เกษียณแล้วยังลงทุนได้! เปิดแนวคิดใหม่ของการจัดพอร์ตยุค AI
ไฮไลต์
- เกษียณแล้ว ไม่ได้แปลว่าต้องหยุดลงทุนอีกต่อไป เพราะเทคโนโลยี AI และระบบจัดพอร์ตอัตโนมัติ ช่วยให้คุณสามารถลงทุนหลังเกษียณได้อย่างอุ่นใจมากขึ้น
- แนวคิดใหม่ของการลงทุนยุคนี้คือ Let Profit Run ให้พอร์ตเติบโตต่อ แม้เริ่มถอนเงินมาใช้แล้วบางส่วน เพราะระบบ AI จะช่วยบริหารจัดพอร์ตให้อยู่ในสมดุลที่เหมาะสมตลอดเวลา
- ไม่ว่าคุณจะเกษียณแล้ว แต่ยังมีรายได้หรือไม่ ก็สามารถลงทุนต่อได้ ผ่านพอร์ต Omni Fund (เริ่มต้นเพียง 1,000 บาท) และ Global ETF (เริ่มต้น 10,000 บาท)
- ลงทุนอย่างมีระบบ เพียงถอนปีละ 5% จากผลตอบแทนเฉลี่ย 7-8% ต่อปี เงินต้นก็ยังอยู่ และเติบโตต่อเนื่องได้
- เพราะเกษียณ คือจุดเริ่มต้นของอิสรภาพทางการเงิน ไม่ใช่จุดจบของการลงทุนอีกต่อไป
หลายคนเชื่อว่า พอเกษียณแล้วควรหยุดลงทุน เพราะไม่อยากเสี่ยงกับความผันผวนของตลาด หรือกลัวว่าเงินเก็บทั้งชีวิตจะหายไปในพริบตา แต่ในความเป็นจริง ลงทุนหลังเกษียณ ยังเป็นทางเลือกที่สำคัญในการรักษาและต่อยอดความมั่งคั่งได้ หากวางแผนและจัดพอร์ตอย่างเหมาะสม
เพราะในยุคที่เทคโนโลยี AI และระบบจัดพอร์ตอัตโนมัติเข้ามามีบทบาทมากขึ้น นักลงทุนไม่จำเป็นต้องหยุดให้เงินทำงาน แม้ตัวเองจะหยุดทำงานแล้วก็ตาม การลงทุนหลังเกษียณ นอกจากเรื่องของความเสี่ยงแล้ว ยังมี ‘โอกาส’ ให้พอร์ตเติบโตอย่างมั่นคงภายใต้การดูแลของเทคโนโลยีที่ฉลาดขึ้นทุกวัน
จากทฤษฎีเก่า… สู่แนวคิดใหม่ ‘ลงทุนหลังเกษียณ’
ในอดีต ทฤษฎีการลงทุนมักบอกว่า
- ช่วงวัยทำงานควรลงทุนในหุ้นเยอะๆ เพราะยังมีเวลาให้พอร์ตฟื้นตัวได้
- พออายุมากขึ้น ค่อยลดความเสี่ยง เพิ่มสัดส่วนตราสารหนี้
- และเมื่อถึงวัยเกษียณ… ควรหยุดลงทุน แล้วค่อยๆ ถอนเงินมาใช้
แต่แนวคิดนี้อาจไม่เหมาะกับโลกยุคใหม่อีกต่อไป เพราะลงทุนหลังเกษียณ ไม่จำเป็นต้องหยุดอยู่กับที่อีกแล้ว
สมัยก่อน นักลงทุนต้องบริหารพอร์ตเองทั้งหมด ตั้งแต่เลือกกองทุน จัดสัดส่วน ไปจนถึงตัดสินใจซื้อขายในแต่ละช่วงเวลา ซึ่งอาจสร้างทั้งความเครียดและความเสี่ยงโดยไม่จำเป็น
แต่วันนี้ เทคโนโลยีเข้ามาช่วยดูแลทุกขั้นตอน ตั้งแต่คัดเลือกสินทรัพย์ กระจายความเสี่ยง ไปจนถึงปรับพอร์ตให้อัตโนมัติ ทำให้การลงทุนหลังเกษียณเป็นเรื่องง่าย และยังสามารถให้พอร์ตเติบโตต่อเนื่องได้ โดยไม่ต้องหยุดให้เงินทำงาน
Let Profit Run ให้พอร์ตโตต่อแม้เกษียณแล้ว
ในอดีต คนส่วนใหญ่มักคิดว่า เมื่อถึงวัยเกษียณควรหยุดลงทุน เพราะไม่มีรายได้ประจำ และไม่อยากเสี่ยงกับความผันผวนของตลาด แต่ในยุคนี้แนวคิดนั้นเริ่มเปลี่ยนไปแล้ว
“สมัยก่อน คนเกษียณต้องหยุดลงทุนเพราะบริหารเองไม่ไหว แต่ยุคนี้เทคโนโลยีจัดการให้หมด คุณไม่จำเป็นต้องถอนเงินทั้งหมดออกมาใช้แล้ว เพราะระบบสามารถทำให้พอร์ตโตต่อได้แม้หลังเกษียณ” คุณเผ่า ตราวุทธิ์ เหลืองสมบูรณ์ CEO ของ Jitta Wealth กล่าว
กลยุทธ์นี้เรียกว่า Let Profit Run หรือ ปล่อยให้ผลกำไรเติบโตต่อ แม้ในช่วงที่คุณเริ่มถอนเงินมาใช้แล้วบางส่วน โดยหัวใจสำคัญคือ การให้พอร์ตลงทุนทำงานต่อไปอย่างต่อเนื่อง แม้คุณจะอยู่ในช่วงลงทุนหลังเกษียณแล้วก็ตาม
ตัวอย่างเช่น หากพอร์ตของคุณให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 8% ต่อปี คุณอาจถอนออกมาใช้เพียง 5% ต่อปี และปล่อยอีก 3% ให้ระบบลงทุนต่อ พอร์ตของคุณก็จะยังคงเติบโตขึ้นเรื่อยๆ อย่างมั่นคงในระยะยาว นี่คือแนวคิดของเกษียณแบบไม่หยุดให้เงินทำงาน ที่เทคโนโลยีช่วยให้เป็นจริงได้ในวันนี้
ลงทุนหลังเกษียณต้องสำรวจตัวเองก่อน
การลงทุนหลังเกษียณไม่มีสูตรตายตัว เพราะแต่ละคนมีสถานะทางการเงินและแหล่งรายได้ที่แตกต่างกัน ก่อนจัดพอร์ตลงทุน จึงควรเริ่มจากการเข้าใจสถานการณ์ของตัวเองให้ชัดเจนว่าอยู่ในกลุ่มไหน
กรณีที่ 1: เกษียณแล้วแต่ยังมีรายได้ประจำ
เช่น รายได้จากบำนาญ ค่าเช่าทรัพย์สิน หรือเงินปันผลจากการลงทุนอื่นๆ ในกรณีนี้ คุณสามารถลงทุนหลังเกษียณได้อย่างเต็มที่ เพราะไม่จำเป็นต้องถอนเงินออกมาใช้ทุกเดือน
แนวทางที่เหมาะคือ ลงทุนใน Omni Fund หรือ Global ETF แผนเติบโต อย่างน้อย 3 ปี ทั้งสองพอร์ตเน้นการกระจายความเสี่ยงทั่วโลก ผ่านหุ้น พันธบัตรรัฐบาล และตราสารหนี้คุณภาพดี ทั้งในและต่างประเทศ โดยมีผลตอบแทนเฉลี่ยที่
- Omni Fund แผนเติบโต ผลตอบแทน 7.85% ต่อปี*
- Global ETF แผนเติบโต ผลตอบแทน 8.03% ต่อปี*
*เป็นผลตอบแทนจากการทดสอบผลตอบแทนย้อนหลังเฉลี่ย 10 ปี (Back Test) ตั้งแต่ 2558-2567
(ผลตอบแทนในอดีต ไม่สามารถการันตีผลตอบแทนในอนาคต การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจนโยบายการลงทุน เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน การลงทุนต่างประเทศอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน)
เมื่อถือครบ 3 ปี พอร์ตมีโอกาสเติบโตเฉลี่ยราว 20% จากนั้นสามารถเริ่มถอนเงินมาใช้ปีละ 5% ได้ ซึ่งการถอนเพียงบางส่วนของกำไร จะช่วยให้เงินต้นยังคงอยู่ครบ และพอร์ตยังเติบโตต่อเนื่องในระยะยาว
กรณีที่ 2: เกษียณแล้วไม่มีรายได้ ต้องใช้เงินก้อน
สำหรับผู้ที่ไม่มีรายได้ประจำหลังเกษียณ ไม่ต้องกังวล เพราะคุณก็ยังสามารถลงทุนหลังเกษียณได้เช่นกัน เพียงแค่ต้องวางแผนแบ่งเงินให้ถูกวิธี
- กันเงินก้อนที่ต้องใช้ในช่วง 3 ปีแรกออกมาก่อน คำนวณจาก ‘ค่าใช้จ่ายรายเดือน × 36 เดือน’
- ฝากเงินก้อนนี้ไว้ในบัญชีธนาคาร เพื่อให้มั่นใจว่ามีเงินสดสำรองพร้อมใช้แน่นอน
- นำเงินที่เหลือไปลงทุนใน Omni Fund หรือ Global ETF แผนเติบโต เพื่อสร้างผลตอบแทนระยะยาว
เมื่อถือครบ 3 ปี พอร์ตของคุณจะเริ่มเข้าสู่ช่วงเติบโตเหมือนกรณีแรก จากนั้นสามารถทยอยถอนออกมาใช้ปีละ 5% ได้ โดยไม่กระทบเงินต้น
การถือพอร์ตระยะยาว 3 ปีขึ้นไป จะช่วยลดผลกระทบจากความผันผวนของตลาดในระยะสั้นได้มาก ในช่วงเวลานี้ พอร์ตจะมีโอกาสผ่านทั้งรอบ ‘ขาขึ้น’ และ ‘ขาลง’ ของตลาดหุ้น และกลับมาอยู่ในระดับผลตอบแทนเฉลี่ยที่ 7-8% ต่อปี
และที่สำคัญที่สุด หากคุณถอนออกเพียง 5% ต่อปี เงินต้นก็จะยังคงอยู่ และสามารถทบต้นต่อไปได้เรื่อยๆ ให้เงินของคุณทำงานต่อ แม้คุณจะหยุดทำงานแล้วก็ตาม

AI เปลี่ยนเกม ‘ลงทุนหลังเกษียณ’ อย่างไร
เทคโนโลยี AI และระบบอัตโนมัติ กำลังพลิกวิธีการลงทุนหลังเกษียณ จากเรื่องที่เคยซับซ้อน ให้กลายเป็นเรื่องง่ายและเป็นระบบมากขึ้น
ในอดีต นักลงทุนที่เกษียณแล้วมักต้องทำทุกอย่างด้วยตัวเอง ตั้งแต่การเลือกกองทุน วิเคราะห์แนวโน้มเศรษฐกิจ ไปจนถึงการปรับพอร์ตลงทุนตามสถานการณ์ตลาด ซึ่งนอกจากจะใช้เวลาและความรู้แล้ว ยังอาจสร้างความเครียดและความเสี่ยงโดยไม่จำเป็น
แต่ในยุคนี้ AI เข้ามาช่วยจัดการทุกขั้นตอนของการลงทุนได้อย่างแม่นยำและมีวินัย เช่น
- วิเคราะห์และประเมินสินทรัพย์ทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง
- จัดสัดส่วนพอร์ตลงทุนให้เหมาะกับระดับความเสี่ยงของแต่ละคน
- ปรับสมดุล (Rebalance) อัตโนมัติ เมื่อสัดส่วนพอร์ตเบี่ยงเบนเกินเกณฑ์
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ Omni Fund และ Global ETF ที่ผสานเทคโนโลยี AI เข้ากับหลักการจัดพอร์ตระดับโลกอย่าง Modern Portfolio Theory (MPT) เพื่อสร้างพอร์ตที่ให้ผลตอบแทนคุ้มค่าต่อความเสี่ยง โดยไม่ต้องเฝ้าตลาดทุกวัน
ไม่ว่าคุณจะเพิ่งเกษียณ หรืออยู่ในช่วงวางแผนเกษียณ AI จะช่วยให้การลงทุนหลังเกษียณของคุณง่ายขึ้นกว่าเดิม ด้วยระบบที่จัดพอร์ตอย่างมีเหตุผล ปรับสมดุลให้อัตโนมัติ และให้เงินเติบโตต่อเนื่องอย่างมั่นคงในระยะยาว
ลงทุนหลังเกษียณกับ Omni Fund และ Global ETF
ไม่ว่าคุณจะเพิ่งเกษียณ หรือกำลังวางแผนชีวิตลงทุนหลังเกษียณล่วงหน้า วันนี้เทคโนโลยีช่วยให้การต่อยอดความมั่งคั่งเป็นเรื่องง่ายกว่าที่เคย ผ่านสองพอร์ตการลงทุนหลักจาก Jitta Wealth ที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์นักลงทุนทุกระดับ
Omni Fund ลงทุนทั่วโลกผ่านกองทุนรวม เริ่มต้นเพียง 1,000 บาท
พอร์ตลงทุนที่กระจายความเสี่ยงครอบคลุมทั้งหุ้นทั่วโลก และตราสารหนี้ทั้งในและต่างประเทศ ผ่านกองทุนรวมที่ระบบจัดสรรให้ในสัดส่วนที่เหมาะสม แบ่งเป็น 3 แผนลงทุนตามระดับความเสี่ยง พร้อมกับมีระบบคอยปรับพอร์ตให้อัตโนมัติ เมื่อสัดส่วนหุ้นและตราสารหนี้ เปลี่ยนแปลงเกิน 5% เพื่อให้พอร์ตของคุณเติบโตได้ตามเป้าหมายที่ต้องการ
ด้วยการลงทุนผ่านกองทุนรวมไทย ทำให้ไม่ต้องนำผลตอบแทนไปคำนวณภาษีลงทุนต่างประเทศตามเกณฑ์ปัจจุบัน อีกทั้งด้วยเงินเริ่มต้นเพียง 1,000 บาท จึงเหมาะกับผู้ที่อยากเริ่มต้นลงทุนและ DCA อย่างสม่ำเสมอโดยไม่ต้องเลือกกองทุนเอง ปล่อยให้เทคโนโลยีดูแลแทนคุณ
Global ETF พอร์ตลงทุนทั่วโลกผ่าน ETF เริ่มต้นเพียง 10,000 บาท
พอร์ตลงทุนกระจายความเสี่ยงทั้งหุ้นทั่วโลก และตราสารหนี้สหรัฐฯ โดยลงทุนผ่าน ETF มีให้เลือก 3 แผนการลงทุนตามระดับความเสี่ยง พร้อมระบบปรับพอร์ตอัตโนมัติเช่นกัน แต่จุดเด่นคือผลตอบแทนระยะยาวสูงกว่า และค่าธรรมเนียมต่ำกว่า Omni Fund แต่ก็แลกมาด้วยความเสี่ยงที่สูงขึ้น
เหมาะสำหรับคนที่ต้องการวางแผนเกษียณ โดยคาดหวังการกระจายความเสี่ยงในหุ้นต่างประเทศ และผลตอบแทนระยะยาวที่สูงกว่า โดยสามารถรับความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนและบริหารจัดการภาษีต่างประเทศได้
หรือใครที่เริ่มต้นลงทุน และ DCA สม่ำเสมอเพื่อผลตอบแทนที่มากขึ้นในระยะยาว โดยไม่ต้องมาคอยเลือก ETF หรือบริหารพอร์ตเอง
หากอยากรู้ว่าคุณเหมาะกับนโยบายไหนมากกว่ากัน สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่บทความ: Omni Fund vs Global ETF ต่างกันอย่างไร พอร์ตไหนเหมาะกับคุณหรือติดต่อเจ้าหน้าที่แนะนำการลงทุนของเราได้ที่ Line: @JittaWealth หรือ โทร 02-460-8888 ปรึกษาฟรี! ไม่มีค่าใช้จ่าย