จากเงินค่าขนมสู่พอร์ต 10 ล้าน บทเรียนการเงินจากคุณบอย Pantip
ไฮไลต์
- เริ่มทำบัญชีตั้งแต่ ป.6 เก็บเงินเองจนมีแสนแรกตอนเรียนจบ
- เก็บครบล้านแรกในวัย 30 ปี พร้อมบทเรียนว่า ข่าวร้ายคือโอกาส
- Jitta Ranking หุ้นเวียดนาม พาพอร์ตโตแตะ 10 ล้านตอนอายุ 40
- ตั้งเป้าใหม่ 100 ล้านในวัยเกษียณ พร้อมวินัย DCA ลงทุนอย่างสม่ำเสมอ
ใน Jitta Wealth Live ตอนล่าสุด คุณเผ่า ตราวุทธิ์ เหลืองสมบูรณ์ CEO และ คุณอ้อ พรทิพย์ กองชุน CGO ของ Jitta Wealth มีโอกาสพูดคุยกับ คุณบอย อภิศิลป์ ตรุงกานนท์ Co-founder เว็บไซต์ Pantip.com เว็บบอร์ดยุคแรกที่อยู่คู่คนไทยนานกว่า 20 ปี
ในไลฟ์ครั้งนี้ เขาไม่ได้มาเล่าเรื่องเทคโนโลยีหรือการสร้างคอมมูนิตีออนไลน์อย่างที่เคยทำ แต่จะมาแชร์มุมมองการเงินส่วนตัว จากเงินค่าขนมของเด็กประถม เติบโตมาเป็นพอร์ต 10 ล้านได้สำเร็จ พร้อมเป้าหมายใหม่ที่ใหญ่กว่าเดิม
จากเงินค่าขนมสู่หนึ่งแสนแรก
คุณบอยเริ่มสนใจเรื่องเงินตั้งแต่สมัยเรียน ป.6 เพราะเติบโตมากับครอบครัวนักบัญชี ที่บ้านมีทั้งคอมพิวเตอร์และหนังสือสอนใช้งาน Lotus 1-2-3 เขาจึงลองทำบัญชีรายรับรายจ่ายเองจากค่าขนมที่พ่อแม่ให้ บันทึกทุกวันว่าใช้เงินไปกับอะไรบ้าง จนติดเป็นนิสัยมาจนถึงปัจจุบัน
จุดเริ่มต้นของการหาเงินเองเกิดขึ้นตอน ม.5 จากการแข่งวัฏจักรคอมพิวเตอร์ที่ได้เงินรางวัล 2,000 บาท และถูกพาไปเปิดบัญชีธนาคาร นั่นทำให้เขารู้สึกสนุกกับการเห็นตัวเลขในบัญชีขยับเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ต่อมาเมื่อเข้ามหาวิทยาลัย ความสามารถด้านการเขียนโปรแกรมก็ทำให้เริ่มมีรายได้เสริม รับจ้างทำระบบแบบสอบถามให้นักศึกษาปริญญาโท ค่าจ้างครั้งละ 3,000-4,000 บาท แม้จะไม่มาก แต่ก็สะสมเป็นเงินก้อน
เป้าหมายแรกที่เขาตั้งไว้คือ อยากเห็นเงินเก็บแตะหลักแสนให้ได้ก่อนเรียนจบ และสุดท้ายก็ทำสำเร็จจริงๆ ด้วยเงินที่หามาเองทั้งหมด (ยกเว้นปีแรกที่ยังมีค่าขนมจากที่บ้าน) ซึ่งพ่อแม่ช่วยเฉพาะค่าเทอมและค่าหนังสือ ส่วนค่าใช้จ่ายอื่นๆ เขาหาเองหมด จนกลายเป็นแสนแรกที่สร้างความภูมิใจ และเป็นแรงบันดาลใจในการเดินหน้าต่อกับเส้นทางการเงินของตัวเอง
หนึ่งล้านแรกและบทเรียนจากหุ้น
เป้าหมายถัดไปของคุณบอยคือ อยากมี 1 ล้านแรกตอนอายุ 30 ปี ซึ่งเขาก็ตั้งเป้าหมายไปก่อนโดยที่ยังไม่รู้ว่าจะทำให้สำเร็จด้วยวิธีไหน แต่คุณบอยก็ไม่ได้เคร่งเครียดกับเป้าหมายมากถึงขั้นว่าแต่ละปีต้องทำให้ได้เท่าไหร่ รายเดือน รายสัปดาห์ ต้องทำให้ได้เท่าไหร่ เพราะยอมรับว่าปัจจัยบางอย่างมันก็ควบคุมไม่ได้
หลังเรียนจบ คุณบอยเริ่มงานประจำที่ Pantip ด้วยเงินเดือนเริ่มต้น 20,000 บาท ซึ่งถือว่าดีมากในยุคนั้น ด้วยความที่ค่าใช้จ่ายตอนเรียนจบใหม่ๆ ยังไม่มาก คุณบอยจึงแบ่งเงินเดือนครึ่งหนึ่งไปฝากเงินฝากประจำ 24 เดือน รวมเป็นเงินก้อนกว่า 240,000 บาท
คุณบอยนำเงินก้อนนั้นไปลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลตามคำแนะนำของพ่อแม่ ซึ่งตอนนั้นตัวเขาเองก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพันธบัตรคืออะไร รู้แต่ว่ามั่นคง จ่ายดอกเบี้ยตรงตามสัญญา และได้เงินต้นคืนเมื่อครบกำหนด ซึ่งข่าวสารว่าซื้อที่ไหน อย่างไร ก็มาจากพ่อแม่ที่ลงทุนอยู่ก่อนแล้ว
ช่วงที่ใกล้จะได้ 1 ล้านบาทแรก คุณบอยเริ่มสนใจการลงทุนในหุ้น โดยได้แรงบรรดาลใจจากการอ่านหนังสือ ‘ตีแตก’ ของ ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร และเริ่มติดตามแนวคิดการลงทุนแบบเน้นคุณค่า (Value Investing: VI) อย่างจริงจัง แต่ถึงอย่างนั้น คุณบอยก็ไม่ได้ประสบความสำเร็จจากการเล่นหุ้น
อย่างไรก็ตาม ช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่คุณบอยได้หลายบทเรียนจากการลงทุน โดยเฉพาะการเข้าซื้อหุ้นดีราคาถูกในช่วงที่มีข่าวร้าย ซึ่งเป็นบทเรียนที่ทำให้คุณบอยตัดสินใจเข้าซื้อกองทุน Jitta Ranking หุ้นสหรัฐฯ ในช่วงวิกฤติ Covid-19
ถึงเส้นทางการลงทุนในช่วงแรกของคุณบอยจะไม่ค่อยสดใสนัก แต่ท้ายที่สุดคุณบอยก็ไปถึงล้านแรกได้สำเร็จ ส่วนหนึ่งมาจากการเลือกหุ้นถูกตัวด้วยตัวหนึ่ง ซึ่งคุณบอยก็แอบเสียดายที่ตัดสินใจซื้อไปเพียงเล็กน้อย นอกจากนี้ ยังเป็นผลจากการลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ และเงินเดือนที่เพิ่มขึ้นด้วย
สิบล้านด้วยวินัยและ Jitta Wealth
หลังจากบรรลุเป้าหมายล้านแรก คุณบอยก็ตั้งเป้าหมายใหม่ในช่วงเรียนปริญญาโท ซึ่งเป็นจังหวะที่ได้ลงเรียนวิชาการเงิน และเริ่มมองเห็นโลกการลงทุนในมิติที่ลึกขึ้นกว่าเดิม จากเดิมที่เคยอ่านตีแตกของ ดร.นิเวศน์ ที่เน้นดูราคาต่อกำไร (ค่า P/E) เป็นหลัก มาสู่การเรียนรู้วิธีประเมินมูลค่าที่แท้จริงของหุ้นแต่ละตัว
แม้จะได้ฝึกทำการบ้านประเมินมูลค่าบริษัทจริงๆ แต่คุณบอยก็ยอมรับว่ามันเป็นงานที่ใช้พลังมาก จึงย้อนกลับไปคิดถึงคำสอนของอาจารย์สมัยเรียนวิศวะ ที่เคยบอกว่า งานบางอย่างคือ ‘งานตัวบวก’ ต้องลงแรงและเวลาเองเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ ขณะที่ ‘งานตัวคูณ’ คือการสร้างเครื่องจักรที่ทำงานแทนเรา
แต่สิ่งที่อาจารย์ทิ้งไว้โดยไม่เฉลยคือ ‘งานยกกำลัง’ ซึ่งคุณบอยมองว่ามันคือต้นทุนที่ถูกนำไปทบต้นในโลกการเงิน ทำให้กราฟเติบโตแบบก้าวกระโดด จากแนวคิดนี้เอง คุณบอยจึงวางเป้าหมายใหม่ที่ท้าทายกว่าเดิม คือการสร้างเงินให้ได้ 10 ล้านบาทภายในอายุ 40 ปี
ในตอนนั้นคุณบอยมีโอกาสได้พบกับ คุณฮั้น ศิระ สัจจินานนท์ CTO และ Co-founder ของ Jitta ที่แนะนำเครื่องมืออย่าง Jitta Line และ Jitta Score มาให้ ซึ่งช่วยประเมินมูลค่าและคุณภาพของหุ้นโดยไม่ต้องคำนวณเองให้ยุ่งยาก ซึ่งคุณบอยก็ลองใช้เครื่องมือดังกล่าวกับหุ้นไทย โดยเลือกลงทุน Top 5 ตามระบบ แรกๆ ก็มีทั้งหุ้นที่บวกแรงและติดลบบ้าง แต่รวมแล้วมีกำไร เมื่อครบปีจึงรีบาลานซ์พอร์ตใหม่
ทว่าการทำงานประจำทำให้เขาเริ่มรู้สึกขี้เกียจจัดการพอร์ตด้วยตัวเอง โชคดีที่ช่วงนั้น Jitta Wealth เปิดตัวกองทุน Jitta Ranking ที่ช่วยจัดการทุกอย่างให้อัตโนมัติ ตั้งแต่เลือกหุ้นจนถึงปรับพอร์ต คุณบอยจึงตัดสินใจใช้บริการ
แม้การลงทุนในหุ้นไทยจะเผชิญภาวะตลาดที่ไม่สู้ดีนัก และทำให้เขาขาดทุน แต่คุณบอยก็มีแบ่งเงินลงทุนไปลงทุนใน Jitta Ranking หุ้นเวียดนาม เพราะเห็นโอกาสเติบโต ซึ่งกลายเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้พอร์ตของคุณบอยเติบโตแตะ 10 ล้านบาทภายในอายุ 40 ปีตามเป้าหมายได้สำเร็จ
และแม้ตลาดเวียดนามจะเจอกับความผันผวน เคยบวกแรง ลงแรง และกลับมาบวก แต่คุณบอยก็ยังคงเชื่อมั่นในการเลื่อนสถานะตลาดและโอกาสเติบโตระยะยาว
เป้าหมายร้อยล้านก่อนเกษียณ
วันนี้คุณบอยตั้งเป้าหมายใหม่ที่ใหญ่กว่าเดิม คืออยากมีเงิน 100 ล้านบาทก่อนอายุ 60 ปี หนึ่งในก้าวสำคัญคือการลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ช่วง Covid-19 ผลลัพธ์คือ พอร์ตโตขึ้นเรื่อยๆ จากบวก 100% ใน 3 ปี 3 เดือน เป็นบวก 150% ใน 4 ปี 4 เดือน และเป็นบวก 200% ใน 5 ปี 5 เดือน
คุณบอยบอกว่า “วิกฤติของคนอื่น คือโอกาสของเรา” คุณบอยเชื่อเช่นนั้นเพราะผ่านมาแล้วหลายวิกฤติ ตั้งแต่วิกฤติต้มยำกุ้งปี 2540 จนถึงซับไพรม์ปี 2551 ทำให้เข้าใจว่า ทุกๆ 10 ปีจะมีโอกาสครั้งใหญ่ซ่อนอยู่เสมอ แต่ที่สำคัญคือต้อง DCA หรือลงทุนอย่างสม่ำเสมอด้วย เพราะคุณบอยพิสูจน์มาแล้วว่า การ DCA ช่วยให้พอร์ตกลับมาบวกได้ แม้จะเข้าผิดจังหวะก็ตาม
แต่สุดท้ายคุณบอยก็เจอปัญหาเหมือนสมัยซื้อหุ้นรายตัว คือ จะซื้อประเทศไหนดี
ซึ่งตรงกับที่ Jitta Wealth เปิดตัว Jitta Ranking Alpha พร้อมกับเครื่องมือ Market Prediction ที่ประเมินมาแล้วว่า ตลาดไหนมีหุ้นดีราคาถูก และโอกาสเติบโตที่ดีกว่ากันในแต่ละปี คุณบอยจึงโยกเงินบางส่วนมาลงทุนใน Jitta Ranking Alpha
นอกเหนือจากการลงทุน คุณบอยยังจัดการการเงินอย่างรอบคอบ เช่น การใช้กองทุนลดหย่อนภาษี หรือแม้แต่การรีไฟแนนซ์คอนโดมิเนียมทุก 3 ปีเพื่อลดดอกเบี้ย ตลอดจนการเลือกใช้บัตรเครดิตและโปรโมชันต่างๆ ให้คุ้มค่า
เมื่อถามว่า หากถึงเป้าหมายร้อยล้านแล้วจะใช้เงินอย่างไร คุณบอยตอบชัดว่า ไม่ได้อยากซื้อของแบรนด์เนม แต่จะใช้กับ ‘ประสบการณ์ชีวิต’ โดยเฉพาะการท่องเที่ยว เพราะเชื่อว่าความสุขจากการเดินทางจะอยู่กับเราได้นานกว่าการซื้อของชิ้นใดๆ และถ้าวันหนึ่งเก็บครบ 100 ล้านจริงๆ สัญญาไว้แล้วว่า จะพาแฟนนั่ง Business Class ไปเที่ยวทั่วโลกให้สมใจ
ทั้งหมดนี้เป็นไฮไลต์ที่เรานำมาสรุปให้คุณ ใน Live ฉบับเต็มยังมีเรื่องราวสาระการลงทุนดีๆ พร้อมรายละเอียดในเรื่องราวต่างๆ อีกมากมาย สามารถเข้าไปรับชมได้เลยที่ YouTube: เงินแสน → สิบล้าน สู่เป้าต่อไป 100 ล้าน! ด้วยวิธีลงทุนของ บอย อภิศิลป์ Pantip | AMA Ep.15
หากคุณสนใจอยากรับชม Live ของเราแบบสดๆ ในโอกาสต่อไปติดตามเราได้ที่ Facebook หรือ Youtube ของ Jitta Wealth ได้เลย
