Skip to content - ข้ามไปที่เนื้อหา
Blog

เจาะลึก! ‘ลงทุน Global ETF’ ตามสูตร Ben Graham 


Global ETF

เนื้อหาสำคัญ

ไฮไลต์

  • นโยบาย Global ETF ได้พิสูจน์แล้วว่าสามารถทนต่อความผันผวนที่เกิดขึ้นในช่วงปี 2565 ได้ด้วยการกระจายการลงทุนในสินทรัพย์อย่างหุ้นสามัญและตราสารหนี้ ตามทฤษฎีที่ได้รับรางวัลโนเบลอย่าง Modern Portfolio Theory
  • Global ETF กระจายลงทุนไปในตลาดหุ้นทั่วโลกโดยไม่จำกัดแค่ในประเทศใดประเทศนึง ทำให้สามารถกระจายความเสี่ยงรายประเทศได้ และทำให้คุณได้ลงทุนทั้งใน ตลาดหุ้นประเทศพัฒนาแล้ว (Developed market) และ ตลาดหุ้นเกิดใหม่ (Emerging Market) ในคราวเดียว
  • การทดสอบย้อนหลัง (Backtest) ของแผนลงทุนใน Global ETF พบว่าทั้ง 3 แผนลงทุนสร้างผลตอบแทนได้มากกว่าผลตอบแทนคาดหวัง คุณจึงมั่นใจได้ว่า Global ETF สามารถสร้างผลตอบแทนให้คุณได้แน่นอนในระยะยาว
  • การจัดสัดส่วนการลงทุนของนโยบาย Global ETF ตรงกับสิ่งที่ Benjamin Graham เคยแนะนำไว้เกี่ยวกับกลยุทธ์การลงทุนของ ‘นักลงทุนเชิงรับ’ และมีเทคโนโลยีที่จะช่วยปรับสัดส่วนพอร์ตลงทุนอัตโนมัติโดยที่คุณไม่ต้องดำเนินการเอง

Jitta Wealth ได้ออกแบบแผนลงทุนมากมายเพื่อให้คุณมีทางเลือกในการลงทุนต่างประเทศมากขึ้น ในวันนี้เราจะพาคุณไปเจาะลึกนโยบาย ‘ลงทุน Global ETF’ ซึ่งเป็นแผนลงทุนแรกเริ่มของทีมงาน ที่สามารถสร้างผลตอบแทนได้สม่ำเสมอและพิสูจน์ตัวเองมาเป็นเวลายาวนาน อีกทั้งยังทนความผันผวนของตลาดหมีในช่วงเวลานี้ได้

ในปี 2565 ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ตกลงอย่างหนัก ทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกได้รับผลกระทบตามไปด้วย ดัชนี S&P 500 ปรับฐานลงไปมากกว่า -17% ตั้งแต่ต้นปี ทำให้นักลงทุนหลายคนเริ่มไม่สบายใจ โดยเฉพาะนักลงทุนมือใหม่ที่เพิ่งเริ่มลงทุนได้ไม่นาน

แน่นอนว่าการปรับตัวลงของตลาดหุ้นสหรัฐฯ ย่อมส่งผลกระทบต่อนโยบายการลงทุนต่างๆ ของ Jitta Wealth อย่างไรก็ตาม หากคุณมีพอร์ตลงทุนใน Jitta Wealth อยู่หลายนโยบาย คุณจะพบว่านโยบาย Global ETF มีความผันผวนต่ำที่สุด สามารถยืนหยัดฝ่ามรสุมตลาดหุ้นในช่วงนี้ไปได้อย่างมั่นคง

ตรงตามจุดประสงค์ที่ทีมงาน Jitta Wealth ต้องการ นั่นคือการทำให้นโยบาย Global ETF สามารถ ‘สร้างผลตอบแทนที่ดีที่สุดในความเสี่ยงที่ต่ำที่สุด’ ด้วยการจัดสัดส่วนการลงทุนตามทฤษฎีการจัดพอร์ตที่ได้รับรางวัลโนเบล ซึ่งจะสร้างผลตอบแทนและกระจายความเสี่ยงโดยการนำเงินไปลงทุนในกองทุน ETF ประเภทหุ้นและตราสารหนี้คุณภาพดีทั่วโลก

ในวันนี้เราจะพาคุณไปเจาะลึกถึงนโยบาย Global ETF เพื่อให้คุณเข้าใจถึงนโยบายและแผนลงทุนที่ Jitta Wealth คัดสรรมาให้คุณ 

หลังจากที่คุณอ่านบทความนี้จบ คุณจะได้คำตอบว่า ‘ทำไม Global ETF ถึงน่าลงทุน’

กระจายความเสี่ยงทั่วโลกด้วย Global ETF

แค่เพียงชื่อนโยบายก็บอกถึงการกระจายการลงทุนของคุณไปทั่วโลกแล้ว แต่คุณเคยสงสัยไหมว่า ความหมายของการกระจายความเสี่ยงทั่วโลกนั้น ได้กระจายเงินลงทุนของคุณไปที่ไหนบ้าง

หากคุณลงทุนในนโยบาย Global ETF จะเปรียบเสมือนว่าคุณได้ลงทุนในตลาดหุ้นทั่วโลกที่ครอบคลุมทั้ง 2 ประเภทตลาด ดังนี้

  • ตลาดหุ้นประเทศพัฒนาแล้ว (Developed market) เช่น สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น สหราชอาณาจักร แคนาดา ฝรั่งเศส ฯลฯ
  • ตลาดหุ้นเกิดใหม่ (Emerging Market) เช่น จีน ไต้หวัน อินเดีย บราซิล ซาอุดีอาระเบีย แอฟริกาใต้ ฯลฯ

อย่างไรก็ตาม สำหรับตราสารหนี้ที่ประกอบไปด้วยพันธบัตรรัฐบาลหรือหุ้นกู้คุณภาพดี จะจำกัดเพียงแค่ในสหรัฐอเมริกาเท่านั้น ไม่ได้รวมตราสารหนี้ของประเทศอื่นด้วย แต่เพียงเท่านี้ก็ถือว่าเพียงพอแล้วสำหรับการกระจายความเสี่ยงตามทฤษฎีรางวัลโนเบลอย่าง Modern Portfolio Theory

ทำไมทฤษฎีรางวัลโนเบล Modern Portfolio Theory ถึงสำคัญ

ทฤษฎี Modern Portfolio Theory เป็นทฤษฎีที่อธิบายว่าการลงทุนในสินทรัพย์หลายประเภทที่ราคาไม่ได้เคลื่อนไหวในทิศทางทางเดียวกันจะทำให้ ‘มูลค่าพอร์ตลงทุนของคุณผันผวนต่ำลงมาก’ และนี่คือเหตุผลเบื้องหลังที่ทำให้ Global ETF ผันผวนน้อยกว่านโยบายลงทุนประเภทอื่นๆ ของ Jitta Wealth

อย่างไรก็ตาม การกระจายการลงทุนจำเป็นต้องจัดให้อยู่ในสัดส่วนที่เหมาะสมเพื่อสร้างผลตอบแทนให้ได้สูงที่สุดภายใต้ระดับความเสี่ยงที่คุ้มค่าด้วย เราจึงแบ่งแผนลงทุนใน Global ETF ออกเป็น 3 รูปแบบ เพื่อให้คุณได้เลือกแผนลงทุนที่เหมาะสมที่สุดสำหรับคุณนั่นเอง

  • Global ETF แผนพอเพียง 
    • ลงทุนในตราสารหนี้ 80% หุ้น 20% 
    • อัตราผลตอบแทนคาดหวังที่ 4% ต่อปี
  • Global ETF แผนสมดุล 
    • ลงทุนตราสารหนี้ 50% หุ้น 50% 
    • อัตราผลตอบแทนคาดหวังที่ 6% ต่อปี
  • Global ETFแผนเติบโต
    • ลงทุนตราสารหนี้ 20% หุ้น 80% 
    • อัตราผลตอบแทนคาดหวังที่ 8% ต่อปี

นอกจากนี้ Jitta Wealth ได้พัฒนาเทคโนโลยีที่จะช่วยจัดการสินทรัพย์ในพอร์ตให้เป็นไปตามแผนลงทุนที่คุณเลือกโดยปราศจากอคติและอารมณ์ ซึ่งเป็นอุปสรรคสำคัญในกระบวนการปรับพอร์ตลงทุน

Global ETF ลงทุนใน ETF ตัวใดบ้าง

ปกติแล้วการลงทุนต่างประเทศจะต้องใช้เงินลงทุนสูงเพื่อให้คุ้มกับค่าธรรมเนียม และเพียงพอต่อการกระจายความเสี่ยงด้วยการซื้อสินทรัพย์หลากหลายประเภท แต่การลงทุนในกองทุน ETF (Exchange Traded Fund) จะช่วยแก้ปัญหาเหล่านี้ได้

ETF ที่ Jitta Wealth คัดสรรมาอยู่ในนโยบาย Global ETF มีทั้งหมด 5 กอง แบ่งออกเป็นกองทุน ETF ที่ลงทุนในหุ้น 3 กอง และกองทุน ETF ที่ลงทุนในตราสารหนี้อีก 2 กอง โดยแต่ละกองมีนโยบายการลงทุนคร่าวๆ ดังนี้

กองทุน ETF ประเภทหุ้น

  • Vanguard Total Stock Market ETF (VTI) ลงทุนในหุ้นตามดัชนี CRSP US Total Market Index
    • รวมหุ้นทั้งหมดในตลาดหุ้นสหรัฐฯ
  • Vanguard FTSE Developed Markets ETF (VEA) ลงทุนในหุ้นตามดัชนี FTSE Developed All Cap Ex. US Index
    • รวมหุ้นทั้งหมดในตลาดหุ้นประเทศพัฒนาแล้ว นอกเหนือจากสหรัฐฯ
  • Vanguard FTSE Emerging Markets ETF (VWO) ลงทุนในหุ้นตามดัชนี FTSE Emerging Markets All Cap China A Inclusion Index
    • รวมหุ้นทั้งหมดในตลาดหุ้นประเทศกำลังพัฒนา

กองทุน ETF ประเภทตราสารหนี้

  • iShares Core U.S. Aggregate Bond ETF (AGG) ลงทุนในตราสารหนี้อ้างอิงดัชนี BBG Barc U.S. Aggregate Index
    • รวมพันธบัตรรัฐบาลและหุ้นกู้คุณภาพดี (Investment Grade) ของสหรัฐฯ ที่มีระยะเวลาหมดอายุไม่ต่ำกว่า 1 ปี
  • Vanguard Intermediate-Term Corporate Bond ETF (VCIT) ลงทุนในตราสารหนี้อ้างอิงดัชนี Bloomberg U.S. 5-10 Year Corporate Bond Index
    • รวมหุ้นกู้คุณภาพดี (Investment Grade) ของสหรัฐฯ กว่า 2,000 หลักทรัพย์

สัดส่วนการลงทุนในกองทุน ETF ทั้ง 5 กองจะถูกจัดสรรอย่างเหมาะสมในพอร์ตลงทุนของคุณตามแผนลงทุน Global ETF ที่คุณเลือก ซึ่งจะเห็นได้อย่างชัดเจนว่าการลงทุนใน Global ETF กระจายการลงทุนไปในทั้งหุ้นและตราสารหนี้ทั่วโลก จึงสามารถสร้างผลตอบแทนที่คุ้มค่าเมื่อเทียบกับความเสี่ยงที่คุณต้องเผชิญ

ผลตอบแทน Global ETF ระยะเวลา 10 ปี

สำหรับการลงทุนในนโยบายอื่นของ Jitta Wealth เช่น Jitta Ranking จะมีทีมพัฒนาระบบ AI เพื่อใช้คัดกรองหาหุ้นที่ดีที่สุดในราคาต่ำที่สุดเพื่อจัดพอร์ตให้กับคุณ ซึ่งล่าสุดในปี 2565 ทีมงานได้พัฒนาระบบ AI โดยเพิ่มน้ำหนักให้กับผลประกอบการในปัจจุบัน ก่อนที่จะนำมาจัดอันดับ Jitta Ranking ซึ่งคุณสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ ที่นี่

อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ที่ Jitta Wealth เปิดให้บริการนโยบาย Global ETF มา เราพบว่าแนวคิดและระบบการทำงานเบื้องหลังนโยบายนี้มีความแข็งแกร่งอยู่แล้ว เราจึงไม่จำเป็นต้องปรับระบบการทำงานของ AI หรือเปลี่ยนแปลงกองทุน ETF ที่คัดสรรมาให้คุณลงทุนเลยสักครั้งเดียว

สิ่งที่พิสูจน์ว่าการ ‘ลงทุน Global ETF’ ทั้ง 3 แผนมีความแข็งแกร่งคือผลการทดสอบ Backtest ในระยะเวลาทั้งหมด 10 ปี ที่จะช่วยให้คุณเห็นภาพชัดเจนมากขึ้นว่านโยบาย Global ETF สามารถสร้างผลตอบแทนให้กับคุณได้เป็นอย่างดีในระยะยาว

ในวันนี้ทีมงาน Jitta Wealth จะมาแสดงผลการทดสอบ Backtest ด้วยเงินทั้งสิ้น 50,000 บาท ในนโยบาย Global ETF ทั้ง 3 แผน ว่าหากคุณลงทุน 50,000 บาท ตั้งแต่วันที่ 31 ธันวาคม 2554 จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2564 เงินของคุณจะมีมูลค่าเท่าไรในปัจจุบัน

ลงทุน Global ETF

จากการคำนวณผลตอบแทนในระยะเวลาทั้งหมด 10 ปี การลงทุนใน Global ETF แผนพอเพียง จะสร้างผลตอบแทนเฉลี่ยแบบทบต้นอยู่ที่ประมาณ 4.31% ต่อปี ซึ่งสูงกว่าผลตอบแทนเฉลี่ยคาดหวังที่ 4% ต่อปี หรือทำผลตอบแทนรวมทั้งหมด 52.49% ตลอด 10 ปี และด้วยผลตอบแทนเฉลี่ยแบบทบต้นในระดับนี้ ‘จะทำให้เงิน 50,000 บาท กลายเป็น 76,245 บาท ณ สิ้นปี 2564’

ลงทุน Global ETF

จากการคำนวณผลตอบแทน ในระยะเวลาทั้งหมด 10 ปี การลงทุนใน Global ETF แผนสมดุล จะสร้างผลตอบแทนเฉลี่ยแบบทบต้นอยู่ที่ประมาณ 7.48% ต่อปี ซึ่งสูงกว่าผลตอบแทนเฉลี่ยคาดหวังที่ 6% ต่อปี หรือผลตอบแทนรวมทั้งหมด 105.84% ตลอด 10 ปี และด้วยผลตอบแทนเฉลี่ยแบบทบต้นในระดับนี้ ‘จะทำให้เงิน 50,000 บาท กลายเป็น 102,919 บาท ณ สิ้นปี 2564’

ลงทุน Global ETF

จากการคำนวณผลตอบแทน ในระยะเวลาทั้งหมด 10 ปี การลงทุนใน Global ETF แผนเติบโต จะสร้างผลตอบแทนเฉลี่ยแบบทบต้นอยู่ที่ประมาณ 9.82% ต่อปี ซึ่งสูงกว่าผลตอบแทนเฉลี่ยคาดหวังที่ 8% ต่อปี หรือผลตอบแทนรวมทั้งหมด 155.31% และด้วยผลตอบแทนเฉลี่ยแบบทบต้นในระดับนี้ ‘จะทำให้เงิน 50,000 บาท กลายเป็น 127,657 บาท ในสิ้นปี 2564’

ทั้งหมดนี้คือผลตอบแทนจากการทดสอบย้อนหลังในระยะเวลา 10 ปี ของการลงทุนใน Global ETF ทั้ง 3 แผน ซึ่งเราแนะนำให้คุณเลือกลงทุนตามระดับความเสี่ยงที่คุณรับได้ โดยในแต่ละแผนลงทุนจะมีความผันผวนที่แตกต่างกันตามสัดส่วนการลงทุนที่คุณเลือก 

แต่ถ้าหากคุณต้องการลงทุนใน Global ETF ตามคำแนะนำของ ‘นักลงทุนระดับโลก’ คุณควรเลือกแผนลงทุนใด ในบทความนี้ทีมงานได้รวบรวมข้อมูลเพื่อช่วยประกอบการตัดสินใจให้คุณแล้วเช่นกัน

ลงทุน Global ETF ตามแบบ Benjamin Graham

Benjamin Graham ผู้ถูกยกย่องให้เป็น ‘บิดาแห่งการลงทุนแบบเน้นคุณค่า’ และยังเป็นอาจารย์คนแรกๆ ของนักลงทุนระดับโลกอย่าง Warren Buffett อีกด้วย Graham ได้สอนบทเรียนการลงทุนต่างๆ มากมาย และเขียนหนังสือ The Intelligent Investor เพื่อให้คำแนะนำกับทุกคนที่มีความสนใจจะลงทุน

หนึ่งในบทเรียนที่สำคัญที่สุดในหนังสือ The Intelligent Investor คือ การเลือกกลยุทธ์การลงทุนว่าคุณจะเป็น นักลงทุนเชิงรับ หรือ นักลงทุนเชิงรุก ซึ่งนักลงทุนแต่ละแบบจะมีกลยุทธ์การลงทุนที่แตกต่างกันออกไป 

ในบทเรียนนี้ Graham ได้ให้ความหมายของแนวทางการเป็น นักลงทุนเชิงรุก และ นักลงทุนเชิงรับ เอาไว้ว่า นักลงทุนเชิงรุก ต้องใช้ความพยายามและความทุ่มเทสูง ซึ่งจะแตกต่างกับ นักลงทุนเชิงรับ ที่จะใช้เวลาและความทุ่มเทที่ต่ำกว่าแต่ต้องอาศัยวินัยในการลงทุนมากกว่า

Graham ได้ย้ำว่าการเป็น นักลงทุนเชิงรับ นั้นเป็นสิ่งที่ทุกคนสามารถทำได้ และแนะนำกลยุทธ์การลงทุนสำหรับนักลงทุนเชิงรับ ดังนี้

  • สัดส่วนการลงทุนที่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนเชิงรับ คือ ลงทุนใน หุ้นสามัญ 50% ตราสารหนี้ 50%
    • ตรงกับนโยบาย Global ETF แผนสมดุล ที่ลงทุนในหุ้นและตราสารหนี้ในสัดส่วนที่เท่ากัน
  • นักลงทุนเชิงรับสามารถเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในหุ้นและตราสารหนี้ที่เหมาะสมกับตัวเองได้ โดยในหนังสือเขียนว่า ลงทุนใน หุ้นสามัญ 75% ตราสารหนี้ 25%
    • ใกล้เคียงกับนโยบาย Global ETF เติบโต ที่ลงทุนใน หุ้นสามัญ 80% ตราสารหนี้ 20%

อย่างไรก็ตาม Jitta Wealth ได้เพิ่ม Global ETF แผนพอเพียง เพื่อให้ครอบคลุมสำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ต่ำด้วย ซึ่งตรงกับความคิดเห็นของ Graham ที่กล่าวเอาไว้ว่า ‘การจัดสัดส่วนการลงทุนสำหรับนักลงทุนเชิงรับขึ้นอยู่กับความเสี่ยงของแต่ละบุคคล’

สำหรับวินัยในการลงทุนที่ Graham พูดถึงสำหรับนักลงทุนเชิงรับคือ เมื่อใดก็ตามที่สัดส่วนของสินทรัพย์ประเภทใดประเภทหนึ่งทำผลตอบแทนได้สูงจนทำให้สัดส่วนการลงทุนเปลี่ยนไปจากเดิม คุณต้องมีวินัยในการปรับพอร์ตลงทุน โดยการขายสินทรัพย์ที่มีสัดส่วนสูงกว่าแผนลงทุนเดิมออกไป และนำเงินที่ได้มาลงทุนเพิ่มในสินทรัพย์ที่มีสัดส่วนต่ำกว่าแผนลงทุนเดิม

ยกตัวอย่างเช่น หากแผนลงทุนที่คุณเลือกมีการลงทุนในหุ้น 50% และตราสารหนี้ 50% ของมูลค่าพอร์ตลงทุน แต่สภาวะตลาดขณะนั้นทำให้สัดส่วนของหุ้นเพิ่มขึ้นเป็น 55% และลดสัดส่วนตราสารหนี้ลงเหลือ 45% สิ่งที่คุณควรปฏิบัติ คือ การขายหุ้นออกมาบางส่วนแล้วนำเงินไปซื้อตราสารหนี้เพิ่ม เพื่อปรับสัดส่วนการลงทุนในพอร์ตให้กลับไปที่ 50:50 เหมือนเดิม ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องใช้วินัยและต้องจัดการกับอารมณ์ส่วนตัวของคุณด้วย

แต่สำหรับการลงทุนในนโยบาย Global ETF จะช่วยขจัดปัญหานี้ไปได้ เพราะเมื่อใดก็ตามที่สัดส่วนของหุ้นหรือตราสารหนี้ขยับจากสัดส่วนที่ควรจะเป็นเกิน 5% จากแผนลงทุนที่คุณเลือกไว้ ระบบจะปรับสัดส่วนการลงทุนให้โดยอัตโนมัติ คุณจึงมั่นใจได้ว่าจะไม่มีการใช้อารมณ์ในการตัดสินใจลงทุนอย่างแน่นอน

ทั้งหมดนี้คือเหตุผลที่ทำให้การลงทุนใน Global ETF เข้ากับทฤษฎี ‘นักลงทุนเชิงรับ’ อย่างสมบูรณ์ อีกทั้งยังมีค่าบริหารจัดการถูกกว่าการลงทุนในสินทรัพย์เหล่านี้ด้วยตนเอง จึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจมากสำหรับผู้ที่ต้องการลงทุนตามที่ Benjamin Graham แนะนำ

นโยบาย Global ETF เป็นนโยบายที่เหมาะสมสำหรับทุกคนที่สนใจการลงทุน เพราะสามารถเลือกแผนตามความเสี่ยงที่คุณรับได้ โดยสามารถลงทุนได้ในทุกช่วงอายุและยังเหมาะที่จะใช้กลยุทธ์ DCA (Dollar-cost averaging) สำหรับลงทุนและช่วยให้พอร์ตเติบโตได้ในระยะยาวอีกด้วย

หากคุณสนใจจะลงทุนใน Global ETF สามารถไปศึกษาข้อมูลเพิ่มเติบได้ที่ https://jittawealth.com/global-etf หรือหากคุณยังมีข้อสงสัยในนโยบาย Global ETF หรือนโยบายอื่นๆ สามารถสอบถามเข้ามาได้ที่ Facebook: Jitta Wealth และ Line ID: @JittaWealth


กองทุนส่วนบุคคล Jitta Wealth บริหารจัดการโดย บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน จิตตะ เวลธ์ จำกัด ซึ่งเป็น WealthTech แห่งแรกของไทยที่ได้รับใบอนุญาตจากกระทรวงการคลัง กำกับโดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ใบอนุญาตเลขที่ ลค-0105-01

ผลตอบแทน การเปรียบเทียบหรือการจัดอันดับการดำเนินงานในอดีตที่เกี่ยวข้องกับการลงทุน ไม่การันตีผลตอบแทนในอนาคต การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจนโยบายการลงทุน เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน และความเสี่ยงอื่นๆ ก่อนตัดสินใจลงทุน


อ้างอิง

  1. Defensive Investors: Rules from the Classic Book, The Intelligent Investor https://einvestingforbeginners.com/defensive-investors-daah/
  2. Dollar-Cost Averaging (DCA) https://www.investopedia.com/terms/d/dollarcostaveraging.asp
  3. The Enterprising Investor – The Intelligent Investor Book Review https://www.arborinvestmentplanner.com/enterprising-investor-intelligent-book-review-chapters-6-7-15/
  4. Vanguard FTSE Developed Markets ETF (VEA) https://investor.vanguard.com/etf/profile/VEA
  5. Vanguard FTSE Emerging Markets ETF (VWO) https://investor.vanguard.com/etf/profile/VWO

อ่านเพิ่มเติม

Jitta Wealth เปลี่ยน ETF ใหม่ในนโยบาย Global ETF และ Thematic

อัปเดตการลงทุนนโยบาย Thematic Optimize และ Jitta Ranking ปี 2566