วิธีลงทุน Thematic ให้ผันผวนน้อยลง (ตอนที่ 2)

ลงทุนก้อนใหญ่ทีเดียว หรือ DCA ดีกว่า?
กองทุนส่วนบุคคล Thematic เปิดกว้างให้คุณสามารถจัดพอร์ตลงทุนได้อย่างอิสระ มีให้เลือกเป็นสิบๆ ธีม คุณแค่เลือกธีมที่เชื่อมั่น จัดพอร์ตลงทุนได้ตั้งแต่ 1-5 ธีมในสัดส่วนเท่าๆ กัน
บทความตอนที่ 1 เราได้เปรียบระหว่างลงทุนแค่ 1 ธีม กับ 4 ธีม ว่าผลตอบแทนและความผันผวนจะแตกต่างกันอย่างไร
หลายคนคิดว่าเลือกลงทุนธีมแรงๆ ธีมเดียวไปเลย พอร์ตจะได้ขึ้นเยอะๆ ซึ่งก็ไม่ผิด เพราะพอร์ตที่เลือกลงทุนธีมเดียวนั้น มีโอกาสสร้างผลตอบแทนสูงกว่าจริงๆ
ถ้าคุณเลือกธีมได้ถูก…
แต่ถ้าคุณเลือกธีมผิดพลาด คุณก็มีโอกาสขาดทุนมโหฬารเช่นกัน
และต่อให้คุณเลือกถูก ตอนขาขึ้นพอร์ตขึ้นสูงจริง คุณก็ต้องทำใจรอรับขาลงไว้ด้วยว่า พอร์ตอาจจะติดลบหนักๆ เจอจุดขาดทุนสูงสุดหรือ Maximum Drawdown 30-50% ให้เห็นได้ เพราะไม่มีธีมอื่นๆ มาช่วยเฉลี่ย บรรเทาความผันผวน
สถิติที่เราแสดงให้เห็น เป็นที่มาของข้อสรุปว่า ทำไม Jitta Wealth จึงแนะนำให้คุณจัดพอร์ตลงทุน Thematic อยู่ที่ 4 ธีม เป็นการกระจายความเสี่ยงครับ
นอกจากลงทุน 4 ธีมเพื่อกระจายความเสี่ยงแล้ว ยังมีอีก 1 Winning Strategy ที่จะช่วยให้ลดความผันผวนของพอร์ต หรือ Maximum Drawdown ลงมาได้ คือ
‘ลงทุนสม่ำเสมอ’ หรือ DCA (Dollar Cost Average)
Jitta Wealth ทำพอร์ตลงทุน Thematic จำลอง เลือก 5 ธีมเมกะเทรนด์ และ 4 ธีมประเทศ ในช่วงเวลา 1 ปี ระหว่าง ‘ลงทุนเงินก้อนเดียว’ กับ ‘เพิ่มทุนทุกเดือน’ จะเห็นได้ว่า…
1. ผลตอบแทนของพอร์ตลงทุนแบบ DCA สูงกว่าแบบไม่ได้ DCA อย่างเห็นได้ชัด
ถ้าหมั่นเพิ่มทุนทุกเดือน ผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปีของพอร์ต 5 ธีมเมกะเทรนด์อยู่ที่ 182.47% สูงกว่าการลงทุนครั้งเดียวที่ทำได้ 130.52%
ส่วนพอร์ต 4 ธีมประเทศ ก็ให้ผลตอบแทนในทิศทางเดียวกัน ถ้า DCA ทุกเดือนอยู่ที่ 130.41% สูงกว่าการลงทุนครั้งเดียวที่ทำได้ 77.40% ในช่วงเวลาเดียวกัน
2. Maximum Drawdown ของพอร์ตลงทุนแบบ DCA ต่ำกว่าแบบไม่ได้ DCA
ถ้าหมั่นเพิ่มทุนทุกเดือน Maximum Drawdown ใน 1 ปีที่ผ่านมาของพอร์ต 5 ธีมเมกะเทรนด์อยู่ที่ -16.97% น้อยกว่าการลงทุนครั้งเดียวที่มีจุดขาดทุนสูงสุดที่ -19.03%
ส่วนพอร์ต 4 ธีมตลาดหุ้น ก็มีโอกาสขาดทุนลดลงเช่นเดียวกัน ถ้า DCA ทุกเดือน Maximum Drawdown อยู่ที่ -10.85% น้อยกว่าการลงทุนครั้งเดียวที่มีจุดขาดทุนสูงสุดที่ -11.59% ในช่วงเวลาเดียวกัน
จะเห็นได้ว่า เมื่อคุณลงทุนและเพิ่มทุนอย่างสม่ำเสมอ นอกจากจะจะไม่เสียโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีแล้ว ยังลดความผันผวนของพอร์ต โดยคุณไม่ต้องโฟกัสที่การจับหวะตลาด หรือคอยดูทิศทางขาขึ้นขาลงของธีมการลงทุนเลย

เหตุผลที่นักลงทุนทั่วไปควร DCA เพื่อการลงทุนอย่างสบายใจ
1. ลงทุนได้ในทุกภาวะตลาด ไม่ว่า ETF ของธีมนั้นจะเป็นขาขึ้นหรือขาลง
น้อยคนนักที่จะคาดการณ์ทิศทางตลาดถูกและจับจังหวะลงทุนได้ ดังนั้นการลงทุนในทุกภาวะตลาด จะช่วยให้คุณไม่เสียโอกาสในพอร์ตลงทุน ทั้งส่วนต่างราคาสินทรัพย์หรือเงินปันผล
2. เฉลี่ยต้นทุนได้ จากการเข้าลงทุนในทุกภาวะตลาด
เมื่อไม่ต้องจับจังหวะตลาด การ DCA เป็นการเฉลี่ยต้นทุนราคาสินทรัพย์ ไม่ว่าจะเป็นหุ้นหรือ ETF ช่วงตลาดขาขึ้น พอร์ตลงทุนที่ DCA จะมีกำไรสูงกว่า เมื่อเทียบกับลงทุนเงินก้อนใหญ่เพียงครั้งเดียว
แต่เมื่อตลาดขาลง พอร์ตลงทุนที่ DCA จะขาดทุนไม่มากเท่ากับการลงทุนด้วยเงินเพียงครั้งเดียว พอตลาดกลับมาเป็นขาขึ้นอีกครั้ง การ DCA จะทำให้พอร์ตลงทุนพลิกกลับมามีกำไรเร็วกว่าด้วย
ถ้าเน้นไปที่การจับหวะลงทุนมากเกินไป คุณอาจจะถูกจำกัดความคิดได้ บางครั้งคุณอาจจะเสียโอกาสในการลงทุนและได้รับผลตอบแทนดีๆ เพราะมัวแต่ถือเงินสด เพื่อรอลงทุน
ที่สำคัญ…โอกาสในการเลือกจังหวะลงทุนถูก ก็ไม่ได้มีบ่อยๆ นะครับ เลือก ‘ผิด’ มีมากกว่าเลือก ‘ถูก’ เสมอ
อยากลงทุนสบายใจ ลองใช้วิธีการเพิ่มทุนอย่างสม่ำเสมอ หรือ DCA ดู ให้เงินลงทุนของคุณ ทำงานแทนการจับหวะตลาดก็ได้ครับ
จัดพอร์ตลงทุนและวางแผน DCA ได้ที่ https://jittawealth.com/thematic
==========
กองทุนส่วนบุคคล Jitta Wealth บริหารจัดการโดย บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน จิตตะ เวลธ์ จำกัด ซึ่งเป็น WealthTech แห่งแรกของไทยที่ได้รับใบอนุญาตจากกระทรวงการคลัง กำกับโดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
ผลตอบแทนในอดีต ไม่สามารถการันตีผลตอบแทนในอนาคต การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน