Asset) ประเภทหนึ่ง เนื่องจากมีความเสี่ยงในการผิดนัดชำระหนี้ (Default Risk) ต่ำมาก ด้วยความน่าเชื่อถือของประเทศ ความสามารถในการจัดเก็บภาษีและมีขนาดเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลก 

พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ มีกี่ประเภท

พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ มีหลายประเภท ซึ่งมักถูกแบ่งตามระยะเวลาถือครอง 

  • ตั๋วเงินคลัง (Treasury Bills หรือ T-Bills) เป็นระยะสั้นไม่เกิน 1 ปี (มีอายุ 4, 8, 13, 17, 26 และ 52 สัปดาห์)
  • พันธบัตรระยะกลาง (Treasury Notes หรือ T-Notes) ระยะกลาง คือ 2, 3, 5, 7 และ 10 ปี
  • พันธบัตรระยะยาว (Treasury Bonds หรือ T-Bonds) ระยะยาวที่สุด คือ 20 และ 30 ปี
  • พันธบัตรชดเชยเงินเฟ้อ (Treasury Inflation-Protected Securities หรือ TIPS) มีทั้งระยะกลางและยาว (5, 10, และ 30 ปี)
ภาพ 3 ข้อควรรู้ ก่อนลงทุนพันธบัตรสหรัฐฯ 
1 ผลตอบแทนสูง เทียบกับความเสี่ยงที่ต่ำ 
สินทรัพย์ปลอดภัยชั้นดี ในภาวะเศรษฐกิจไม่แน่นอน (พันธบัตรอายุ 10 ปี ให้ผลตอบแทนอยู่ที่ราว 4.26% - 4.35%) 2 เป็นเครื่องมือกระจายความเสี่ยง ช่วยลดความผันผวนของพอร์ตจากการลงทุนในหุ้นเพียงอย่างเดียว 3 มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นจากอัตราแลกเปลี่ยน ผลตอบแทนอาจลดลงได้จากอัตราแลกเปลี่ยนในช่วงดอลลาร์สหรัฐมีแนวโน้มอ่อนค่า ถ้าอยากลงทุนแบบพอร์ตสูตรสำเร็จ ลงทุนในหุ้นทั่วโลก พันธบัตรสหรัฐ และหุ้นกู้เอกชนชั้นดีของสหรัฐฯ มากมาย ผ่าน ETF พร้อมปรับพอร์ตอัตโนมัติ ลงทุนเลยที่ Global ETF

พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ยังน่าลงทุนอยู่หรือไม่? 

ในสถานการณ์ปัจจุบัน (ณ วันที่ 4 กรกฎาคม 2568) พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ กลับมาเป็นทางเลือกการลงทุนที่น่าสนใจในรอบหลายปี ด้วยเหตุผลหลักคือ อัตราผลตอบแทน (Yield) ที่สูง ในจังหวะที่ดอกเบี้ยกำลังจะเปลี่ยนเป็นขาลง (พันธบัตรอายุ 10 ปี ให้ผลตอบแทนอยู่ที่ราว 4.26% – 4.35%)

และในภาวะที่เศรษฐกิจโลกยังคงมีความไม่แน่นอนสูง และมีความเสี่ยงที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ อาจชะลอตัวลง การมีพันธบัตรสหรัฐฯ ในพอร์ตจะช่วยกระจายความเสี่ยงได้เป็นอย่างดี

อย่างไรก็ตาม สำหรับนักลงทุนไทย มีความเสี่ยงสำคัญที่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบควบคู่กันไป เช่นความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน และความไม่แน่นอนของนโยบายการเงิน

ในปัจจุบันที่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐมีแนวโน้มอ่อนค่า ทำให้การลงทุนในพันธบัตรสหรัฐฯ มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น  ซึ่งคุณสามารถลงทุนผ่านกองทุนรวมที่มีนโยบาย ป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน แต่ก็ต้องแลกมาด้วยค่าธรรมเนียมที่สูงมากขึ้น 

อย่างไรก็ตามพันธบัตรสหรัฐฯ ยังเป็น ‘แหล่งพักเงิน’ สำคัญของนักลงทุนทั่วโลก โดยเฉพาะในยามที่เศรษฐกิจมีความไม่แน่นอน

ทางเลือกการลงทุนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ สำหรับนักลงทุนไทย

ปัจจุบันนักลงทุนสามารถเข้าถึงการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ได้ง่ายขึ้นผ่านกองทุนรวม และ ETF ซึ่งมีข้อดีคือการกระจายความเสี่ยง เช่น ETF กองเดียวถือครองพันธบัตรจำนวนมากหลากหลายรุ่นอายุ ทำให้ความเสี่ยงกระจายออกไป ไม่ได้กระจุกตัวอยู่ที่พันธบัตรตัวใดตัวหนึ่ง 

และที่สำคัญคือสภาพคล่องสูง สามารถซื้อขายได้ง่ายเหมือนหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ ผ่านบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ ไม่ต้องรอจนครบกำหนดอายุเหมือนการซื้อพันธบัตรโดยตรง และใช้เงินลงทุนน้อย สามารถเริ่มต้นลงทุนด้วยเงินจำนวนไม่มาก

และการลงทุนผ่าน ETF คุณสามารถเลือกได้ว่าจะลงทุนในลักษณะไหน ระยะสั้น ระยะยาว หรือผสมผสาน

หรือถ้าคุณอยากจัดพอร์ตลงทุนในพันธบัตรสหรัฐ ร่วมกับหุ้น สามารถลงทุนผ่านนโยบาย Global ETF ที่จัดพอร์ตให้คุณลงทุนในหุ้นทั่วโลก ร่วมกับพันธบัตรสหรัฐฯ และหุ้นกู้เอกชนชั้นดีสหรัฐฯ ผ่าน ETF ที่เราคัดสรรมาให้แล้ว ที่สำคัญค่าธรรมเนียมบริหารจัดการต่ำอีกด้วย 

เราจะคอยปรับพอร์ตบาลานซ์สัดส่วนให้คุณอัตโนมัติด้วย ให้พอร์ตของคุณเติบโตในระยะยาวอย่างมั่นคง

หรือหากคุณต้องการพักเงินระยะสั้นๆ Jitta Wealth มีตัวเลือกลงทุนพันธบัตรสหรัฐฯ ระยะสั้น ในนโยบาย Jitta Money อีกด้วย

หากสนใจการลงทุนสามารถติดต่อเจ้าหน้าที่แนะนำการลงทุนของเราได้ที่ Line: @JittaWealth หรือ โทร 02-460-8888 ปรึกษาฟรี! ไม่มีค่าใช้จ่าย