Skip to content - ข้ามไปที่เนื้อหา
Blog

ผลตอบแทนจริง Thematic Optimize ปี 2566 คว้าโอกาส + 15% ด้วย AI


Optimize Thematic

โลกพัฒนาอย่างรวดเร็ว ธุรกิจและธีมการลงทุนก็เหมือนกัน อยากลงทุนในธุรกิจที่มีโอกาสเติบโตสูง แต่ไม่รู้จะเลือกลงทุนในธีมอะไรดี 

เซมิคอนดักเตอร์ก็น่าสนใจ เมตาเวิร์สก็เข้าตา เทคโนโลยีก็ขยับขึ้นมาโดดเด่น หลายธีมดูน่าสนใจไปหมด แต่ติดที่ไม่มีเวลามาศึกษาลงลึกในแต่ละธีม

พร้อมที่จะให้ AI ช่วยคุณลงทุนหุ้นเมกะเทรนด์ สร้างผลตอบแทนระยะยาวไปตามการเติบโตของธุรกิจที่เป็นเสาหลักของโลกหรือยัง?

ด้วย AI เฉพาะตัวของ Thematic Optimize คุณไม่จำเป็นต้องรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับทุกเมกะเทรนด์ในโลก

แล้วให้ AI วิเคราะห์เลือกธีมเมกะเทรนด์ที่ธุรกิจกำลังอยู่ในช่วงเติบโตมาไว้ในพอร์ต พร้อมดูแลปรับพอร์ตทุก 3 เดือนอัตโนมัติให้คุณมั่นใจได้ว่า คุณจะได้ลงทุนในเมกะเทรนด์ที่ดีอยู่ตลอด 

แล้วยิ่งคุณลงทุนอย่างมีวินัย DCA เพิ่มทุนสม่ำเสมอได้ ยิ่งผลตอบแทนดีในระยะยาว

ดูอย่างผลตอบแทนปี 2566 ที่พอร์ตนักลงทุน Thematic Optimize ทำผลตอบแทนเฉลี่ยได้ถึง +15%

ในบทความนี้เราจะพาคุณไปดู 3 จุดเด่นของนโนบาย Thematic Optimize เหตุผลที่ทำให้ผลตอบแทนเฉลี่ยของนโยบายนี้ดีขนาดนี้! 

วิกฤติโลกก็ทำอะไร AI ไม่ได้ 

ในปี 2565 ธีมเมกะเทรนด์หลายธีมเติบโตสูงมาก ในปี 2566 ที่ผ่านมา หลายๆ ธีมปรับฐาน ทำผลตอบแทนลดลงมาจากสถานการณ์ดอกเบี้ยสูง 

นักลงทุนจำนวนมากเริ่มกังวลว่า บริษัทในธีมเมกะเทรนด์เหล่านี้ที่ยังไม่ทำกำไร อาจจะไปต่อไม่ได้ เพราะไม่สามารถกู้เงินต่อเพื่อมาทำธุรกิจได้ เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยเงินกู้สูง จึงเทขาย

นี่เองคือจุดต่าง ที่ทำให้ AI ทำผลตอบแทนได้ดีในปีที่แล้ว เพราะ AI ไม่มีความรู้สึกหวั่นไหวไปตามกระแส แต่ดูพื้นฐานธุรกิจ ดูงบการเงินเป็นหลัก

ซึ่งพื้นฐานธุรกิจของหลายธีมเมกะเทรนด์ก็ไม่ได้ย่ำแย่ไปอย่างที่นักลงทุนหลายคนกังวล กลับมีรายได้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ด้วยซ้ำ 

กลายเป็นว่า AI ได้ค้นพบ ‘เมกะเทรนด์เติบโตดี ราคาถูก’ เข้าอย่างจัง จึงได้เข้าไปเลือกธีมเหล่านี้มาใส่พอร์ตให้นักลงทุน 

ทำให้ปีที่แล้ว แม้ว่าสถานการณ์โลกจะไม่ได้สวยหรู แต่ด้วยการคัดเลือกธีมเมกะเทรนด์พื้นฐานดี มีอนาคต ของ AI ก็สามารถสร้างผลตอบแทนเฉลี่ย +15% อย่างที่เห็น 

และถ้ามองกันระยะยาว เมกะเทรนด์กว่า 23 ธีมที่ Jitta Wealth คัดสรรมาแล้วนั้น เป็นธีมเมกะเทรนด์ที่เป็นที่ต้องการสูงในปัจจุบันและอาจกลายเป็นเสาหลักของโลกในอนาคต 

หรือพูดให้เห็นภาพมากขึ้นคือ ธุรกิจเหล่านี้เป็นธุรกิจที่เราขาดไม่ได้ในการใช้ชีวิต!

การลงทุนเมกะเทรนด์ด้วย AI ของ Thematic Optimize จึงมอบช่องทางการลงทุนระยะยาวที่คาดการณ์ได้ค่อนข้างชัดว่าจะเติบโตหรือไม่ และเติบโตอย่างไร นักลงทุนไม่จำเป็นต้องรู้ทุกเรื่อง ตามติดทุกข่าวสารเลย 

3 จุดเด่นของนโยบาย Thematic Optimize

AI คัดเลือกธีมธุรกิจเมกะเทรนด์อนาคตไกลจากพื้นฐานงบการเงิน

ข้อดีของ AI คือ แสกนข้อมูลใน ETF ของแต่ละธีมย้อนหลังและรอบด้าน เพื่อให้ได้ธีมที่น่าลงทุนที่สุด ดังนั้นธีมที่ผ่านการเลือกของ AI จะอยู่บนพื้นฐานของบิ๊กดาตาและตัวเลข

AI ที่ Jitta Wealth พัฒนาขึ้นมา จะไม่มีอารมณ์และอคติใดๆ 

ถ้าคุณอยากจัดพอร์ตลงทุนบนหลักเหตุและผลแบบตรงไปตรงมา ให้ AI ของ Thematic Optimize จัดพอร์ตให้ คุณก็จำกัดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการตัดสินใจผิดพลาด อันเกิดจากอารมณ์แปรปรวนคาดการณ์ไม่ได้ของมนุษย์ไปได้แล้ว

ปรับพอร์ตทุกๆ 3 เดือนอัตโนมัติ ให้คุณลงทุนในธีมคุณภาพอยู่เสมอ

AI จะคอยรีวิวพอร์ตทุกสิ้นไตรมาส หากธีมที่ลงทุนมีการเปลี่ยนแปลง เช่น ราคาหรือผลตอบแทนลดลง ETF มีความผันผวนจากกระแสข่าวที่เกิดขึ้น AI จะเลือกธีมใหม่ที่ดีกว่าเข้ามาแทน คุณมั่นใจได้ว่า จะลงทุนในธีมที่น่าลงทุนที่สุดอยู่เสมอ

การปรับพอร์ตลงทุนทุก 3 เดือนเป็นการสร้างวินัยการลงทุนที่ดี เพราะ ETF จะอัปเดตผลตอบแทนและพอร์ตลงทุนรายไตรมาสเหมือนกับหุ้น ดังนั้นการพัฒนา AI เพื่อมาอำนวยความสะดวกในการรีวิวพอร์ต ก็ช่วยให้คุณยังรักษาวินัยการลงทุนได้ 

คุณไม่จำเป็นต้องไปหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับธีมที่คุณสนใจ หรือปรับพอร์ตลงทุนด้วยตัวเอง พร้อมกับมั่นใจได้ว่า พอร์ตลงทุนแบบ Thematic ยังมีการเติบโตได้ แม้จะเผชิญความผันผวนระยะสั้นในโลกการลงทุนก็ตาม

หากต้องการให้มูลค่าพอร์ตเติบโต สำหรับการลงทุนระยะยาว คุณเพียงเพิ่มทุน หรือ DCA (Dollar Cost Averaging) เข้าไปในพอร์ต แล้วให้ AI ทำงานและปรับพอร์ตให้คุณทุกไตรมาสนั่นเอง

จัดพอร์ตด้วย Passive ETF ค่าธรรมเนียมต่ำ ดันพอร์ตเติบโตระยะยาว 

ทุกธีมเมกะเทรนด์ที่ Jitta Wealth คัดสรรมาล้วนเป็น Passive ETF ทั้งสิ้น โดย Passive ETF คือ ETF ที่มีนโยบายเชิงรับหรือกองทุนดัชนี บริหารกองทุนให้ได้ผลตอบแทนล้อไปตามดัชนีชี้วัด (Benchmark) มากที่สุด 

จุดเด่นของ Passive ETF คือ ค่าธรรมเนียมต่ำ ทำให้คุณได้กำไรอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยมากขึ้น พร้อมดันพอร์ตของคุณให้เติบโตได้ในระยะยาว

พัฒนาไม่หยุด ดีแล้ว ต้องดีได้อีก

Warren Buffett เคยพูดเอาไว้ว่า “The more you learn, the more you earn.” (ยิ่งคุณเรียนรู้มากเท่าไหร่ คุณก็จะได้รับมากเท่านั้น) และเราเชื่อแบบนั้น… 

ทำให้เป็นประจำทุกปี ไม่ว่าตลาดหุ้นจะขึ้นหรือจะลง Jitta Wealth จะเก็บเกี่ยวรวบรวมสิ่งที่ได้เรียนรู้ ปัญหาที่เจอ รวมไปถึงข้อติชมและข้อเสนอแนะที่ได้รับจากนักลงทุน มาเรียนรู้ ต่อยอด พัฒนาเทคโนโลยีการบริหารพอร์ตลงทุนเพื่อประสิทธิภาพที่ดีขึ้นของพอร์ตทุกๆ คน

คุณมั่นใจได้ว่า วันนี้คุณว่าดีแล้ว วันพรุ่งนี้ต้องดีขึ้นอีก! 

ตลอดปีที่ผ่านมา จากการวิเคราะห์พอร์ตต่างๆ อย่างใกล้ชิดเป็นประจำของ Jitta Wealth ทำให้เราค้นพบว่าการประกาศงบการเงินของธีมต่างๆ อาจจะทำให้พื้นฐานเปลี่ยนแปลงไปบ้างตามงบที่ออกมา 

แต่หลายๆ ธีมก็มีพื้นฐานและการเติบโตแตกต่างกันไม่มากนัก ทำให้จริงๆ แล้วอับดับจากการคำนวณของ AI อยู่ใกล้กันมาก ระหว่างอันดับ 1 2 3 4 5 และ 6 

เราจึงลองเอาข้อมูลเหล่านี้มาพัฒนาต่อ แล้วพบว่า ถ้าเราเปลี่ยนการปรับพอร์ต จากเดิมธีมที่อยู่เกินอันดับที่ 4 จะถูกขายออก กลายเป็นถ้าธีมเดิมยังอยู่ในอันดับที่ 1-6 ก็จะไม่มีการขายออกแต่อย่างใด 

และจากการทดสอบ แนวทางการปรับพอร์ตแบบใหม่นี้ ทำให้พอร์ตโดยรวมของเรานิ่งขึ้น ซึ่งการปรับพอร์ตแบบใหม่นี้จะยิ่งส่งผลดีในระยะยาว ทำให้ผลตอบแทนรวมของพอร์ต Thematic Optimize ดียิ่งขึ้น

คุณสามารถอ่านแนวทางการปรับพอร์ตใหม่อย่างละเอียดได้ที่นี่ 

และด้วย 3 จุดเด่นของนโยบาย Thematic Optimize ที่เป็นเหตุผลหลักที่ทำให้ผลตอบแทนเฉลี่ยของนโยบายสูงถึง +15.27% บวกกับการพัฒนาที่ผ่านการทดสอบมาแล้วของ Jitta Wealth ที่ได้เริ่มใช้ไปแล้วตั้งแต่วันที่ 31 ธันวาคม 2566 

ยิ่งทำให้นโยบาย Thematic Optimize มีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดียิ่งขึ้นไปอีกในปีนี้! 

ถ้าคุณเป็นคนที่อยากลงทุนในธีมเมกะเทรนด์ แต่ไม่รู้ว่าจะลงทุนธีมอะไรดี ปล่อยให้ AI ของ Thematic Optimize จัดการให้แล้วเอาเวลาไปใช้ชีวิตสบายๆ อย่างที่คุณต้องการได้เลยครับ 

<โอนเงินเริ่มลงทุน Thematic Optimize>

ลงทุนเริ่มต้น 10,000 บาท เพิ่มทุนขั้นต่ำ 1,000 บาท


ประสบการณ์จากนักลงทุนจริง

อย่างคุณอภิชาติ มีศรี ที่มีเป้าหมายการลงทุน เพื่อความมั่นคงในอนาคต ลงทุนมาประมาณ 1 ปี  แต่สร้างผลตอบแทนจากพอร์ต Thematic Optimize ไปกว่า +15.63% แล้วครับ

“ปีนี้เป็นปีแรกเลยเน้นจับจังหวะในช่วงที่ตลาดขาลงแล้วเพิ่มทุน แต่ปีหน้า (2567) จะเริ่มทยอย DCA ทดลองเปิด 2 พอร์ต (Global ETF และ Thematic Optimize) เพื่อดูแนวทางว่า AI ทำงานได้ดีแค่ไหน ผลลัพธ์ปีนี้ (2566) เป็นที่น่าพอใจ เลยไว้ใจให้ Jitta Wealth ช่วยดูแลในส่วนนี้ครับ” 


หากคุณมีข้อสงสัยหรือคำถามเกี่ยวกับการอัปเดตอัลกอริทึมและการบริหารจัดการพอร์ต Jitta Wealth สามารถติดต่อสอบถามในกลุ่ม Jitta Wealth Official หรือทาง Line ID: @JittaWealth ได้ในวันและเวลาทำการ


ผลตอบแทนในอดีต ไม่สามารถการันตีผลตอบแทนในอนาคต การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจนโยบายการลงทุน เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน การลงทุนต่างประเทศอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน


กองทุนส่วนบุคคล Jitta Wealth บริหารจัดการโดย บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน จิตตะ เวลธ์ จำกัด ซึ่งเป็น WealthTech แห่งแรกของไทยที่ได้รับใบอนุญาตจากกระทรวงการคลัง กำกับโดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ใบอนุญาตเลขที่ ลค-0105-01 ผลตอบแทน การเปรียบเทียบหรือการจัดอันดับการดำเนินงานในอดีตที่เกี่ยวข้องกับการลงทุน ไม่การันตีผลตอบแทนในอนาคต การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจนโยบายการลงทุน เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน และความเสี่ยงอื่นๆ ก่อนตัดสินใจลงทุน