Skip to content - ข้ามไปที่เนื้อหา
blog

ฝันร้ายของ Isaac Newton แม้แต่อัจฉริยะก็ขาดทุนจากตลาดหุ้น


All Category

ไฮไลต์

  • Sir Isaac Newton อัจฉริยะผู้ค้นพบแรงโน้มถ่วง ก็ยังเคยขาดทุนหนักจากหุ้น เพราะปล่อยให้อารมณ์มากำหนดการตัดสินใจ
  • ฟองสบู่ไม่ได้เกิดขึ้นครั้งเดียว แต่เกิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า ตั้งแต่ Tulip Mania ถึงฟองสบู่ดอทคอม และยังคงเป็นกับดักที่นักลงทุนทุกยุคต้องเผชิญ
  • บทเรียนสำคัญคือ อย่าให้อารมณ์ครอบงำ ต้องกระจายการลงทุน และการลงทุนที่แท้จริง คือการสร้างผลตอบแทนระยะยาว ไม่ใช่หวังกำไรสั้นๆ

ใครๆ ก็รู้จัก Sir Isaac Newton ในฐานะนักวิทยาศาสตร์ผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดคนหนึ่งของโลก เขาคือคนที่อธิบายกฎแรงโน้มถ่วง กำหนดทฤษฎีการเคลื่อนที่ของวัตถุ และสร้างรากฐานของคณิตศาสตร์แคลคูลัส แต่สิ่งที่หลายคนอาจไม่เคยรู้มาก่อนคือ Newton เองก็เคย ‘พลาด’ อย่างเจ็บปวดในตลาดหุ้น

เรื่องนี้เกิดขึ้นในปี 1720 หรือประมาณ 300 ปีก่อน ก่อนตลาดหุ้นอังกฤษจะถูกจัดตั้งอย่างเป็นทางการ เมื่อ Newton ขาดทุนหนักจนแทบหมดตัวจาก ‘วิกฤติเซาท์ซี’ (South Sea Bubble) หนึ่งในฟองสบู่การเงินที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ และยังคงเป็นกรณีศึกษาสำคัญของโลกการลงทุนมาจนถึงทุกวันนี้

Newton ไปลงทุนในบริษัทเซาท์ซี (South Sea Company) และแม้จะทำกำไรได้ในรอบแรก แต่เขากลับเข้าไปซื้อตอนที่ราคาหุ้นขึ้นสูงสุดอีกครั้งเพราะเห็นคนรอบตัวกำไร ก่อนจะสูญเงินมหาศาลเมื่อฟองสบู่แตก เหตุการณ์นี้ถูกเรียกว่า ‘ฝันร้ายของ Isaac Newton’ และมันสอนเราว่า

แม้อัจฉริยะก็ไม่อาจเอาชนะ ‘ความโลภและความบ้าคลั่งของมนุษย์’ ในตลาดได้

ต้นกำเนิดฟองสบู่

South Sea Company ก่อตั้งขึ้นในปี 1711 โดยมีเป้าหมายทำการค้ากับอเมริกาใต้ ซึ่งในเวลานั้นอยู่ภายใต้อาณานิคมของสเปน อังกฤษคาดว่าจะได้สิทธิพิเศษทางการค้า และสร้างกำไรอย่างมหาศาล

รัฐบาลอังกฤษเองก็เข้ามาหนุนหลังบริษัท โดยอนุญาตให้ South Sea Company เข้าซื้อหนี้สาธารณะของอังกฤษ แลกกับสิทธิการผูกขาดการค้า ซึ่งความสัมพันธ์ที่แนบแน่นกับรัฐ ทำให้นักลงทุนมั่นใจว่าอนาคตบริษัทจะสดใสแน่นอน

เมื่อมีข่าวลือและโฆษณาแพร่ออกไป ราคาหุ้นก็พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว จาก 100 ปอนด์ กลายเป็น 1,000 ปอนด์ ภายในระยะเวลาไม่ถึงปี โดยมีนักลงทุนเข้ามาลงทุนจากทุกชนชั้น ตั้งแต่ราชวงศ์ นักการเมือง ไปจนถึงพ่อค้าแม่ขาย แห่กันเข้ามาซื้อหุ้น เพราะไม่อยากตกขบวน 

Newton เข้าสู่ตลาด

Newton เองก็ไม่ต่างกัน เขาเข้าซื้อหุ้น South Sea Company ในช่วงที่ราคาปรับขึ้นแตะ 200 ปอนด์ และตัดสินใจขายออกในช่วงที่ราคาปรับขึ้นแตะ 300 ปอนด์ เพราะได้กำไรมากพอสมควรแล้ว ซึ่งถือเป็นการตัดสินใจที่ดีในตอนแรก

แต่สิ่งที่ทำให้ Newton เจ็บหนัก คือ หลังจากเขาขายหุ้น ราคาหุ้นก็ยังพุ่งขึ้นเรื่อยๆ เพื่อนฝูงและคนรอบตัวร่ำรวยจากหุ้น South Sea ในขณะที่เขาได้กำไรเพียงเล็กน้อย Newton จึงถูก ‘ความกลัวที่จะพลาด’ (Fear of Missing Out: FOMO) เล่นงาน เพราะเขาไม่อยากเป็นคนเดียวที่พลาดโอกาส

Newton ตัดสินใจกลับเข้าไปซื้อหุ้น South Sea รอบใหม่ในราคาที่สูงกว่าเดิมมากที่ 700 ปอนด์ ซึ่งหุ้นก็ขึ้นต่อไปจนถึง 1,000 ปอนด์อย่างที่เขาคาดหวังเอาไว้จริงๆ แต่แล้วไม่นานฟองสบู่ก็แตก หุ้นร่วงลงมาอย่างรวดเร็ว เข้าสูญเงินไปกว่า 20,000 ปอนด์ ซึ่งถ้าคิดเป็นมูลค่าปัจจุบันก็หลายล้านปอนด์

คำพูดที่กลายเป็นตำนาน

หลังเจ็บหนัก ถึงขั้นว่าห้ามลูกศิษย์ทุกคนพูดชื่อหุ้น South Sea เขาได้กล่าววลีอมตะว่า “I can calculate the movement of the stars, but not the madness of men.” หรือ “ผมสามารถคำนวณการเคลื่อนที่ของดวงดาวได้ แต่ไม่อาจคำนวณความบ้าคลั่งของมนุษย์ได้”

ประโยคนี้ยังคงถูกอ้างถึงซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพื่อเตือนนักลงทุนทุกยุคทุกสมัยว่า ตลาดการเงินไม่ได้ขับเคลื่อนด้วยเหตุผลล้วนๆ แต่มันถูกกำหนดด้วยอารมณ์ ความโลภ และความกลัว ของผู้คน

ฟองสบู่เกิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า

South Sea Bubble ไม่ใช่ฟองสบู่ครั้งแรก และแน่นอนว่า ไม่ใช่ครั้งสุดท้ายด้วยเช่นกัน ในประวัติศาสตร์การเงินที่ผ่านมา ฟองสบู่เกิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่ว่าจะเป็น

  • Tulip Mania (1636-1637): ชาวดัตช์แห่ซื้อหัวดอกทิวลิป ราคาพุ่งสูงกว่าบ้านหนึ่งหลัง ก่อนจะพังทลาย
  • Railway Mania (1845-1847): คนอังกฤษแห่ลงทุนหุ้นทางรถไฟ คาดหวังเชื่อมต่อทั่วประเทศ แต่สุดท้ายหลายโครงการไม่เกิดจริง หุ้นร่วง นักลงทุนเจ็บตัว
  • Japanese Asset Price Bubble (1986-1990): หุ้นและอสังหาริมทรัพย์ญี่ปุ่นพุ่งสูง ก่อนฟองสบู่แตก เศรษฐกิจเข้าสู่ ‘ทศวรรษที่หายไป’
  • Dot-com Bubble (1997-2000): นักลงทุนสหรัฐฯ แห่ซื้อหุ้นเทคโนโลยีโดยไม่สนกำไรจริง สุดท้ายฟองสบู่แตก
  • Global Financial Crisis (2007-2009): ฟองสบู่อสังหาริมทรัพย์และซับไพรม์ในสหรัฐฯ ที่ท้ายที่สุดลามไปทั่วโลก
  • Bitcoin Bubble (2013 2017 และ 2021): ราคาพุ่งแรงจาก FOMO และความหวังรวยไว เหรียญถูกปั่นขึ้นหลายเท่าก่อนร่วงหนัก นักลงทุนจำนวนมากเจ็บตัว

นี่คือธรรมชาติของตลาด ที่ความโลภและความกลัว ทำให้คนจำนวนมากวิ่งเข้าไปซื้อตอนใกล้จุดสูงสุดเสมอ

บทเรียนจาก Newton

แม้จะผ่านมา 300 ปีแล้ว แต่ตลาดหุ้นก็ไม่ต่างไปจากเดิม นักลงทุนยุคนี้ก็ยังเผชิญปัญหา เช่น ไล่ซื้อหุ้นตามกระแส ขายหมูเพราะกลัว ลงทุนแบบไม่กระจายความเสี่ยง ฯลฯ เราจึงสรุปบทเรียนจาก Newton มาให้สั้นๆ ว่า

อัจฉริยะก็แพ้พลังของอารมณ์

Newton คิดเลขคำนวณจักรวาลได้ แต่พอเจอแรงกดดันจากคนรอบตัว กลับตัดสินใจตามฝูงชน แบบไม่ใช่การคิดเชิงเหตุผลเหมือนงานวิทยาศาสตร์ ทำให้ตลาดหุ้นเล่นงานเขา

FOMO คือกับดักอันตราย

เขาเคยขายทำกำไรไปแล้ว แต่ทนไม่ได้ที่เห็นเพื่อนๆ รวยต่อ เกิดความกลัวที่จะพลาด จึงกลับเข้าไปซื้อใหม่ในราคาที่แพงกว่าเดิมมาก สุดท้ายพอร์ตพังพินาศ

ไม่กระจายความเสี่ยง

Newton เทเงินก้อนใหญ่ไปกับหุ้นเดียว (South Sea Company) แทนที่จะแบ่งเงินลงทุนในสินทรัพย์อื่นๆ ด้วย เมื่อฟองสบู่แตกจึงเจ็บตัวเต็มๆ

การอยู่รอดสำคัญกว่ากำไรครั้งเดียว

เป้าหมายของการลงทุนไม่ใช่การทำกำไรสูงสุด แต่คือการรักษาพอร์ตให้ผ่านวิกฤติไปได้ เพราะถ้าเสียหายหนัก ก็หมดโอกาสสร้างความมั่งคั่งในอนาคต (แต่ถ้าได้กำไรมากๆ ก็ควรแบ่งขาย กระจายการลงทุนไปสินทรัพย์อื่นๆ ด้วย)

ให้ AI ช่วยหลีกเลี่ยงฝันร้าย

น่าเสียดายที่ในยุคของ Newton ยังไม่มีเทคโนโลยีที่จะช่วยให้นักลงทุนจัดพอร์ตได้อย่างมีระบบ จึงปล่อยให้อารมณ์และกระแสสังคมครอบงำ จนต้องเจอกับฝันร้ายจาก South Sea Bubble

แต่ในวันนี้ นักลงทุนมีทางเลือกที่ดีกว่า ด้วยการใช้ ‘ปัญญาประดิษฐ์’ (AI) เข้ามาช่วยจัดพอร์ตลงทุน ไม่ว่าจะเป็นการคัดเลือกหุ้นดีราคาถูก ค้นหาธีมการลงทุนที่น่าสนใจ ไปจนถึงปรับพอร์ตให้อัตโนมัติเมื่อสัดส่วนเปลี่ยนไปจากแผนที่วางไว้ ทำให้เราลงทุนได้อย่างมีวินัย และลดการตัดสินใจด้วยอารมณ์

นี่คือสิ่งที่ Jitta Wealth พัฒนาขึ้นมา ผ่านการใช้ AI และข้อมูลจำนวนมหาศาล เพื่อสร้างพอร์ตที่แข็งแรงพอจะรับมือได้กับทุกสภาวะตลาด นักลงทุนไม่จำเป็นต้องวิ่งตามข่าวลือหรือความผันผวน แต่ให้ระบบอัจฉริยะช่วยทำงานแทน

และแม้ตลาดหุ้นจะยังคงผันผวนเหมือนเมื่อ 300 ปีก่อน แต่สำหรับผู้ที่มองการลงทุนระยะยาว ทุกช่วงเวลาล้วนเป็นโอกาสที่จะเริ่มต้นหรือขยายพอร์ตให้เติบโตต่อไป โดยเฉพาะเมื่อมี AI และระบบที่มีวินัยเข้ามาช่วยจัดการความเสี่ยง

หากคุณสนใจการลงทุนอย่างมีหลักการ และอยากให้ AI ช่วยหลีกเลี่ยง ‘ฝันร้าย’ แบบ Newton สามารถติดต่อเจ้าหน้าที่แนะนำการลงทุนของ Jitta Wealth ได้ฟรี ผ่าน Line: @JittaWealth หรือโทร 02-460-8888 เพื่อรับคำปรึกษาโดยไม่มีค่าใช้จ่าย