Skip to content - ข้ามไปที่เนื้อหา
Blog

สรุป Live: 45 is the New 60 เกษียณไวในวัย 45 กำลังมาแรง


All Category Live

พบกับ Live จาก Jitta Wealth ประจำวันที่ 20 สิงหาคม 2568 โดยคุณเผ่า ตราวุทธิ์ เหลืองสมบูรณ์ CEO และคุณอ้อ พรทิพย์ กองชุน CGO ของ Jitta Wealth ที่มาพูดคุยและตอบทุกข้อสงสัยของนักลงทุน ในตอนล่าสุด เรื่องเด่นประเด็นร้อนคงหนีไม่พ้น ‘45 is the New 60’ หรือเทรนด์การเกษียณอายุในวัย 45 ปี แต่เทรนด์นี้มีที่มาที่ไปอย่างไร เป็นไปได้หรือไม่ เรามาหาคำตอบพร้อมกัน


ทำไมเกษียณวัย 45 ถึงกลายเป็นเทรนด์ใหม่

การเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ได้เกิดขึ้นโดยบังเอิญ แต่มีหลายปัจจัยซ้อนทับกันจนผลักดันให้ 45 กลายเป็นวัยที่หลายคนต้องเผชิญกับการ ‘เกษียณก่อนกำหนด’

แรงกดดันจากเทคโนโลยีและทักษะที่ล้าสมัย
AI และ Automation กำลังเข้ามาแทนแรงงานมนุษย์ในหลายอุตสาหกรรม งานที่เคยใช้ทักษะประสบการณ์สูงกลับถูกลดความสำคัญลงอย่างรวดเร็ว คนวัย 45 ที่อาจไม่ได้ปรับตัวตามทัน จึงกลายเป็นกลุ่มแรกๆ ที่องค์กรพิจารณาปรับโครงสร้าง

โลกธุรกิจที่ไม่การันตีความมั่นคงอีกต่อไป
เศรษฐกิจโลกผันผวนจากสงครามการค้า นโยบายการเงิน และภาวะเงินเฟ้อ ทำให้องค์กรไม่สามารถรับประกันงานระยะยาวเหมือนในอดีต การเปิด Early Retirement กลายเป็นกลไกที่บริษัทใช้เพื่อควบคุมค่าใช้จ่ายและปรับสมดุลกำลังคน

อายุขัยที่ยืนยาวขึ้น
ในขณะที่การทำงานสั้นลง ชีวิตกลับยาวขึ้น คนไทยจำนวนไม่น้อยมีอายุเกิน 80–90 ปี และการแพทย์ที่ก้าวหน้าทำให้การมีชีวิตถึง 100 ปีไม่ใช่เรื่องเพ้อฝันอีกต่อไป การเกษียณที่ 45 จึงหมายถึงเรายังต้องเตรียมเงินเพื่อใช้ชีวิตอีกกว่า 35–40 ปี ซึ่งยาวนานกว่าช่วงที่ทำงานจริงเสียอีก

ทั้งหมดนี้ทำให้ 45 ไม่ได้ถูกมองว่าแก่เกินไป แต่ถูกมองว่า “ถึงเวลาที่ต้องปรับบทบาท” และถ้าเราเตรียมการไว้ดีพอ วัย 45 อาจไม่ใช่จุดสิ้นสุด แต่เป็นการเริ่มต้นชีวิตอิสระครั้งใหญ่แทน 

‘วางแผนการเงิน’ กุญแจสู่การเกษียณเร็ว

เมื่อชีวิตการทำงานสั้นลง การวางแผนการเงินจึงยิ่งสำคัญกว่าที่เคย และหัวใจสำคัญของการเกษียณเร็วคือ เราต้องมีเงินมากพอจะใช้ไปตลอดชีวิต

ออมอย่างเดียวไม่พอ ต้องลงทุน
ลองคิดว่าถ้าเราเกษียณตอนอายุ 45 ปี และมีเงินใช้เดือนละ 30,000 บาท ไปอีก 35 ปี (อายุ 80 ปี) เราจะต้องมีเงินประมาณ 12.6 ล้านบาท 

ซึ่งถ้าเราออมเงินเดือนละ 10,000 บาท จะต้องใช้เวลา 100 ปีถึงจะเก็บได้ 12 ล้านบาท แต่หากนำไปลงทุนโดยหวังผลตอบแทนเฉลี่ย 8% ต่อปี เงินก้อนเดียวกันสามารถโตถึง 12 ล้านบาทได้ภายใน 28 ปี ความต่างนี้คือพลังของดอกเบี้ยทบต้น ที่นักการเงินทั่วโลกย้ำเสมอว่าเป็น “มหัศจรรย์ดอกเบี้ยทบต้น”

DCA: กลยุทธ์ที่ทุกคนทำได้
Dollar-cost Averaging หรือ DCA คือการลงทุนเป็นงวดๆ อย่างสม่ำเสมอ เช่น ลงเดือนละ 5,000 หรือ 10,000 บาท โดยไม่สนใจว่าตลาดจะขึ้นหรือลง กลยุทธ์นี้ช่วยลดความเสี่ยงจากความผันผวน เพราะเราซื้อในราคาที่เฉลี่ยออกมา และเมื่อเวลาผ่านไป ผลตอบแทนก็จะปรับตัวขึ้นตามมูลค่าของตลาดโดยรวม

ตัวอย่างจากเครื่องมือ My Future Wealth ของ Jitta Wealth

• เริ่มต้นพอร์ต 10,000 บาท แล้ว DCA เดือนละ 8,500 บาท ต่อเนื่อง 30 ปี คุณจะมีเงิน 12 ล้านบาท 

แต่ถ้าระยะเวลาลงทุนของคุณมีไม่ถึง 30 ปี อาจเริ่มลงทุนตอนอายุ 25 ปี และต้องการเกษียณตอนอายุ 45 ปี ระยะเวลา 20 ปี คุณอาจมีเงิน 4.9 ล้านบาท คุณก็สามารถถอนมาใช้บางส่วนและ ปล่อยให้เงินที่เหลือเติบโตต่อไปได้

(ตั้งเป้าหมาย และวางแผน DCA ในแบบที่คุณต้องการด้วยฟีเจอร์ My Future Wealth ได้ที่แอปพลิเคชัน Jitta Wealth)

โอกาสลงทุนและความเสี่ยงในโลกที่เปลี่ยนเร็ว

การจะเกษียณได้ในวัย 45 ไม่ได้แปลว่าเราต้องหยุดทำงานอย่างสิ้นเชิง แต่แปลว่าเราต้องการ เงินทำงานแทนเรา และการลงทุนคือคำตอบ แต่ก็ต้องเข้าใจว่าตลาดการเงินทุกวันนี้ไม่ได้ราบเรียบเหมือนเดิม

หุ้นจีน: ราคายังถูก มีโอกาสโตสูง
ปี 2568 ตลาดหุ้นจีน (Shanghai Stock Exchange) ทำ New High ในรอบ 10 ปี จากที่เคยถูกเมินเพราะเศรษฐกิจชะลอตัว แต่ตอนนี้ Fund Flow กำลังไหลกลับ หุ้นกลุ่มธนาคารและประกันที่จ่ายปันผล 4–5% กำลังเป็นที่นิยม ส่วนหุ้น H-Share ก็ขึ้นแล้วกว่า 20–30% YTD และยังถือว่าถูกเมื่อเทียบกับศักยภาพ

เวียดนาม: ดาวรุ่ง Emerging Market
โครงสร้างพื้นฐานที่รัฐลงทุนมหาศาล และโอกาสเลื่อนเป็น Emerging Markets ทำให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามาซื้อหุ้นเวียดนามต่อเนื่อง ราคาที่ขึ้นคือการสะท้อนความคาดหวังของอนาคต

สหรัฐฯ: ยังเติบโต แต่นักลงทุนต้องเลือกมากขึ้น
แม้ตลาดหุ้นสหรัฐยังเติบโต แต่ไม่ใช่ทุกหุ้นที่ขึ้นเหมือนปี 2566-2567 นักลงทุนต้องระมัดระวังในการเลือกหุ้น หรือกลุ่มอุตสาหกรรมที่ยังเติบโตได้ ขณะที่บางบริษัทแม้งบไตรมาสออกมาดี ราคาก็อาจปรับลงแรง หากไม่ตรงตามที่ตลาดคาดการณ์

กลยุทธ์ Core & Satellite ยังใช้ได้เสมอ

ท่ามกลางโอกาสและความเสี่ยง กลยุทธ์การจัดพอร์ตแบบ Core & Satellite ช่วยให้คุณสามารถเติบโตในระยะยาวได้อย่างมั่นคง 

Core Port: แนะนำลงทุนใน Global ETF ผันผวนน้อย ค่อยๆ เติบโต
Satellite Port: สามารถลงทุนในกลุ่มธุรกิจ หรือประเทศที่คุณโฟกัสผลตอบแทน เพื่อคว้าโอกาสเติบโตเพิ่มขึ้น

อัปเดต Thematic Optimize รู้ทันวัฏจักรตลาดหุ้นมากขึ้น
Jitta Wealth ได้อัปเดตอัลกอริทึมของ Thematic Optimize เพิ่มระบบวิเคราะห์วัฏจักรตลาดหุ้น หากธีมลงทุนส่วนใหญ่แพงเกินไป ระบบจะขายหุ้นและย้ายไปถือ UUP (ETF ที่สะท้อนค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ) ซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ไม่สัมพันธ์กับตลาดหุ้น ถือเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยที่ช่วยลดความเสี่ยง และจากการทดสอบผลตอบแทนย้อนหลัง (Back Test) 7 ปีพบว่าทำให้ผลตอบแทนเฉลี่ยเพิ่มขึ้นเป็น 23.20% จากเดิม 18.15% (อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม)

ทั้งหมดนี้เป็นไฮไลต์ที่เรานำมาสรุปให้คุณ ใน Live ฉบับเต็มยังมีเรื่องราวสาระการลงทุนดีๆ พร้อมรายละเอียดในเรื่องราวต่างๆ อีกมากมาย สามารถเข้าไปรับชมได้เลยที่ YouTube: Jitta Wealth Live Ep.13 ถาม-ตอบ ทุกเรื่องลงทุน | พุธ 20 ส.ค. 68

หากคุณสนใจอยากรับชม Live ของเราแบบสดๆ ในโอกาสต่อไปติดตามเราได้ที่ Facebook หรือ Youtube ของ Jitta Wealth ได้เลย