Omni Fund vs Global ETF ต่างกันอย่างไร พอร์ตไหนเหมาะกับคุณ

ไฮไลต์
- Omni Fund และ Global ETF ทั้งสองพอร์ตเน้นกระจายความเสี่ยงทั่วโลก โดยลงทุนในหุ้นและตราสารหนี้ตามหลัก Modern Portfolio Theory มีแผนการลงทุน 3 ระดับความเสี่ยง (พอเพียง สมดุล และเติบโต) เหมาะสำหรับเป็นพอร์ตหลักระยะยาว และลงทุนแบบ DCA ได้ทั้งคู่
- Omni Fund ลงทุนผ่านกองทุนรวมไทยที่ไปลงทุนต่างประเทศ ช่วยลดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน และไม่ต้องวุ่นวายเรื่องภาษีต่างประเทศ จึงเหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการความสะดวกในการจัดการ
- Global ETF ลงทุนผ่าน ETF ต่างประเทศโดยตรง มีค่าธรรมเนียมรวมต่ำกว่า และมีโอกาสทำผลตอบแทนระยะยาวที่มากกว่า แต่ผู้ลงทุนต้องจัดการภาษีเองตามกฎเกณฑ์ปัจจุบัน
- Omni Fund เริ่มต้นลงทุนเพียง 1,000 บาท เหมาะกับมือใหม่หรือคนที่อยากเริ่มเล็กๆ ก่อน ส่วน Global ETF เริ่มต้นที่ 10,000 บาท เหมาะกับผู้ที่มีเงินลงทุนมากขึ้น
- ผลตอบแทนคาดหวัง Omni Fund อยู่ที่ 3-7% ต่อปี ขึ้นอยู่กับแผนที่เลือก ในขณะที่ Global ETF คาดหวัง 4-8% ต่อปี ซึ่งสูงกว่าเล็กน้อย แต่ก็มาพร้อมระดับความเสี่ยงที่มากขึ้น
- หากคุณรับความเสี่ยงได้น้อย หรือใกล้เกษียณ Omni Fund แผนพอเพียงจะเหมาะที่สุด เพราะความผันผวน และความเสี่ยงค่าเงินต่ำ และไม่ต้องกังวลเรื่องภาษี
- ถ้าคุณต้องการสร้างความมั่งคั่งในระยะยาว และรับความเสี่ยงได้มากกว่า Global ETF จะเหมาะกว่า เพราะโอกาสสร้างผลตอบแทนในระยะยาวมากกว่า แม้จะต้องดูแลเรื่องภาษีเอง
- มือใหม่ลงทุนได้ทั้งสองแบบ เพราะทั้ง Omni Fund และ Global ETF มีระบบจัดพอร์ตอัตโนมัติ แต่ถ้ายังไม่มีเงินก้อน หรืออยากเริ่มต้นแบบง่ายที่สุด Omni Fund จะตอบโจทย์มากกว่า
เปิดตัวกันไปสดๆ ร้อนๆ กับนโยบาย Omni Fund พอร์ตลงทุนอัตโนมัติทั่วโลก ผ่านกองทุนรวม ที่นักลงทุน Jitta Wealth หลายคนได้ยินคอนเซ็ปต์ แล้วก็อดคิดถึง Global ETF ไม่ได้
ทั้งการกระจายลงทุนหุ้นและตราสารหนี้ ตามหลักการรางวัลโนเบลอย่าง Modern Portfolio Theory ทั้งแผนลงทุนย่อยที่มีให้เลือก 3 แผน สมดุล พอเพียง และเติบโต แล้วแบบนี้ควรเลือกลงทุนนโยบายไหนดี
Omni Fund และ Global ETF ต่างกันอย่างไร บทความนี้จะมาไขให้คุณกระจ่าง

Omni Fund เหมือนหรือแตกต่างกับ Global ETF ตรงไหน
สิ่งที่ Omni Fund และ Global ETF เหมือนกัน
Omni Fund และ Global ETF เป็นนโยบายที่กระจายความเสี่ยงลงทุนทั่วโลก ทั้งหุ้นและตราสารหนี้ ตามหลักการระดับรางวัลโนเบลอย่าง Modern Portfolio Theory โดยเลือกจัดพอร์ตด้วยสินทรัพย์ 2 ประเภท ที่ราคาไม่เคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกันนั่นก็คือ หุ้นกับตราสารหนี้
เพราะในช่วงที่หุ้นผันผวนแรง จะมีตราสารหนี้คอยพยุงไม่ให้พอร์ตโดยรวมผันผวนมาก ทำให้สามารถสร้างผลตอบแทนเติบโตได้อย่างมั่นคงในระยาว บนระดับความเสี่ยงของแต่ละแผนลงทุน ซึ่งมีทั้งหมด 3 แผน ทั้ง Omni Fund และ Global ETF มีสัดส่วนสินทรัพย์ของแต่ละแผนเหมือนกันคือ
แผนพอเพียง: หุ้น 20% ตราสารหนี้ 80%
แผนสมดุล: หุ้น 50% ตราสารหนี้ 50%
แผนเติบโต หุ้น 80% ตราสารหนี้ 20%
ทำให้ทั้ง Omni Fund และ Global ETF เหมาะจะเป็น Core Port เป็นแกนหลักของการลงทุน สามารถลงทุนแล้ว DCA สะสมความมั่งคั่งในระยะยาวได้
ข้อแตกต่างระหว่าง Omni Fund และ Global ETF
แล้วหากต้องเลือก จะตัดสินในเลือกอย่างไร ลองพิจารณาความแตกต่างของทั้ง 2 นโยบายได้ดังนี้
สินทรัพย์ที่ลงทุน
- Omni Fund: ลงทุนผ่าน ‘กองทุนรวมไทย’ ที่ไปลงทุนในสินทรัพย์ต่างประเทศ ทำให้มีความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนน้อยกว่า และไม่ต้องกังวลเรื่องภาษีต่างประเทศตามกฎเกณฑ์ปัจจุบัน
- Global ETF: ลงทุนผ่าน ETF ต่างประเทศโดยตรง มีข้อดีตรงที่ค่าธรรมเนียมต่ำกว่า มีโอกาสทำผลตอบแทนระยะยาวที่มากกว่า
การจัดพอร์ต
Omni Fund กระจายลงทุนผ่านกองทุนรวมที่แบ่งสัดส่วนลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ ดังนี้
- กองทุนรวมหุ้น: ได้แก่ หุ้นสหรัฐฯ หุ้นยุโรป หุ้นญี่ปุ่น และหุ้นจีน
- กองทุนรวมตราสารหนี้: ได้แก่ พันธบัตรรัฐบาลและหุ้นกู้ ทั้งในและต่างประเทศ
Global ETF กระจายลงทุนผ่าน ETF ที่แบ่งสัดส่วนลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ ดังนี้
- ETF หุ้น: หุ้นสหรัฐฯ หุ้นประเทศพัฒนาแล้ว หุ้นตลาดเกิดใหม่
- ETF ตราสารหนี้: พันธบัตรรัฐบาลและหุ้นกู้ประเทศสหรัฐฯ
ทำให้ในมุมการกระจายความเสี่ยง Global ETF กระจายไปหลากหลายประเทศมากกว่า
ผลตอบแทนคาดหวัง
Omni Fund
- แผนพอเพียง: ผลตอบแทนคาดหวัง 3%
- แผนสมดุล: ผลตอบแทนคาดหวัง 5%
- แผนเติบโต: ผลตอบแทนคาดหวัง 7%
Global ETF
- แผนพอเพียง: ผลตอบแทนคาดหวัง 4%
- แผนสมดุล: ผลตอบแทนคาดหวัง 6%
- แผนเติบโต: ผลตอบแทนคาดหวัง 8%
เงินลงทุนเริ่มต้น
Omni Fund: ลงทุนเริ่มต้น 1,000 บาท
Global ETF: ลงทุนเริ่มต้น 10,000 บาท
ทำให้ Omni Fund เหมาะกับผู้เริ่มต้นมากกว่า เพราะเงินลงทุนเริ่มต้นต่ำ ไม่ต้องมีเงินก้อนก็สามารถลงทุนได้
รวมคำถามยอดฮิต Omni Fund หรือ Global ETF นโยบายไหนเหมาะกับใครมากกว่า
เพื่อให้คุณเห็นภาพได้ชัด เราขอยกตัวอย่างเพื่ออธิบายว่า นโยบายไหนเหมาะกับใครมากกว่ากัน
ถ้าใกล้เกษียนแล้ว แนะนำให้ลงทุนในอะไร?
ถ้าคุณรับความเสี่ยงได้น้อย เน้นรักษาเงินต้น และต้องการผลตอบแทนที่มากกว่าเงินฝาก ไม่อยากยุ่งยากเรื่องการจัดการภาษีลงทุนต่างประเทศ ขอแนะนำให้ลงทุน Omni Fund โดยเฉพาะแผนพอเพียง ที่มีความเสี่ยงต่ำ (โอกาสขาดทุนสูงสุด Maximun Drawdown -5.45%)
แต่หากคุณสามารถรับความเสี่ยงได้มากขึ้น สามารถติดลบได้เกิน -10% และบริหารจัดการภาษีต่างประเทศได้ก็สามารถลงทุน Global ETF ได้เช่นกัน
อยากลงทุนให้ลูกแนะนำให้ลงนโยบายอะไร?
หากมองที่ผลตอบแทนระยะยาว และมีเงินทุนตั้งต้นถึง 10,000 บาท แนะนำลงทุน Global ETF เพราะหากมีระยะเวลาลงทุนที่นานมากพอ ผลตอบแทนที่ต่างกัน 1% ในระยะยาวก็มีโอกาสเติบโตเป็นเงินจำนวนมากได้
แต่หากอยากเริ่มต้นที่ละน้อย และค่อยๆ เติบโต ก็สามารถลงทุน Omni Fund ที่เริ่มต้นลงทุน 1,000 บาทได้
มือใหม่เหมาะจะลงทุนไหม?
มือใหม่ สามารถลงทุนได้ทั้ง Omni Fund และ Global ETF เพราะทั้ง 2 นโยบาย มีระบบบริหารจัดการให้ครบ จบ ทั้งเลือกสินทรัพย์มาจัดพอร์ต กระจายความเสี่ยง และปรับพอร์ตอัตโนมัติ ขึ้นอยู่กับความพร้อม
หากคุณเพิ่งเริ่มต้นทำงาน ยังไม่มีเงินเก็บ Omni Fund ถือว่าตอบโจทย์ด้วยเงินเริ่มต้นเพียง 1,000 บาท
ลงทุนแล้วต้อง DCA ทุกเดือนไหม?
ทั้ง Omni Fund และ Global ETF รวมถึงนโยบายอื่นๆ ของ Jitta Wealth ไม่ได้มีข้อบังคับว่าจะต้อง DCA เพียงแต่การ DCA ถือเป็นกลยุทธ์ที่ดี ซึ่งจะช่วยให้คุณได้ถัวเฉลี่ยต้นทุน ในยามตลาดตกก็จะช่วยให้พอร์ตผันผวนน้อยลง และในตอนตลาดกลับตัว ก็ช่วยให้พอร์ตเติบโตได้เร็วขึ้น
และแม้จะเป็นการลงทุนด้วยเงินน้อยอย่าง Omni Fund ที่เริ่มต้น 1,000 บาท ก็สามารถปั้นพอร์ตให้กลายเป็นหลักล้านได้ เพราะการ DCA และระยะเวลา จะช่วยขยายผลลัพธ์ของคุณให้เติบโตยิ่งขึ้น
เรื่องภาษีต่างประเทศเป็นอย่างไร?
Omni Fund เป็นการลงทุนผ่านกองทุนรวมในไทย ที่ไปลงทุนในสินทรัพย์ต่างประเทศอีกที ทำให้ไม่ต้องนำส่วนต่างรายได้มาคำนวณภาษีตามเกณฑ์ปัจจุบัน จึงเหมาะจะเป็นพอร์ตหลัก ในการลงทุนระยะยาว สำหรับนักลงทุนที่ไม่ต้องการวุ่นวายกับภาษีลงทุนต่างประเทศ
อย่างไรก็ตาม Global ETF ที่แม้จะลงทุนใน ETF ต่างประเทศโดยตรง แต่ในระยะยาวก็มีโอกาสได้ผลตอบแทนที่มากกว่า ซึ่งในอนาคตอาจมีระบบรองรับการบริหารจัดการด้านภาษีลงทุนต่างประเทศที่ดีขึ้น หากคุณสามารถรับความเสี่ยงได้มากกว่า ต้องการลงทุนระยะยาว และไม่กังวลด้านภาษี Global ETF ก็เหมาะที่จะเป็นพอร์ตหลักของคุณ
ทั้งหมดนี้คือความแตกต่าง และจุดเด่นของนโยบาย Omni Fund และ Global ETF ที่จะช่วยตอบคำถามว่า คุณ เหมาะจะลงทุนในนโยบายใดมากกว่ากัน
หากมีข้อสงสัยเพิ่มเติมสามารถอ่านรายละเอียดของแต่ละนโยบายได้ที่นี่
หรือติดต่อเจ้าหน้าที่แนะนำการลงทุนของเราได้ที่ Line: @JittaWealth หรือ โทร 02-460-8888 ปรึกษาฟรี! ไม่มีค่าใช้จ่าย